กรุงเทพ--16 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
สุนทรพจน์โดย ฯพณฯ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในการเปิดการประชุมเต็มคณะ ณ ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 11 วันที่ 14 มิถุนายน 2547 ณ นครเซา เปาโล ประเทศบราซิล
ท่านเลขาธิการอังค์ถัด
ท่านรัฐมนตรี
ท่านผู้มีเกียรติ
ท่านผู้แทนที่เคารพทุกท่าน
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
ด้วยอำนาจตามกฎข้อ 16 ของกฎเกณฑ์ว่าด้วยกระบวนการของการประชุม สหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา และในฐานะผู้แทนไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะประกาศเปิดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 11
ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับประเทศบราซิลที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าภายใต้การนำของบราซิล การประชุมครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงและนำเราไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ในประเด็นว่าด้วยการค้าและการพัฒนา
สี่ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้ภาคภูมิใจกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกของสหัสวรรษ ปฏิญญากรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการ ซึ่งยังคงความสำคัญจวบจนปัจจุบัน ได้วางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
แต่หลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏภัยต่อความมั่นคงใหม่ๆ ปัญหาข้ามพรมแดนใหม่ๆ และโรคระบาดใหม่ๆ ซึ่งมีนัยสำหรับทั่วโลก ขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจและบั่นทอนความพยายามของเราในการผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่น่าแปลกคือในขณะเดียวกับที่โลกาภิวัตน์ทำให้ทั่วโลกมีความเหมือนกันมากขึ้น แต่ก็ทำให้ความแตกต่างและช่องว่างระหว่างประเทศและภายในประเทศกลับโดดเด่นขึ้นมาเช่นกัน ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดกำลังต้องประสบความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นว่าอาจจะถูกเบียดตกขอบไปจากระบบเศรษฐกิจโลก
เป็นที่น่ายินดีว่าเราได้พยายามเผชิญความท้าทายอย่างไม่ย่อท้อ การเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศในเวทีการประชุมระหว่างประเทศ อาทิ การประชุมระดมทุนเพื่อการพัฒนา (FfD) ที่มอนเทอเรย์ และการประชุมระดับผู้นำโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่โยฮันเนสเบิร์ก ได้ยกระดับความคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุพันธกิจตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ในคราวที่ข้าพเจ้าเป็นประธานการประชุมเพื่อประเมินและติดตามผลการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เราได้ประเมินบทบาทของอังค์ถัดในบริบทของพันธกิจใหม่ๆ ระหว่างประเทศ และได้วางพื้นฐานสำหรับหัวข้อย่อยของการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11
ณ บัดนี้ เราต้องใช้ความหลากหลายของรัฐสมาชิกอังค์ถัดเป็นรากฐานก่อให้เป็นความเข้มแข็งของพวกเรา โดยที่อังค์ถัดฉลองอายุครบรอบ 40 ปีในปีนี้ อาณัติและความสำคัญของอังค์ถัดยิ่งมีความจำเป็นในการสร้างฉันทามติว่าด้วยแนวทางเพื่อการพัฒนาที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ การประชุมอังค็ถัด ครั้งที่ 11 ได้เลือกหัวข้อหลักที่เหมาะสมกับเวลาและตรงประเด็นในการเสริมสร้างความสอดคล้องระหว่างระดับต่างๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายอันซับซ้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่
อังค์ถัดมีความสำคัญและจำเป็นมากกว่าเดิมในการทำให้โลกาภิวัตน์เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ในการสานเชื่อมช่องว่างและเยียวยาบาดแผลที่เปิดจากการประชุมที่แคนคูน ภายใต้การเจรจารอบโดฮา ในการผลักดันให้รอบโดฮา ซึ่งว่าไปแล้วคือรอบการเจรจาว่าด้วยการพัฒนา บรรลุผลสำเร็จสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและนำไปสู่เป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษที่เราใฝ่ฝัน หน้าที่ของเราคือการสร้างอังค์ถัดให้เข้มแข็งในฐานะเป็นเวทีสำหรับการผลักดันความคืบหน้าในความร่วมมือด้านการค้าและการพัฒนา เวทีที่จะสาธิตการผนึกกำลังระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน เวทีที่จะเปิดช่องทางสำหรับความเข้าใจระหว่างเหนือกับใต้ และเวทีสำหรับการแสดวงหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขอุปสรรคต่อการค้าและการพัฒนา
ในที่สุดแล้ว เราจะบรรลุถึงเป้าหมายเหล่านี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองในฐานะรัฐสมาชิก แต่ละประเทศจะต้องเลือกอย่างชาญฉลาดที่จะดำเนินนโยบายที่คำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาและข้อจำกัดของประเทศตัวเอง โดยจะต้องระวังรักษาให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาคมระหว่างประเทศ ไม่มีแนวทางการพัฒนาใดๆ ที่ใช้ได้กับทุกประเทศทุกสถานการณ์ ความสามารถของเราแต่ละประเทศในการบริหารจัดการโลกาภิวัตน์และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะบรรเทาความยากจนระดับโลกได้หรือไม่ และจะบรรลุถึงเป้าหมายสหัสวรรษหรือไม่
อังค์ถัด ในฐานะองค์การภายใต้ระบบสหประชาชาติ จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพัฒนาการระดับโลกให้ได้ เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกอย่างมีประสิทธิผล ความสำเร็จของอังค์ถัดย่อมหมายถึงความสำเร็จในการยกระดับความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์
ฯพณฯ
ท่านผู้แทนผู้มีเกียรติทุกท่าน
วาระที่ 2 ของการประชุมเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานของการประชุม สอดคล้องตามกฎข้อที่ 17 ของกฎเกณฑ์ว่าด้วยกระบวนการของการประชุม ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะเสนอชื่อ ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิลเข้ารับการเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งประธานของการประชุม
ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม เกิดและเติบโตที่ซาวเปาโล ท่านได้ใช้ชีวิตในอาชีพนักการทูตมาเป็นเวลายาวนานและมีเกียรติประวัติที่โดดเด่น โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิลระหว่างปีค.ศ. 1993-1994 และได้กลับมารับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกครั้งเมื่อปี 2003
ท่านได้เป็นเอกอัครราชทูตบราซิลประจำสหราชอาณาจักรและเป็นผู้แทนถาวรในสหประชาชาติและ GATT/WTO โดยได้เป็นประธานคณะกรรมการการค้าบริการของ WTO เมื่อปี 2001 นอกจากนั้น ท่านยังได้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติอื่นๆ เช่นประธานการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ที่นครเจนีวา และประธานคณะกรรมการบริหารองค์การแรงงานระหว่างประเทศขณะที่ท่านรับใช้ประเทศในฐานะผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติในนิวยอร์ก ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของคณะมนตรีความมั่นคงและประธานร่วมของกลุ่มระหว่างการประชุมของคณะกรรมการว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อทำหน้าที่เตรียมการประชุมสมัยพิเศษของสมัชชาใหญ่
จากประสบการณ์อันกว้างขวางและหลากหลายของท่าน ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม นำมุมมองที่กว้างไกลมาสู่ประเด็นการค้าและการพัฒนา ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการประชุมครั้งนี้
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานของการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 ข้าพเจ้าขอร่วมแสดงความยินดี และเชิญ ฯพณฯ ขึ้นนั่งประจำที่ที่โพเดียม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
สุนทรพจน์โดย ฯพณฯ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในการเปิดการประชุมเต็มคณะ ณ ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 11 วันที่ 14 มิถุนายน 2547 ณ นครเซา เปาโล ประเทศบราซิล
ท่านเลขาธิการอังค์ถัด
ท่านรัฐมนตรี
ท่านผู้มีเกียรติ
ท่านผู้แทนที่เคารพทุกท่าน
ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
ด้วยอำนาจตามกฎข้อ 16 ของกฎเกณฑ์ว่าด้วยกระบวนการของการประชุม สหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา และในฐานะผู้แทนไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะประกาศเปิดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 11
ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับประเทศบราซิลที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าภายใต้การนำของบราซิล การประชุมครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงและนำเราไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ในประเด็นว่าด้วยการค้าและการพัฒนา
สี่ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้ภาคภูมิใจกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกของสหัสวรรษ ปฏิญญากรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการ ซึ่งยังคงความสำคัญจวบจนปัจจุบัน ได้วางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
แต่หลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ได้ปรากฏภัยต่อความมั่นคงใหม่ๆ ปัญหาข้ามพรมแดนใหม่ๆ และโรคระบาดใหม่ๆ ซึ่งมีนัยสำหรับทั่วโลก ขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจและบั่นทอนความพยายามของเราในการผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่น่าแปลกคือในขณะเดียวกับที่โลกาภิวัตน์ทำให้ทั่วโลกมีความเหมือนกันมากขึ้น แต่ก็ทำให้ความแตกต่างและช่องว่างระหว่างประเทศและภายในประเทศกลับโดดเด่นขึ้นมาเช่นกัน ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดกำลังต้องประสบความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นว่าอาจจะถูกเบียดตกขอบไปจากระบบเศรษฐกิจโลก
เป็นที่น่ายินดีว่าเราได้พยายามเผชิญความท้าทายอย่างไม่ย่อท้อ การเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศในเวทีการประชุมระหว่างประเทศ อาทิ การประชุมระดมทุนเพื่อการพัฒนา (FfD) ที่มอนเทอเรย์ และการประชุมระดับผู้นำโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่โยฮันเนสเบิร์ก ได้ยกระดับความคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุพันธกิจตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ในคราวที่ข้าพเจ้าเป็นประธานการประชุมเพื่อประเมินและติดตามผลการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 เมื่อปีพ.ศ. 2545 เราได้ประเมินบทบาทของอังค์ถัดในบริบทของพันธกิจใหม่ๆ ระหว่างประเทศ และได้วางพื้นฐานสำหรับหัวข้อย่อยของการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11
ณ บัดนี้ เราต้องใช้ความหลากหลายของรัฐสมาชิกอังค์ถัดเป็นรากฐานก่อให้เป็นความเข้มแข็งของพวกเรา โดยที่อังค์ถัดฉลองอายุครบรอบ 40 ปีในปีนี้ อาณัติและความสำคัญของอังค์ถัดยิ่งมีความจำเป็นในการสร้างฉันทามติว่าด้วยแนวทางเพื่อการพัฒนาที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ การประชุมอังค็ถัด ครั้งที่ 11 ได้เลือกหัวข้อหลักที่เหมาะสมกับเวลาและตรงประเด็นในการเสริมสร้างความสอดคล้องระหว่างระดับต่างๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายอันซับซ้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่
อังค์ถัดมีความสำคัญและจำเป็นมากกว่าเดิมในการทำให้โลกาภิวัตน์เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ในการสานเชื่อมช่องว่างและเยียวยาบาดแผลที่เปิดจากการประชุมที่แคนคูน ภายใต้การเจรจารอบโดฮา ในการผลักดันให้รอบโดฮา ซึ่งว่าไปแล้วคือรอบการเจรจาว่าด้วยการพัฒนา บรรลุผลสำเร็จสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและนำไปสู่เป้าหมายพัฒนาสหัสวรรษที่เราใฝ่ฝัน หน้าที่ของเราคือการสร้างอังค์ถัดให้เข้มแข็งในฐานะเป็นเวทีสำหรับการผลักดันความคืบหน้าในความร่วมมือด้านการค้าและการพัฒนา เวทีที่จะสาธิตการผนึกกำลังระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน เวทีที่จะเปิดช่องทางสำหรับความเข้าใจระหว่างเหนือกับใต้ และเวทีสำหรับการแสดวงหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขอุปสรรคต่อการค้าและการพัฒนา
ในที่สุดแล้ว เราจะบรรลุถึงเป้าหมายเหล่านี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองในฐานะรัฐสมาชิก แต่ละประเทศจะต้องเลือกอย่างชาญฉลาดที่จะดำเนินนโยบายที่คำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาและข้อจำกัดของประเทศตัวเอง โดยจะต้องระวังรักษาให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาคมระหว่างประเทศ ไม่มีแนวทางการพัฒนาใดๆ ที่ใช้ได้กับทุกประเทศทุกสถานการณ์ ความสามารถของเราแต่ละประเทศในการบริหารจัดการโลกาภิวัตน์และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะบรรเทาความยากจนระดับโลกได้หรือไม่ และจะบรรลุถึงเป้าหมายสหัสวรรษหรือไม่
อังค์ถัด ในฐานะองค์การภายใต้ระบบสหประชาชาติ จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพัฒนาการระดับโลกให้ได้ เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกอย่างมีประสิทธิผล ความสำเร็จของอังค์ถัดย่อมหมายถึงความสำเร็จในการยกระดับความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์
ฯพณฯ
ท่านผู้แทนผู้มีเกียรติทุกท่าน
วาระที่ 2 ของการประชุมเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานของการประชุม สอดคล้องตามกฎข้อที่ 17 ของกฎเกณฑ์ว่าด้วยกระบวนการของการประชุม ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะเสนอชื่อ ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิลเข้ารับการเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งประธานของการประชุม
ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม เกิดและเติบโตที่ซาวเปาโล ท่านได้ใช้ชีวิตในอาชีพนักการทูตมาเป็นเวลายาวนานและมีเกียรติประวัติที่โดดเด่น โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิลระหว่างปีค.ศ. 1993-1994 และได้กลับมารับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกครั้งเมื่อปี 2003
ท่านได้เป็นเอกอัครราชทูตบราซิลประจำสหราชอาณาจักรและเป็นผู้แทนถาวรในสหประชาชาติและ GATT/WTO โดยได้เป็นประธานคณะกรรมการการค้าบริการของ WTO เมื่อปี 2001 นอกจากนั้น ท่านยังได้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติอื่นๆ เช่นประธานการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ที่นครเจนีวา และประธานคณะกรรมการบริหารองค์การแรงงานระหว่างประเทศขณะที่ท่านรับใช้ประเทศในฐานะผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติในนิวยอร์ก ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของคณะมนตรีความมั่นคงและประธานร่วมของกลุ่มระหว่างการประชุมของคณะกรรมการว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อทำหน้าที่เตรียมการประชุมสมัยพิเศษของสมัชชาใหญ่
จากประสบการณ์อันกว้างขวางและหลากหลายของท่าน ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม นำมุมมองที่กว้างไกลมาสู่ประเด็นการค้าและการพัฒนา ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการประชุมครั้งนี้
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าขอประกาศว่า ฯพณฯ เซลโซ อะมอริม เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานของการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 ข้าพเจ้าขอร่วมแสดงความยินดี และเชิญ ฯพณฯ ขึ้นนั่งประจำที่ที่โพเดียม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-