กรุงเทพ--16 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังจากการเข้าเยี่ยมคารวะนาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
1. รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยนับเป็นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกของอาซียนที่ได้เดินทางเยือนอินเดีย ซึ่งการเยือนครั้งนี้นอกจากจะได้พบกับนาย K. Natwar Singh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย และภาคเอกชนโดยได้มีการหารือกันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างกว้างขวางแล้ว ยังได้มีโอกาสเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี Manmohan Singh ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี Singh กล่าวว่า อินเดียได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับอินเดีย โดยเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ไปเยือน ทั้งนี้ไทยกับอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม มิใช่เพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจการค้า หรือทางด้านการเมืองเท่านั้น
2. ในการเยี่ยมคารวะครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือประเด็นต่างๆ กับนายกรัฐมนตรีอินเดีย ดังนี้
2.1 ความตกลงเขตการค้าเสรี ไทยกับอินเดียร่วมมือกันมาอย่างดีในเรื่องของเขตการค้าเสรี ขณะนี้เหลือสินค้าอยู่บางรายการ จาก 84 รายการ ที่ยังมีการเจรจากันอยู่ นอกนั้นสามารถตกลงกัน ได้หมดแล้ว ซึ่งได้แก่ปลาแซลมอนกระป๋อง ชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนโทรศัพท์ ทั้งนี้คาดว่าสามารถบังคับใช้ได้ในเดือน ก.ค. นี้ หากทางฝ่ายการเมืองให้การสนับสนุน
2.2 ความร่วมมือ 3 ฝ่ายระหว่างไทย-พม่า-อินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดียให้ ความสนับสนุนในเรื่องกาสร้างถนนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศ ในเรื่องนี้ฝ่ายไทยได้หารือกับฝ่ายพม่าเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในส่วนของถนนที่เชื่อมต่อระหว่างแม่สอดไปเมียวดีแล้ว และได้รับทราบว่า อินเดียก็ได้หารือกับพม่าเพื่อให้การเดินทางจากทางตอนเหนือของพม่าลงมาถึงเมืองมัณฑะเลย์ เป็นไปได้โดยสะดวก ในเรื่องนี้ ทั้งฝ่ายไทยและอินเดียต่างเห็นตรงกันว่า ถนนที่เชื่อมไทย-พม่า-อินเดียจะเป็นถนนแห่งโอกาสที่จะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าการลงทุนของทั้ง 3 ประเทศ
2.3 ความร่วมมือในกรอบ ACD ประเทศไทยสนับสนุนแนวคิดของอินเดียที่จะให้มีกองทุนพันธบัตรเอเชียอีกกองทุนหนึ่ง ที่เป็นสกุลเงินของเอเชียเอง ไม่ใช่เป็นเงินสกุลดอลลาร์ และยืนยันกับอินเดียว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะจัดสรรเงินเข้ากองทุนเป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอินเดีย ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยให้ความสำคัญต่อการที่จะให้ ACD 22 ประเทศ เป็นแกนหลักในเรื่องกองทุนพันธบัตรเอเชียกองทุนที่ 2 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียสนใจและให้การสนับสนุนในเรื่อง ACD เป็นอย่างดียิ่ง
2.4 การเปิดเสรีทางการบิน นายกรัฐมนตรีอินเดียได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างยิ่ง ซึ่งไทยก็เห็นด้วยและก็ได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าวเป็นอย่างดี อย่างไรก็ดีแม้ว่ารัฐบาลอินเดียได้เปิดเสรีทางการบินแล้ว แต่ยังติดขัดที่การเจรจาทางด้านพาณิชย์ระหว่างสายการบิน เนื่องจากยังมีเรื่องที่ต้องเจรจากันอีกมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียนเสนอไปว่าเรื่องนี้ ควรที่จะคำนึงถึงผลสุดท้ายของการเปิดเสรีทางการบิน กล่าวคือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กันได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียก็เห็นด้วย และกล่าวว่าขณะนี้กำลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อแก้ปัญหาและข้อติดขัดต่างๆ ในเรื่องการเจรจาการเปิดเสรีทางด้านการบิน ซึ่งจะเป็นแนวโน้มที่ดีมากที่จะสามารถแก้ปัญหาอุปสรรคที่ผ่านมา เพราะจะได้มีการปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวต่อไป
2.5 ความร่วมมือด้านความมั่นคง ความร่วมมือทางด้านความมั่นคงเป็นไปด้วยดี โดยมีการประชุมคณะทำงานแล้ว 2 ครั้ง และในขณะเดียวกันทางกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายก็กำลังจะลงนามใน MOU เพื่อที่จะมีการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกัน อินเดียเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญต่ออินเดียมาก เนื่องจากปัญหาการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติกระทบต่อการดำเนินความสัมพันธ์ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีอินเดียทราบว่านายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางด้านความมั่นคงกับอินเดียอย่างเต็มที่
2.6 การประชุมสุดยอด BIMSTEC รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหนังสือจากนายกรัฐมนตรีของไทยแสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีอินเดียตอบรับเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ที่กรุงเทพฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียก็ได้ยืนยันอีกครั้งว่าจะมาร่วมประชุมในวันที่ 30-31 ก.ค. ศกนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังจากการเข้าเยี่ยมคารวะนาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
1. รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยนับเป็นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกของอาซียนที่ได้เดินทางเยือนอินเดีย ซึ่งการเยือนครั้งนี้นอกจากจะได้พบกับนาย K. Natwar Singh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย และภาคเอกชนโดยได้มีการหารือกันในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างกว้างขวางแล้ว ยังได้มีโอกาสเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี Manmohan Singh ด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี Singh กล่าวว่า อินเดียได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับอินเดีย โดยเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ไปเยือน ทั้งนี้ไทยกับอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม มิใช่เพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจการค้า หรือทางด้านการเมืองเท่านั้น
2. ในการเยี่ยมคารวะครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือประเด็นต่างๆ กับนายกรัฐมนตรีอินเดีย ดังนี้
2.1 ความตกลงเขตการค้าเสรี ไทยกับอินเดียร่วมมือกันมาอย่างดีในเรื่องของเขตการค้าเสรี ขณะนี้เหลือสินค้าอยู่บางรายการ จาก 84 รายการ ที่ยังมีการเจรจากันอยู่ นอกนั้นสามารถตกลงกัน ได้หมดแล้ว ซึ่งได้แก่ปลาแซลมอนกระป๋อง ชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนโทรศัพท์ ทั้งนี้คาดว่าสามารถบังคับใช้ได้ในเดือน ก.ค. นี้ หากทางฝ่ายการเมืองให้การสนับสนุน
2.2 ความร่วมมือ 3 ฝ่ายระหว่างไทย-พม่า-อินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดียให้ ความสนับสนุนในเรื่องกาสร้างถนนเชื่อมโยงระหว่างสามประเทศ ในเรื่องนี้ฝ่ายไทยได้หารือกับฝ่ายพม่าเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในส่วนของถนนที่เชื่อมต่อระหว่างแม่สอดไปเมียวดีแล้ว และได้รับทราบว่า อินเดียก็ได้หารือกับพม่าเพื่อให้การเดินทางจากทางตอนเหนือของพม่าลงมาถึงเมืองมัณฑะเลย์ เป็นไปได้โดยสะดวก ในเรื่องนี้ ทั้งฝ่ายไทยและอินเดียต่างเห็นตรงกันว่า ถนนที่เชื่อมไทย-พม่า-อินเดียจะเป็นถนนแห่งโอกาสที่จะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าการลงทุนของทั้ง 3 ประเทศ
2.3 ความร่วมมือในกรอบ ACD ประเทศไทยสนับสนุนแนวคิดของอินเดียที่จะให้มีกองทุนพันธบัตรเอเชียอีกกองทุนหนึ่ง ที่เป็นสกุลเงินของเอเชียเอง ไม่ใช่เป็นเงินสกุลดอลลาร์ และยืนยันกับอินเดียว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะจัดสรรเงินเข้ากองทุนเป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอินเดีย ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยให้ความสำคัญต่อการที่จะให้ ACD 22 ประเทศ เป็นแกนหลักในเรื่องกองทุนพันธบัตรเอเชียกองทุนที่ 2 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียสนใจและให้การสนับสนุนในเรื่อง ACD เป็นอย่างดียิ่ง
2.4 การเปิดเสรีทางการบิน นายกรัฐมนตรีอินเดียได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างยิ่ง ซึ่งไทยก็เห็นด้วยและก็ได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าวเป็นอย่างดี อย่างไรก็ดีแม้ว่ารัฐบาลอินเดียได้เปิดเสรีทางการบินแล้ว แต่ยังติดขัดที่การเจรจาทางด้านพาณิชย์ระหว่างสายการบิน เนื่องจากยังมีเรื่องที่ต้องเจรจากันอีกมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียนเสนอไปว่าเรื่องนี้ ควรที่จะคำนึงถึงผลสุดท้ายของการเปิดเสรีทางการบิน กล่าวคือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กันได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียก็เห็นด้วย และกล่าวว่าขณะนี้กำลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อแก้ปัญหาและข้อติดขัดต่างๆ ในเรื่องการเจรจาการเปิดเสรีทางด้านการบิน ซึ่งจะเป็นแนวโน้มที่ดีมากที่จะสามารถแก้ปัญหาอุปสรรคที่ผ่านมา เพราะจะได้มีการปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวต่อไป
2.5 ความร่วมมือด้านความมั่นคง ความร่วมมือทางด้านความมั่นคงเป็นไปด้วยดี โดยมีการประชุมคณะทำงานแล้ว 2 ครั้ง และในขณะเดียวกันทางกองทัพเรือของทั้งสองฝ่ายก็กำลังจะลงนามใน MOU เพื่อที่จะมีการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกัน อินเดียเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญต่ออินเดียมาก เนื่องจากปัญหาการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติกระทบต่อการดำเนินความสัมพันธ์ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีอินเดียทราบว่านายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางด้านความมั่นคงกับอินเดียอย่างเต็มที่
2.6 การประชุมสุดยอด BIMSTEC รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหนังสือจากนายกรัฐมนตรีของไทยแสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีอินเดียตอบรับเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ที่กรุงเทพฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอินเดียก็ได้ยืนยันอีกครั้งว่าจะมาร่วมประชุมในวันที่ 30-31 ก.ค. ศกนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-