ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คาดว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงจะไม่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของการ
บริโภคภาคเอกชนและการลงทุนใหม่ที่
กำลังเกิดขึ้น แม้ว่าล่าสุดจากการสำรวจของ ธปท.พบว่า แนวโน้มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจะลดลงไปถึง
เดือน ส.ค. แล้วก็ตาม เนื่องจากเครื่อง
ชี้ทางเศรษฐกิจที่แท้จริงยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยตัวเลขการขยายตัวของการอุปโภคบริโภค
ภาคเอกชน 5 เดือนแรกอยู่ที่ประมาณ 6%
ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูง ส่วนตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 5 เดือนแรกของปีเฉลี่ยอยู่ที่
18% นอกจากนั้น ตัวเลขการขยายตัว
ของสินเชื่อใหม่ ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคการลงทุน ยังอยู่ในอัตราที่สูง โดยในเดือน เม.ย.ขยายตัว 6.7%
และ พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 7.9% ส่วน
การขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเริ่มกลับมาเป็นภาคการพาณิชย์และอุตสาหกรรม แทนที่จะเป็นการเพิ่มขึ้น
จากสินเชื่อการอุปโภคบริโภคอย่างที่ผ่านมา
ไม่ได้แสดงว่าสินเชื่ออุปโภคบริโภคลดลง แต่เป็นการชะลอตัวในระดับสูง แสดงว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงของ
ประเทศยังขยายตัวอยู่ และเชื่อมั่นได้ว่าจะ
ขยายตัวในอัตราที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง (โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พร้อมเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค.47 นาย
วีระชัย วีระเมธีกุล ผู้ช่วย รมว.
คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ ก.คลังได้มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ไปดำเนินการในการ
จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็น
องค์กรอิสระที่สังกัดอยู่ใน ธอส.นั้น จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค.47 นี้ โดยในช่วงไตรมาสแรก
ของปี 48 คาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อ
มูลส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยและส่วนที่เป็นของอาคารสำนักงานได้ทั้งหมด สำหรับภารกิจในเบื้องต้นของศูนย์ข้อมูล
อสังหาริมทรัพย์ ก.คลังได้มอบหมายให้ดำเนิน
การจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลดัชนีเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่สำคัญ 6 ตัว เพื่อติดตามภาวะความร้อนแรงของตลาด
อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 1)จำนวนใบอนุญาต
ได้แก่ ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินและใบอนุญาตก่อสร้าง 2)จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ 3)จำนวนที่อยู่อาศัยขาย
4)จำนวนที่อยู่อาศัยโอน 5)ดัชนีราคาที่อยู่
อาศัย และ 6)จำนวนสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้แก่ สินเชื่อปล่อยใหม่และสินเชื่อคงเหลือ (โลกวันนี้, กรุงเทพ
ธุรกิจ)
3. คาดว่าธนาคารที่เกิดจากการควบรวม ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และไอเอฟซีทีจะ
สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ก.ย.47
ประธานคณะกรรมการ ธ.ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กระบวนการควบรวมกิจการระหว่าง
ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัท
เงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) มีความคืบหน้าไปมากและมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตาม
แผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการทำคำเสนอซื้อ
หุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไปดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่า ธ.ใหม่ที่เกิดจากการควบรวม จะสามารถเปิดดำเนินการ
ได้ภายในวันที่ 1 ก.ย.47 นี้ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. ธปท.กล่าวถึงแนวทางการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินเพื่อยกระดับเป็น ธพ.ตาม
แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน นางธาริษา
วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จะซื้อหุ้นของบริษัทเงินทุนบุคคลัภย์ ซึ่ง
ธ.ไทยพาณิชย์ถือหุ้นอยู่ 89.7% เพื่อนำมารวมกิจการกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และปรับฐานะ
เป็น ธพ.รายย่อย เพื่อทำธุรกิจเฉพาะ
ในด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท.
ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการเงิน 5 แห่งยื่นแผน
การควบรวมกิจการยัง ธปท.แล้ว (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.ขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.47 จำนวน 46.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ลดลงเกินกว่าที่
คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
13 ก.ค.47 ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ.ในเดือน พ.ค.47 มีจำนวน 46.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ต่ำกว่าที่
คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 48.3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. และลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 22 ปีซึ่งมี
ส่วนทำให้ยอดนำเข้าน้ำมันในเดือน พ.ค.47
อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยยอดขาดดุลการค้าที่ลดลงเป็นผลมา
จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.
มีส่วนช่วยให้ยอดส่งออกในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 3.0 มีจำนวน 97.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการขยายการ
ลงทุนของบริษัทในต่างประเทศทำให้ สรอ.สามารถส่งออกสินค้าทุนและวัตถุดิบอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้น รายงาน
การขาดดุลการค้าที่ลดลงทำให้นักวิเคราะห์
คาดกันว่าเศรษฐกิจของ สรอ.ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะขยายตัวใกล้ร้อยละ 4.0 หลังจากขยายตัวร้อยละ 3.9
ในไตรมาสแรกปีนี้ แม้ว่าการขาดดุลการค้า
ในเดือน พ.ค.47 จะลดลง แต่ยอดขาดดุลการค้าในปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ที่ 496.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ สรอ.ขาดดุลการค้าจำนวน 231.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับ 208.7
พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วงระยะเวลา
เดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
2. สรอ. เกินดุล งปม. เดือน มิ.ย.47 มากกว่าที่คาดการณ์ รายงานจากกรุงวอชิงตัน สรอ.
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.47 ก.คลังของ สรอ.
รายงานตัวเลขเกินดุล งปม. เดือน มิ.ย.47 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากจัดเก็บภาษีธุรกิจประจำไตร
มาสสูงขึ้น โดยรายได้สูงกว่ารายจ่าย 19.14
พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.46 ที่เกินดุล 21.23 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่าเป็น
ผลมาจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงกำไรของภาคเอกชนที่สูงมากเป็นพิเศษ ตลอดจนการขยายฐานผู้เสียภาษีขั้น
ต่ำเพิ่มขึ้น ซึ่งการเกินดุลดังกล่าวสูงกว่าที่
วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ว่าจะเกินดุล 16.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และดีกว่าที่สำนักงาน งปม.รัฐสภาคาด
การณ์ไว้ที่ระดับ 16 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ แม้รัฐจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นแต่ก็ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการใช้จ่ายในการป้องกันประเทศในเดือน
มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 การใช้จ่าย
ด้านสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และการดูแลความปลอดภัยทางสังคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2
ในขณะที่การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเดือน
มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เทียบกับเดือน มิ.ย.46 ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นเกือบ
ร้อยละ 9 อย่างไรก็ตาม งปม. ของ สรอ.
ยังคงอยู่ในแนวทางการขาดดุลติดต่อกันเป็นปีที่สอง จากที่ขาดดุล 374.23 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในปี 46
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี งปม.
ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.46 สรอ. ขาดดุล งปม. สะสม จำนวน 326.62 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดีขึ้น
จากที่ขาดดุล 269.71 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเกินดุล งปม. ในเดือน มิ.ย.47 เป็นเพียงการเกินดุลครั้งที่ 2 ในปี
งปม.นี้ เทียบกับที่มีการเกินดุล 4 เดือน ในช่วง
9 เดือนแรกของปี งปม. ปี 46 อนึ่ง เมื่อช่วงต้นปีนี้รัฐบาลได้คาดการณ์การขาดดุล งปม.ในปีนี้ไว้ที่ระดับ
521 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งต่ำกว่า
ตัวเลขการคาดการณ์ที่ปรับแล้วและคาดว่าจะมีการประกาศหลังจากกลางเดือน ก.ค.นี้ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงพบกับภาวะเงินฝืดต่อไป ภายใต้การไม่เปลี่ยน
แปลงการดำเนินนโยบายการเงินของ ธ.กลาง
ญี่ปุ่น รายงานจากโตเกียว เมื่อ 13 ก.ค.47ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าญี่ปุ่นยังคงอยู่ในภาวะเงินฝืดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะแข็งแกร่ง
ขึ้นและราคาขายส่งจะสูงขึ้น อันเป็นนัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ธ.กลางญี่ปุ่นคงจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินเข้ม
งวดในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งภายใต้การการประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาล ประกอบกับการปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ สรอ.ทำให้มีการคาด
การณ์กันว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจต้องละทิ้งนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมากในระยะเวลาอันใกล้ก็เป็นได้
ในขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า
ธ.กลางจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะมีเสถียรภาพเหนือ
กว่าระดับ 0 นอกจากนี้ คณะกรรมการ
นโยบายการเงินบางคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเห็นว่า จากรายงานภาวะเศรษฐกิจราย
เดือนที่พบว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจและราคาขาย
ส่งซึ่งชี้วัดโดยดัชนีราคาสินค้าภาคธุรกิจในประเทศ (CGPI) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.4 ในเดือน
มิ.ย.47 เมื่อเทียบต่อปี และมากกว่าที่คาดการณ์
ไว้เมื่อเดือน เม.ย.47 แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะเกิดระดับเงินเฟ้อ อันจะส่งผลกระทบต่อระดับ
ราคาสินค้าผู้บริโภคได้ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค
ในเดือน พ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียมีแผนที่จะขับไล่แรงงานอพยพจำนวน 1.2 ล้านคนในปลายปีหน้า รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 47 นสพ.
มาเลเซียรายงานว่า การที่รัฐบาลขับไล่แรงงานอพยพที่ผิดกฎหมายเมื่อเดือน มี.ค. และเดือน ส.ค. 45 นั้น
ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานในภาคการเกษตรและภาคการก่อสร้าง ทั้งนี้มาเลเซียซึ่งมีประชากรจำนวน 25
ล้านคนเป็นประเทศที่ร่ำรวยกว่าประเทศ
เพื่อนบ้านอาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ดังนั้นจึงดึงดูดแรงงานอพยพจากประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวเข้า
ไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในมาเลเซีย
เป็นจำนวนมากในแต่ละปี และในปี 45 คาดว่าจะมีแรงงานถึง 600,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากการส่งกลับ
แรงงานในเพนนิซูลาและ มาเลเซียตอน
เหนือ อย่างไรก็ตามภาวะการขาดแคลนแรงงานดังกล่าวทำให้มาเลเซียวางแผนที่จะฝึกแรงงานเป็นกลุ่ม และ
ได้มีการกล่าวเตือนล่วงหน้า สำหรับผู้ที่
จ้างแรงงานที่มิได้ลงทะเบียนพวกเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว ซึ่งผลกระทบหากธุรกิจประสบ
ปัญหาการจ้างงานอย่างผิดกฎหมาย นับเป็น
เรื่องที่สำคัญมาก ปัจจุบันมาเลเซียมีแรงงานที่ถูกกฎหมายอยู่ 1.2 ล้านคน ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะมีแรงงานที่
ผิดกฎหมายอยู่ 1.2 ล้านคนหรืออาจจะมาก
กว่านั้น ทั้งนี้ภาวะตลาดแรงงานของมาเลเซียประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งที่เป็นแรงงานมีฝีมือและ
แรงงานทั่วไป โดยเมื่อปีที่แล้ว อัตราการว่าง
งานของมาเลเซียลดลงอยู่ในระดับร้อยละ 3.5 จากระดับร้อยละ 3.9 ในปี 45(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ก.ค. 47
13 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
40.731 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
40.5398/40.8230 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
663.00/15.47 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750
7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 34.08
34.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. คาดว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงจะไม่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของการ
บริโภคภาคเอกชนและการลงทุนใหม่ที่
กำลังเกิดขึ้น แม้ว่าล่าสุดจากการสำรวจของ ธปท.พบว่า แนวโน้มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจะลดลงไปถึง
เดือน ส.ค. แล้วก็ตาม เนื่องจากเครื่อง
ชี้ทางเศรษฐกิจที่แท้จริงยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยตัวเลขการขยายตัวของการอุปโภคบริโภค
ภาคเอกชน 5 เดือนแรกอยู่ที่ประมาณ 6%
ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูง ส่วนตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 5 เดือนแรกของปีเฉลี่ยอยู่ที่
18% นอกจากนั้น ตัวเลขการขยายตัว
ของสินเชื่อใหม่ ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคการลงทุน ยังอยู่ในอัตราที่สูง โดยในเดือน เม.ย.ขยายตัว 6.7%
และ พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 7.9% ส่วน
การขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเริ่มกลับมาเป็นภาคการพาณิชย์และอุตสาหกรรม แทนที่จะเป็นการเพิ่มขึ้น
จากสินเชื่อการอุปโภคบริโภคอย่างที่ผ่านมา
ไม่ได้แสดงว่าสินเชื่ออุปโภคบริโภคลดลง แต่เป็นการชะลอตัวในระดับสูง แสดงว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงของ
ประเทศยังขยายตัวอยู่ และเชื่อมั่นได้ว่าจะ
ขยายตัวในอัตราที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง (โลกวันนี้, ข่าวสด)
2. ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พร้อมเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค.47 นาย
วีระชัย วีระเมธีกุล ผู้ช่วย รมว.
คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ ก.คลังได้มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ไปดำเนินการในการ
จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็น
องค์กรอิสระที่สังกัดอยู่ใน ธอส.นั้น จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ส.ค.47 นี้ โดยในช่วงไตรมาสแรก
ของปี 48 คาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อ
มูลส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยและส่วนที่เป็นของอาคารสำนักงานได้ทั้งหมด สำหรับภารกิจในเบื้องต้นของศูนย์ข้อมูล
อสังหาริมทรัพย์ ก.คลังได้มอบหมายให้ดำเนิน
การจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลดัชนีเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่สำคัญ 6 ตัว เพื่อติดตามภาวะความร้อนแรงของตลาด
อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 1)จำนวนใบอนุญาต
ได้แก่ ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินและใบอนุญาตก่อสร้าง 2)จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ 3)จำนวนที่อยู่อาศัยขาย
4)จำนวนที่อยู่อาศัยโอน 5)ดัชนีราคาที่อยู่
อาศัย และ 6)จำนวนสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้แก่ สินเชื่อปล่อยใหม่และสินเชื่อคงเหลือ (โลกวันนี้, กรุงเทพ
ธุรกิจ)
3. คาดว่าธนาคารที่เกิดจากการควบรวม ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และไอเอฟซีทีจะ
สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ก.ย.47
ประธานคณะกรรมการ ธ.ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กระบวนการควบรวมกิจการระหว่าง
ธ.ทหารไทย ธ.ดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัท
เงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) มีความคืบหน้าไปมากและมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตาม
แผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการทำคำเสนอซื้อ
หุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไปดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่า ธ.ใหม่ที่เกิดจากการควบรวม จะสามารถเปิดดำเนินการ
ได้ภายในวันที่ 1 ก.ย.47 นี้ (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
4. ธปท.กล่าวถึงแนวทางการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินเพื่อยกระดับเป็น ธพ.ตาม
แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน นางธาริษา
วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จะซื้อหุ้นของบริษัทเงินทุนบุคคลัภย์ ซึ่ง
ธ.ไทยพาณิชย์ถือหุ้นอยู่ 89.7% เพื่อนำมารวมกิจการกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และปรับฐานะ
เป็น ธพ.รายย่อย เพื่อทำธุรกิจเฉพาะ
ในด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินของ ธปท.
ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการเงิน 5 แห่งยื่นแผน
การควบรวมกิจการยัง ธปท.แล้ว (ข่าวสด, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ.ขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.47 จำนวน 46.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ลดลงเกินกว่าที่
คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ
13 ก.ค.47 ยอดขาดดุลการค้าของ สรอ.ในเดือน พ.ค.47 มีจำนวน 46.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ต่ำกว่าที่
คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 48.3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. และลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้ว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 22 ปีซึ่งมี
ส่วนทำให้ยอดนำเข้าน้ำมันในเดือน พ.ค.47
อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยยอดขาดดุลการค้าที่ลดลงเป็นผลมา
จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.
มีส่วนช่วยให้ยอดส่งออกในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 3.0 มีจำนวน 97.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
สูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการขยายการ
ลงทุนของบริษัทในต่างประเทศทำให้ สรอ.สามารถส่งออกสินค้าทุนและวัตถุดิบอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้น รายงาน
การขาดดุลการค้าที่ลดลงทำให้นักวิเคราะห์
คาดกันว่าเศรษฐกิจของ สรอ.ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะขยายตัวใกล้ร้อยละ 4.0 หลังจากขยายตัวร้อยละ 3.9
ในไตรมาสแรกปีนี้ แม้ว่าการขาดดุลการค้า
ในเดือน พ.ค.47 จะลดลง แต่ยอดขาดดุลการค้าในปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ที่ 496.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ สรอ.ขาดดุลการค้าจำนวน 231.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับ 208.7
พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในช่วงระยะเวลา
เดียวกันปีก่อน (รอยเตอร์)
2. สรอ. เกินดุล งปม. เดือน มิ.ย.47 มากกว่าที่คาดการณ์ รายงานจากกรุงวอชิงตัน สรอ.
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.47 ก.คลังของ สรอ.
รายงานตัวเลขเกินดุล งปม. เดือน มิ.ย.47 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากจัดเก็บภาษีธุรกิจประจำไตร
มาสสูงขึ้น โดยรายได้สูงกว่ารายจ่าย 19.14
พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.46 ที่เกินดุล 21.23 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่าเป็น
ผลมาจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงกำไรของภาคเอกชนที่สูงมากเป็นพิเศษ ตลอดจนการขยายฐานผู้เสียภาษีขั้น
ต่ำเพิ่มขึ้น ซึ่งการเกินดุลดังกล่าวสูงกว่าที่
วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ว่าจะเกินดุล 16.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และดีกว่าที่สำนักงาน งปม.รัฐสภาคาด
การณ์ไว้ที่ระดับ 16 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ แม้รัฐจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นแต่ก็ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการใช้จ่ายในการป้องกันประเทศในเดือน
มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 การใช้จ่าย
ด้านสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และการดูแลความปลอดภัยทางสังคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2
ในขณะที่การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเดือน
มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เทียบกับเดือน มิ.ย.46 ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นเกือบ
ร้อยละ 9 อย่างไรก็ตาม งปม. ของ สรอ.
ยังคงอยู่ในแนวทางการขาดดุลติดต่อกันเป็นปีที่สอง จากที่ขาดดุล 374.23 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในปี 46
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี งปม.
ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.46 สรอ. ขาดดุล งปม. สะสม จำนวน 326.62 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดีขึ้น
จากที่ขาดดุล 269.71 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเกินดุล งปม. ในเดือน มิ.ย.47 เป็นเพียงการเกินดุลครั้งที่ 2 ในปี
งปม.นี้ เทียบกับที่มีการเกินดุล 4 เดือน ในช่วง
9 เดือนแรกของปี งปม. ปี 46 อนึ่ง เมื่อช่วงต้นปีนี้รัฐบาลได้คาดการณ์การขาดดุล งปม.ในปีนี้ไว้ที่ระดับ
521 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งต่ำกว่า
ตัวเลขการคาดการณ์ที่ปรับแล้วและคาดว่าจะมีการประกาศหลังจากกลางเดือน ก.ค.นี้ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงพบกับภาวะเงินฝืดต่อไป ภายใต้การไม่เปลี่ยน
แปลงการดำเนินนโยบายการเงินของ ธ.กลาง
ญี่ปุ่น รายงานจากโตเกียว เมื่อ 13 ก.ค.47ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าญี่ปุ่นยังคงอยู่ในภาวะเงินฝืดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะแข็งแกร่ง
ขึ้นและราคาขายส่งจะสูงขึ้น อันเป็นนัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ธ.กลางญี่ปุ่นคงจะไม่ดำเนินนโยบายการเงินเข้ม
งวดในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งภายใต้การการประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาล ประกอบกับการปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ สรอ.ทำให้มีการคาด
การณ์กันว่า ธ.กลางญี่ปุ่นอาจต้องละทิ้งนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมากในระยะเวลาอันใกล้ก็เป็นได้
ในขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า
ธ.กลางจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะมีเสถียรภาพเหนือ
กว่าระดับ 0 นอกจากนี้ คณะกรรมการ
นโยบายการเงินบางคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเห็นว่า จากรายงานภาวะเศรษฐกิจราย
เดือนที่พบว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจและราคาขาย
ส่งซึ่งชี้วัดโดยดัชนีราคาสินค้าภาคธุรกิจในประเทศ (CGPI) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.4 ในเดือน
มิ.ย.47 เมื่อเทียบต่อปี และมากกว่าที่คาดการณ์
ไว้เมื่อเดือน เม.ย.47 แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะเกิดระดับเงินเฟ้อ อันจะส่งผลกระทบต่อระดับ
ราคาสินค้าผู้บริโภคได้ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค
ในเดือน พ.ค.47 ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. มาเลเซียมีแผนที่จะขับไล่แรงงานอพยพจำนวน 1.2 ล้านคนในปลายปีหน้า รายงานจากกัว
ลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 47 นสพ.
มาเลเซียรายงานว่า การที่รัฐบาลขับไล่แรงงานอพยพที่ผิดกฎหมายเมื่อเดือน มี.ค. และเดือน ส.ค. 45 นั้น
ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานในภาคการเกษตรและภาคการก่อสร้าง ทั้งนี้มาเลเซียซึ่งมีประชากรจำนวน 25
ล้านคนเป็นประเทศที่ร่ำรวยกว่าประเทศ
เพื่อนบ้านอาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ดังนั้นจึงดึงดูดแรงงานอพยพจากประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวเข้า
ไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในมาเลเซีย
เป็นจำนวนมากในแต่ละปี และในปี 45 คาดว่าจะมีแรงงานถึง 600,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากการส่งกลับ
แรงงานในเพนนิซูลาและ มาเลเซียตอน
เหนือ อย่างไรก็ตามภาวะการขาดแคลนแรงงานดังกล่าวทำให้มาเลเซียวางแผนที่จะฝึกแรงงานเป็นกลุ่ม และ
ได้มีการกล่าวเตือนล่วงหน้า สำหรับผู้ที่
จ้างแรงงานที่มิได้ลงทะเบียนพวกเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว ซึ่งผลกระทบหากธุรกิจประสบ
ปัญหาการจ้างงานอย่างผิดกฎหมาย นับเป็น
เรื่องที่สำคัญมาก ปัจจุบันมาเลเซียมีแรงงานที่ถูกกฎหมายอยู่ 1.2 ล้านคน ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะมีแรงงานที่
ผิดกฎหมายอยู่ 1.2 ล้านคนหรืออาจจะมาก
กว่านั้น ทั้งนี้ภาวะตลาดแรงงานของมาเลเซียประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งที่เป็นแรงงานมีฝีมือและ
แรงงานทั่วไป โดยเมื่อปีที่แล้ว อัตราการว่าง
งานของมาเลเซียลดลงอยู่ในระดับร้อยละ 3.5 จากระดับร้อยละ 3.9 ในปี 45(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ก.ค. 47
13 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
40.731 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
40.5398/40.8230 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
663.00/15.47 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,650/7,750
7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 34.08
34.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-