แท็ก
ธปท.
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.กำหนดแผนพัฒนาระบบการชำระเงินที่สมบูรณ์แบบภายในปี 50 รายงานระบบการชำระเงินประจำปี 46 ของธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงแผนพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศ โดยมีกรอบการทำงานในระหว่างปี 47-50 คือการพัฒนาให้มีระบบการ
ชำระเงินที่ครอบคลุมสื่อการชำระเงินทุกประเภทอย่างเหมาะสมและเป็นระบบการชำระเงินที่สอดคล้องกับ BIS Core Principles อีกทั้งยังมี
การผลักดันให้เกิดระบบการชำระเงินที่รองรับธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีข้อมูลการชำระเงินที่สมบูรณ์ และเตรียมรองรับการพัฒนาระบบการ
ชำระเงิน การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ให้ทันกับความเคลื่อนไหวในภูมิภาค ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติในปี 46 ปริมาณการโอนเงินผ่านระบบการ
ชำระเงินต่างๆ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นสูงถึง 18 เท่าของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) หรือมีมูลค่าเฉลี่ยวันละ 430 พัน ล.บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ
สำคัญของกลไกการทำงานของสื่อการชำระเงินทุกประเภท ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ สำหรับสถิติเกี่ยวกับการชำระเงินในปี 46 จำนวนบัตรเครดิตที่ออก
โดยสถาบันการเงินมีจำนวนทั้งสิ้น 4,224,362 ใบ จำนวนบัตรเอทีเอ็ม 29,666,295 ใบ มูลค่าการใช้จ่ายของคนไทยผ่านบัตรเครดิตเฉลี่ยต่อเดือน
เท่ากับ 4,065 บาทต่อบัตร และมูลค่าการถอนเงินสดผ่านบัตรเอทีเอ็มเฉลี่ยต่อเดือนเท่ากับ 6,230 บาทต่อบัตร ส่วนปริมาณการใช้เช็คเฉลี่ยต่อ
จำนวนประชากรเท่ากับ 1.5 ฉบับ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. การปรับโครงสร้างหนี้ของ ธพ.มีความคืบหน้ามากจากมาตรการของ ธปท. แหล่งข่าวจาก ธพ. เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างหนี้
ของ ธพ.มีความคืบหน้ามาก หลังจากที่ ธปท.ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยตัวเลข
เอ็นพีแอลของ ธพ.ล่าสุดในเดือน เม.ย.47 ลดลงเหลือ 617,598.48 ล.บาท หรือคิดเป็น 11.94% ทั้งนี้ สาเหตุที่เอ็นพีแอลปรับลดลง เนื่องจาก
ธปท.ได้ออกมาตรการเกี่ยวกับการลดค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันที่สามารถหักเข้าไปในสำรองของ ธพ.ได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการเร่งให้ ธพ.
ปรับโครงสร้างหนี้เร็วขึ้น เพื่อลดภาระการตั้งสำรองที่อาจจะกระทบกับเงินกองทุนได้ อนึ่ง คาดว่าในครึ่งหลังปี 47 การปรับโครงสร้างหนี้จะเร่งตัว
ทำให้เอ็นพีแอลลดลง ซึ่งอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายคือ 10% ภายในปี 48 (ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุนเป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ผู้อำนวยการสายค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง
เปิดเผยในการสัมมนาเรื่อง “ลงทุนให้ ฉลาด เมื่อตลาดหุ้นผันผวน” ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีการขยายตัว
ต่อเนื่อง ยังเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยลบเข้ามา ทั้งระดับราคาน้ำมันที่น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่
สูงต่อไป คือสูงกว่า 30 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
บ้างแต่คาดว่าจะไม่กระทบมากนัก ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยเมื่อพิจารณาอัตราส่วนระหว่างค่าพีอีเรโช กับกำไรของบริษัทจดทะเบียน
พบว่า ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกปี 47 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 10-12% และหุ้นในกลุ่มที่มีผลต่อการคำนวณดัชนีคือกลุ่ม
พลังงานและ ธพ.นั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราการขยายตัวของกำไร
20-22% ซึ่งจะทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ระหว่าง 550-760 จุด (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท.เตรียมออก พธบ.ชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่จะครบกำหนดในปี 47 จำนวน 2 แสน ล.บาท ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีการออก พธบ.ออมทรัพย์ของ ธปท.จำนวน 70,000 ล.บาท ตามแผนชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ
ที่ในปี 47 นี้จะครบกำหนดจำนวน 2 แสน ล.บาท ว่า หลังจากการหารือกับ ธพ. ธปท.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อวางหลักการต่างๆ ในการออก
พธบ.ดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ประมาณต้นเดือน ก.ค.47 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดอายุ พธบ.ที่จะออกจำหน่ายแล้ว
โดยจะมี 2 ประเภท คือ ชนิดอายุ 7 ปี และ 10 ปี โดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนในการจำหน่าย พธบ.แต่ละประเภท แต่จะปล่อยให้เป็นไปตาม
ความต้องการของผู้ซื้อ (กรุงเทพธุรกิจ 19)
5. ก.คลังเตรียมมาตรการในการปรับโครงสร้างภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาจากนี้ไป ก.คลังจะปรับโครงสร้างภาษีใน
หลายจุด โดยมีหลักการว่า จะใช้มาตรการภาษีเพื่อการพัฒนาประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นหลัก โดย ก.คลังได้
เตรียมแพ็คเกจมาตรการในการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งจะทยอยนำเข้าที่ประชุม ครม.ในอีก2 สัปดาห์หน้า ประกอบด้วย มาตรการในการอนุญาต
ให้นำเงินที่เลี้ยงดูบุพการีมาหักค่าใช้จ่าย ได้ 15,000 บาทต่อบุพการี 1 คน เพื่อเป็นส่วนลดในการเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา มาตรการให้สิทธิ
ประโยชน์ทางภาษีกับนิติบุคคลที่ทำประโยชน์ให้สาธารณชน มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้เกิดกองทุนเพื่อพัฒนาและวิจัยในอุตสาห
กรรมต่างๆ เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจสรอ.ในปี 48 จะชะลอตัว รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 47 จากผลการสำรวจภาคเอกชน 26 แห่ง
รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ ของธ.กลางรัฐฟิลาเดลเฟีย คาดว่าในปีหน้าสรอ. ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก เศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรก
ของปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 3.8 จะชะลอตัวจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.1 ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ รวมทั้งเงินเฟ้อก็จะลดลงจากปีนี้ด้วย โดยความเห็น
ของผู้ได้รับการสำรวจคาดว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ การสำรวจในครั้งนี้เป็นการคาดการณ์เป็นครั้งแรก และผู้ได้รับการสำรวจ
เห็นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ทั้งนี้การคาดการณ์ข้างหน้าชี้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากที่ได้ประมาณ
การณ์ในครั้งก่อนว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายปรับลดภาษีครั้งล่าสุดของรัฐบาล
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ธ.กลางสรอ.จะเริ่มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังจากเดือนนี้ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจ
สรอ.ฟื้นตัวแล้ว นอกจากนั้นผลการสำรวจยังชี้ว่าเงินเฟ้อได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค. 45 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ
ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.9 จากการสำรวจในครั้งก่อนส่วนในปี 48 คาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงจากปี 47 โดยจะอยู่ที่
ร้อยละ 2.3 ส่วนแนวโน้มในระยะยาวเงินเฟ้อจะค่อนข้างมีเสถียรภาพอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (รอยเตอร์)
2. ไตรมาสแรกปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ของจีดีพี รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 18 มิ.ย.47 ก.พาณิชย์ สรอ.
เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 144.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 17.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิด
เป็นร้อยละ 5.1 ของจีดีพี และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาสก่อน นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากประชาชนในประเทศมี
ความต้องการสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาวะการส่งออกของ สรอ.ที่ขึ้นอยู่กับความต้องการในตลาดโลกเติบโตอย่าง
รวดเร็ว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีการนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคและ
ระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น. ทั้งนี้ รายงานตัวเลขดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกดดันต่อเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.ให้อ่อนค่าลงไปอีก โดยอัตราแลกเปลี่ยน
เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.74 และหากดอลลาร์ สรอ.เทียบกับเงินเยนแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ภาวะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.โดยในไตรมาสแรกปี 47 ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 3 นั้น ได้ช่วยให้การส่ง
ออกสินค้าของ สรอ.กระเตื้องขึ้น เพราะสินค้า สรอ.จะมีราคาถูกกว่าต่างประเทศ แต่น่าประหลาดใจที่การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.ยังไม่
ส่งผลต่อภาวะการนำเข้าสินค้า และผู้บริโภคของ สรอ.ในขณะนี้ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะที่เหมาะสมแล้วไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 18 มิ.ย. 47
ธ.กลางจีนแถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายการเงินประจำไตรมาสว่ามาตรการทางการเงิน เช่น การให้ ธ.พาณิชย์กันเงินสำรองมากขึ้นแทน
การปล่อยสินเชื่อ และการระงับการปล่อยสินเชื่อแก่โครงการใหม่ในอุตสาหกรรมที่นิยมลงทุนกันมากเช่น เหล็กกล้าและอลูมิเนียม ได้บรรลุผลตาม
ที่ต้องการในการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน แถลงการณ์ดังกล่าวของ ธ.กลางจีนออกมาท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอ้างอิงซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5.31 ต่อปี เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ความเห็นของ ธ.กลางจีนได้ถูกย้ำโดยนายกรัฐมนตรีของจีนซึ่งได้
กล่าวต่อกลุ่มผู้มาเยี่ยมชมว่ามาตรการของรัฐบาลในการชะลอการลงทุนและการขยายตัวของสินเชื่อได้ผลทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังขยาย
ตัวอย่างรวดเร็วอย่างมีเสถียรภาพ ก่อนหน้านี้ ธ.กลางจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและ
สินเชื่อซี่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและบั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 ในไตรมาสแรกปีนี้ ดัชนีราคา
ผู้บริโภคของจีนพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 4.4 ในรอบ 1 ปีสิ้นสุดเดือน พ.ค.47 สูงสุดในรอบ 7 ปี ธ.กลางจีนเคยกล่าวว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากอัตรา
เงินเฟ้อเพิ่มสูงเกินกว่าร้อยละ 5.0 (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้อาจได้รับผลกระทบหาก ธ.กลาง สรอ. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากกรุงโซล เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.47 ธ.กลาง
เกาหลีใต้คาดการณ์ว่า หาก สรอ. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ทั้งนี้ เพราะจะทำให้สภาพคล่องระหว่าง
ประเทศลดลง ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมจะสูงขึ้น อันจะเป็นภาระสำคัญสำหรับตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) รวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งปัจจุบัน
เกาหลีใต้ก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและการที่จีนชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ส่วนการส่งออกของเกาหลีใต้แม้ว่าจะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศกลับตกต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามกระตุ้นโดยจัดทำแผนการใช้จ่าย
พิเศษเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์สรอ. สำหรับระยะเวลาที่เหลือของปี 47 ทั้งนี้ การบริโภคภายในประเทศซึ่งอยู่ในภาวะตกต่ำเนื่องจากปัญหา
หนี้เสียเพิ่มขึ้นจากการใช้บัตรเครดิตในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟูเมื่อ 2 ปีก่อน ยังคงรอการฟื้นตัวและอาจส่งผลต่อการเติบโตด้านการจ้างงาน อนึ่ง
นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลาง สรอ. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นจากร้อยละ 1.0 เป็น ร้อยละ 1.25 ในการประชุมในวันที่
29-30 มิ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21/6/47 18/6/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.912 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7059/40.9906 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.71/11.29 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,500/7,600 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.93 34.86 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.กำหนดแผนพัฒนาระบบการชำระเงินที่สมบูรณ์แบบภายในปี 50 รายงานระบบการชำระเงินประจำปี 46 ของธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงแผนพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศ โดยมีกรอบการทำงานในระหว่างปี 47-50 คือการพัฒนาให้มีระบบการ
ชำระเงินที่ครอบคลุมสื่อการชำระเงินทุกประเภทอย่างเหมาะสมและเป็นระบบการชำระเงินที่สอดคล้องกับ BIS Core Principles อีกทั้งยังมี
การผลักดันให้เกิดระบบการชำระเงินที่รองรับธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีข้อมูลการชำระเงินที่สมบูรณ์ และเตรียมรองรับการพัฒนาระบบการ
ชำระเงิน การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ให้ทันกับความเคลื่อนไหวในภูมิภาค ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติในปี 46 ปริมาณการโอนเงินผ่านระบบการ
ชำระเงินต่างๆ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นสูงถึง 18 เท่าของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) หรือมีมูลค่าเฉลี่ยวันละ 430 พัน ล.บาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ
สำคัญของกลไกการทำงานของสื่อการชำระเงินทุกประเภท ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ สำหรับสถิติเกี่ยวกับการชำระเงินในปี 46 จำนวนบัตรเครดิตที่ออก
โดยสถาบันการเงินมีจำนวนทั้งสิ้น 4,224,362 ใบ จำนวนบัตรเอทีเอ็ม 29,666,295 ใบ มูลค่าการใช้จ่ายของคนไทยผ่านบัตรเครดิตเฉลี่ยต่อเดือน
เท่ากับ 4,065 บาทต่อบัตร และมูลค่าการถอนเงินสดผ่านบัตรเอทีเอ็มเฉลี่ยต่อเดือนเท่ากับ 6,230 บาทต่อบัตร ส่วนปริมาณการใช้เช็คเฉลี่ยต่อ
จำนวนประชากรเท่ากับ 1.5 ฉบับ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. การปรับโครงสร้างหนี้ของ ธพ.มีความคืบหน้ามากจากมาตรการของ ธปท. แหล่งข่าวจาก ธพ. เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างหนี้
ของ ธพ.มีความคืบหน้ามาก หลังจากที่ ธปท.ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยตัวเลข
เอ็นพีแอลของ ธพ.ล่าสุดในเดือน เม.ย.47 ลดลงเหลือ 617,598.48 ล.บาท หรือคิดเป็น 11.94% ทั้งนี้ สาเหตุที่เอ็นพีแอลปรับลดลง เนื่องจาก
ธปท.ได้ออกมาตรการเกี่ยวกับการลดค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันที่สามารถหักเข้าไปในสำรองของ ธพ.ได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการเร่งให้ ธพ.
ปรับโครงสร้างหนี้เร็วขึ้น เพื่อลดภาระการตั้งสำรองที่อาจจะกระทบกับเงินกองทุนได้ อนึ่ง คาดว่าในครึ่งหลังปี 47 การปรับโครงสร้างหนี้จะเร่งตัว
ทำให้เอ็นพีแอลลดลง ซึ่งอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายคือ 10% ภายในปี 48 (ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุนเป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ผู้อำนวยการสายค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง
เปิดเผยในการสัมมนาเรื่อง “ลงทุนให้ ฉลาด เมื่อตลาดหุ้นผันผวน” ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีการขยายตัว
ต่อเนื่อง ยังเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยลบเข้ามา ทั้งระดับราคาน้ำมันที่น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่
สูงต่อไป คือสูงกว่า 30 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
บ้างแต่คาดว่าจะไม่กระทบมากนัก ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยเมื่อพิจารณาอัตราส่วนระหว่างค่าพีอีเรโช กับกำไรของบริษัทจดทะเบียน
พบว่า ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกปี 47 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 10-12% และหุ้นในกลุ่มที่มีผลต่อการคำนวณดัชนีคือกลุ่ม
พลังงานและ ธพ.นั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของราคาน้ำมันและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราการขยายตัวของกำไร
20-22% ซึ่งจะทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ระหว่าง 550-760 จุด (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ธปท.เตรียมออก พธบ.ชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่จะครบกำหนดในปี 47 จำนวน 2 แสน ล.บาท ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีการออก พธบ.ออมทรัพย์ของ ธปท.จำนวน 70,000 ล.บาท ตามแผนชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ
ที่ในปี 47 นี้จะครบกำหนดจำนวน 2 แสน ล.บาท ว่า หลังจากการหารือกับ ธพ. ธปท.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อวางหลักการต่างๆ ในการออก
พธบ.ดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ประมาณต้นเดือน ก.ค.47 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดอายุ พธบ.ที่จะออกจำหน่ายแล้ว
โดยจะมี 2 ประเภท คือ ชนิดอายุ 7 ปี และ 10 ปี โดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนในการจำหน่าย พธบ.แต่ละประเภท แต่จะปล่อยให้เป็นไปตาม
ความต้องการของผู้ซื้อ (กรุงเทพธุรกิจ 19)
5. ก.คลังเตรียมมาตรการในการปรับโครงสร้างภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาจากนี้ไป ก.คลังจะปรับโครงสร้างภาษีใน
หลายจุด โดยมีหลักการว่า จะใช้มาตรการภาษีเพื่อการพัฒนาประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นหลัก โดย ก.คลังได้
เตรียมแพ็คเกจมาตรการในการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งจะทยอยนำเข้าที่ประชุม ครม.ในอีก2 สัปดาห์หน้า ประกอบด้วย มาตรการในการอนุญาต
ให้นำเงินที่เลี้ยงดูบุพการีมาหักค่าใช้จ่าย ได้ 15,000 บาทต่อบุพการี 1 คน เพื่อเป็นส่วนลดในการเสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา มาตรการให้สิทธิ
ประโยชน์ทางภาษีกับนิติบุคคลที่ทำประโยชน์ให้สาธารณชน มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้เกิดกองทุนเพื่อพัฒนาและวิจัยในอุตสาห
กรรมต่างๆ เป็นต้น (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจสรอ.ในปี 48 จะชะลอตัว รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 47 จากผลการสำรวจภาคเอกชน 26 แห่ง
รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ ของธ.กลางรัฐฟิลาเดลเฟีย คาดว่าในปีหน้าสรอ. ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก เศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรก
ของปี 48 จะขยายตัวร้อยละ 3.8 จะชะลอตัวจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.1 ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ รวมทั้งเงินเฟ้อก็จะลดลงจากปีนี้ด้วย โดยความเห็น
ของผู้ได้รับการสำรวจคาดว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ การสำรวจในครั้งนี้เป็นการคาดการณ์เป็นครั้งแรก และผู้ได้รับการสำรวจ
เห็นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ทั้งนี้การคาดการณ์ข้างหน้าชี้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากที่ได้ประมาณ
การณ์ในครั้งก่อนว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายปรับลดภาษีครั้งล่าสุดของรัฐบาล
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ธ.กลางสรอ.จะเริ่มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังจากเดือนนี้ เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจ
สรอ.ฟื้นตัวแล้ว นอกจากนั้นผลการสำรวจยังชี้ว่าเงินเฟ้อได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค. 45 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ
ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.9 จากการสำรวจในครั้งก่อนส่วนในปี 48 คาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงจากปี 47 โดยจะอยู่ที่
ร้อยละ 2.3 ส่วนแนวโน้มในระยะยาวเงินเฟ้อจะค่อนข้างมีเสถียรภาพอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (รอยเตอร์)
2. ไตรมาสแรกปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ของจีดีพี รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 18 มิ.ย.47 ก.พาณิชย์ สรอ.
เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 47 สรอ.ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 144.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 17.9 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิด
เป็นร้อยละ 5.1 ของจีดีพี และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.6 ในไตรมาสก่อน นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากประชาชนในประเทศมี
ความต้องการสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาวะการส่งออกของ สรอ.ที่ขึ้นอยู่กับความต้องการในตลาดโลกเติบโตอย่าง
รวดเร็ว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีการนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคและ
ระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น. ทั้งนี้ รายงานตัวเลขดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกดดันต่อเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.ให้อ่อนค่าลงไปอีก โดยอัตราแลกเปลี่ยน
เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.74 และหากดอลลาร์ สรอ.เทียบกับเงินเยนแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ภาวะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.โดยในไตรมาสแรกปี 47 ค่าเงินดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงร้อยละ 3 นั้น ได้ช่วยให้การส่ง
ออกสินค้าของ สรอ.กระเตื้องขึ้น เพราะสินค้า สรอ.จะมีราคาถูกกว่าต่างประเทศ แต่น่าประหลาดใจที่การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.ยังไม่
ส่งผลต่อภาวะการนำเข้าสินค้า และผู้บริโภคของ สรอ.ในขณะนี้ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางจีนกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะที่เหมาะสมแล้วไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 18 มิ.ย. 47
ธ.กลางจีนแถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายการเงินประจำไตรมาสว่ามาตรการทางการเงิน เช่น การให้ ธ.พาณิชย์กันเงินสำรองมากขึ้นแทน
การปล่อยสินเชื่อ และการระงับการปล่อยสินเชื่อแก่โครงการใหม่ในอุตสาหกรรมที่นิยมลงทุนกันมากเช่น เหล็กกล้าและอลูมิเนียม ได้บรรลุผลตาม
ที่ต้องการในการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน แถลงการณ์ดังกล่าวของ ธ.กลางจีนออกมาท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอ้างอิงซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5.31 ต่อปี เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ความเห็นของ ธ.กลางจีนได้ถูกย้ำโดยนายกรัฐมนตรีของจีนซึ่งได้
กล่าวต่อกลุ่มผู้มาเยี่ยมชมว่ามาตรการของรัฐบาลในการชะลอการลงทุนและการขยายตัวของสินเชื่อได้ผลทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังขยาย
ตัวอย่างรวดเร็วอย่างมีเสถียรภาพ ก่อนหน้านี้ ธ.กลางจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและ
สินเชื่อซี่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและบั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจจีนขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 ในไตรมาสแรกปีนี้ ดัชนีราคา
ผู้บริโภคของจีนพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 4.4 ในรอบ 1 ปีสิ้นสุดเดือน พ.ค.47 สูงสุดในรอบ 7 ปี ธ.กลางจีนเคยกล่าวว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากอัตรา
เงินเฟ้อเพิ่มสูงเกินกว่าร้อยละ 5.0 (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้อาจได้รับผลกระทบหาก ธ.กลาง สรอ. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากกรุงโซล เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.47 ธ.กลาง
เกาหลีใต้คาดการณ์ว่า หาก สรอ. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ทั้งนี้ เพราะจะทำให้สภาพคล่องระหว่าง
ประเทศลดลง ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมจะสูงขึ้น อันจะเป็นภาระสำคัญสำหรับตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) รวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งปัจจุบัน
เกาหลีใต้ก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและการที่จีนชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ส่วนการส่งออกของเกาหลีใต้แม้ว่าจะ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศกลับตกต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามกระตุ้นโดยจัดทำแผนการใช้จ่าย
พิเศษเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์สรอ. สำหรับระยะเวลาที่เหลือของปี 47 ทั้งนี้ การบริโภคภายในประเทศซึ่งอยู่ในภาวะตกต่ำเนื่องจากปัญหา
หนี้เสียเพิ่มขึ้นจากการใช้บัตรเครดิตในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟูเมื่อ 2 ปีก่อน ยังคงรอการฟื้นตัวและอาจส่งผลต่อการเติบโตด้านการจ้างงาน อนึ่ง
นักวิเคราะห์คาดว่า ธ.กลาง สรอ. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นจากร้อยละ 1.0 เป็น ร้อยละ 1.25 ในการประชุมในวันที่
29-30 มิ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21/6/47 18/6/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.912 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.7059/40.9906 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 622.71/11.29 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,500/7,600 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.93 34.86 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-