ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ส่งสัญญาณนโยบายการเงินของไทยในอนาคตอยู่ช่วงขาขึ้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน
ตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์/พี) นั้น เนื่องจากต้องการรอดูปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ เช่น
ความไม่สงบในภาคใต้ การกลับมาของโรคไข้หวัดนก และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ให้ชัดเจนว่าจะส่งผล
ขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมากน้อยเพียงใด ขณะที่ ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า
ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายด้าน ซึ่งคาดว่ายังคงเป็นความเสี่ยงต่อไปถึงช่วงครึ่ง
หลังของปีนี้ สำหรับนโยบายการเงินต่อไปจะเป็นช่วงขาขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ดอกเบี้ยต่ำสร้างปัญหา
เสถียรภาพการเงิน โดยมีเหตุผลหลัก คือ 1) เพื่อดูแลเงินที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต 2) การปรับทิศทางดอกเบี้ย
จะช่วยดูแลดุลบัญชีเดินสะพัดไม่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นแรงจูงใจให้มีการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และมีผลต่อดุล
บัญชีเดินสะพัด 3) ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น และ 4) การปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องค่อยเป็น
ค่อยไปในระยะเวลาเร็วเพียงพอที่จะดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้เกิดปัญหา แต่ไม่รวบรัดจนสร้างข้อ
จำกัดในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, บ้านเมือง, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ยอดคงค้างของสินเชื่อและเงินฝากในระบบ ธพ.ไทย ณ 30 มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.87
และ 4.59 ตามลำดับ บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานตัวเลขสินเชื่อและเงินฝากในระบบ ธพ.ไทย ณ วันที่ 30
มิ.ย.47 ว่า ยอดคงค้างสินเชื่อในระบบ ธพ.มีจำนวน 4,056,703 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนจำนวน 218
ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.87 โดยกลุ่ม ธพ.ขนาดใหญ่ 4 แห่ง มีสิน
เชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจำนวน 37,641 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 นำโดย ธ.กรุงเทพ ธ.
ไทยพาณิชย์ และ ธ.กสิกรไทย มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 13,881 13,099 และ 11,795 ล้านบาท
ตามลำดับ ส่วน ธ.กรุงไทย มีสินเชื่อลดลงจำนวน 1,134 ล้านบาท สำหรับธนาคารขนาดกลาง 3 แห่ง สิน
เชื่อลดลง 36,931 ล้านบาท จากการลดลงของ ธ.นครหลวงไทย 37,967 ล้านบาท ขณะที่ ธ.กรุง
ศรีอยุธยามีสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1,239 ล้านบาท ส่วน ธ.ทหารไทยมีสินเชื่อลดลงเล็กน้อยจำนวน 203 ล้านบาท
และ ธ.ขนาดเล็ก 6 แห่งมีสินเชื่อปรับตัวลดลง 928 ล้านบาท นำโดย .ยูโอบี รัตนสิน ธ.เอเชีย และ ธ.
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด นครธน จำนวน 1,283 1,277 และ 836 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ ธ.ไทย
ธนาคาร ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ และ ธ.ธนชาต มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 1,207 761 และ 501 ล้านบาท ตาม
ลำดับ ส่วนเงินฝากในระบบ ธพ.ไทยเดือน มิ.ย.47 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 5,258,202 ล้านบาท ลดลงจาก
เดือนก่อนจำนวน 37,033 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.59 (ผู้จัดการ
รายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. บ.บัตรกรุงไทยคาดว่าแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในปี 47-48 จะลดลง รอง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและปฏิบัติการ บ.บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้ม
การแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในปี 47-48 จะลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตของ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจำกัดฐานลูกค้าที่มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมี
ผลมาจากการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการแข่งขันในตลาดชะลอตัวลง แต่
เชื่อว่าตลาดบัตรเครดิตโดยรวมยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ในระดับร้อยละ 30-40 ต่อปี (ผู้จัดการรายวัน,
กรุงเทพธุรกิจ)
4. บีโอไอเตรียมปรับยุทธศาสตร์กระตุ้นการลงทุนภาคใต้ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่ง
เสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังประชุมประสานเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้กับ
ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนว่า บีโอไอไม่สามารถออกมาตรการและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่
ภาคใต้ (ซูเปอร์บีโอไอ) โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะสิทธิประโยชน์ที่ให้แก่นักลงทุน
ปัจจุบันถือว่าได้ให้สูงสุดแล้ว ดังนั้น จึงต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อหามาตรการหรือแนวทางอื่นมาเสริม โดย
ต้องมีการบูรณาการและเชื่อมโยงการลงทุนกับต่างประเทศและหน่วยงานลงทุนของภาครัฐ เพื่ออำนวยความ
สะดวกในการลงทุน เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ รวมถึงประสานงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ ซีอีโอภาคใต้
เพื่อกำหนดมาตรการจูงใจนักลงทุนให้ไปในทิศทางเดียวกัน (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของ สรอ. เดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.2 รายงานจากกรุงวอชิงตัน
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 Conference Board สำนักวิจัยอิสระของ สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนี
ชี้นำที่สำคัญทางเศรษฐกิจของ สรอ. ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.2 มาอยู่ที่ระดับ 116.2 นับเป็นการ
สิ้นสุดของการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน และต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือน พ.ค.47 ทำให้ดูเหมือนว่าการเติบโตของเดือน
มิ.ย.47 อ่อนตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะดูดีแต่ยังไม่มั่นคงเท่าที่ควร อย่าง
ไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่สำคัญจะลดลงในเดือน มิ.ย.47 แต่ตัวเลขการเติบโตในไตรมาส 2
ของปีนี้ที่ร้อยละ 3.4 ก็ยังสูงกว่าเมื่อไตรมาสแรก สำหรับรายละเอียดกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น การก่อ
สร้างบ้านในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นไม่มากนักเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยการจำนองปรับตัวสูงขึ้นและการยื่นขอ
จดจำนองชะลอตัวลง ส่วนการค้าปลีกและการขายรถยนต์ลดลงเช่นกัน แต่การเติบโตของรายได้พอมี
เสถียรภาพอยู่บ้าง ในขณะที่การลงทุนทางด้านเครื่องมือเครื่องใช้เป็นภาคที่มีความร้อนแรงที่สุดของเศรษฐกิจ
สรอ. อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.47 ไม่ได้แผ่วงกว้างออกไปมากนัก และการ
ลดลงของดัชนีชี้บางตัวอาจจะเป็นเพราะค่าเฉลี่ยของภาคการผลิตรายสัปดาห์ลดลง ทั้งนี้ ดัชนีชี้นำทาง
เศรษฐกิจที่สำคัญที่เพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.47 ได้แก่ การคาดการณ์ของผู้บริโภค และราคาหุ้น ส่วนดัชนีที่ลดลง
มากที่สุด ได้แก่ การออกใบอนุญาตก่อสร้าง และค่าเฉลี่ยชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์ (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน
รายงานจากลอนดอนเมื่อ 22 ก.ค.47 The Office for National Statistics (ONS) เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 สู่ระดับแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน หลัง
จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 สำหรับ
ยอดขายปลีกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี (เม.ย.-มิ.ย.47) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากไตรมาสก่อน และเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 6.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ ONS เปิดเผยว่า การที่ยอด
ขายปลีกเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุจากเป็นช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 ทำให้ยอดขายสินค้าครัวเรือน
เพิ่มขึ้น จากการที่ประชาชนซื้อโทรทัศน์และเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวที่เกี่ยวกับกีฬาเพิ่มขึ้น โดยยอดขายปลีกของ
อังกฤษได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นช่วงเวลานานที่สุดนับ
ตั้งแต่มีการเริ่มจัดเก็บสถิติยอดขายปลีกในปี 2529 อนึ่ง บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายตรงกันว่า ธ.
กลางอังกฤษอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากมีการส่งสัญญาณจากผู้กำหนดนโยบายส่วน
หนึ่งในการประชุมเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมีความจำเป็นในระยะเวลาใกล้นี้ หลัง
จากที่ ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 สู่ระดับร้อยละ 4.5
เพื่อช่วยลดความร้อนแรงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค (รอยเตอร์)
3. การใช้จ่ายของผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือนมิ.ย. ขยายตัวร้อยละ 4.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.4
ในเดือนที่แล้ว รายงานจากปารีส เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศสเปิดเผยว่าใน
เดือนมิ.ย. 47 การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.4 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
เมื่อเดือนที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 โดยส่วน
ใหญ่เป็นการใช้จ่ายด้านสินค้าคงทน อาทิ อุปกรณ์บ้านเรือน สิ่งทอ และเครื่องหนังเป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านั้น
รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในดือนมิ.ย. จะขยายตัวร้อย
ละ 0.3 โดยช่วงที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในระหว่างร้อยละ -1.0 ถึงร้อยละ +0.4 (รอยเตอร์)
4. อุตสาหกรรมของจีนมีกำไรในครึ่งปีแรกปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงาน
จากปักกิ่ง เมื่อ 22 ก.ค.47 สนง.สถิติของจีนรายงานการสำรวจผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมในจีนว่า
มีกำไรในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือน
เม.ย.และ พ.ค.47 ซึ่งมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และ 44 ตามลำดับ อันเป็นผลจากราคาสินค้าของผู้ผลิตที่
สูงขึ้นสามารถชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่สูงขึ้นและกระตุ้นให้ธุรกิจพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ
ลดต้นทุนการดำเนินงานลง ในจำนวนอุตสาหกรรม 39 กลุ่มที่สำรวจ มีอุตสาหกรรม 12 กลุ่มที่รายงานว่ามี
กำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่อีก 27 กลุ่มมีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ โดยอุตสาหกรรมเหล็กกล้า
มีกำไร 47.2 พันล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 22 เมื่อ
เทียบกับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เช่นเดียวกับผู้ผลิตปูนซิเมนต์ที่มีกำไร 7.8 พันล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้
เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปีก่อน แต่ลดลงจากช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ซึ่งมีกำไรเกือบ 6 เท่าจากปีก่อน ในขณะที่
อุตสาหกรรมรถยนต์มีกำไรลดลงร้อยละ 76 ในไตรมาสแรกปีนี้จากการแข่งขันด้านราคา โดยอุตสาหกรรมที่
ดำเนินงานโดยรัฐวิสาหกิจของจีนมีกำไร 261.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากปีก่อน ในขณะที่
อุตสาหกรรมที่ดำเนินงานโดยชาวต่างชาติมีกำไร 166 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อน และ
อุตสาหกรรมที่ดำเนินงานโดยชาวจีนมีกำไร 49.4 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปีก่อน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 103.8 ลดลงร้อยละ 1.0 จากที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ2.2 ในเดือนก่อน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 47 รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในเดือนพ.ค. 47
ดัชนีภาคบริการของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.0 มาอยู่ที่ระดับ 103.8 โดยดัชนีอุตสาหกรรมรวม ซึ่งครอบคลุมภาค
อุตสาหกรรมหลายประเภทรวมถึงภาคบริการได้ลดลงอยู่ที่ระดับ 101.9 ในเดือนพ.ค. 47 หรือลดลงร้อยละ
0.7 จากที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 ในเดือนเม.ย. โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ได้ปรับฤดูกาลแล้ว ซึ่งต่าง
จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าดัชนีทั้งภาคบริการ และดัชนีภาคอุตสาหกรรมรวมในเดือนพ.ค. จะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ก.ค. 47 22 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.002 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8276/41.1114 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 650.75/17.94 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,600/7,700 7,650/7,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.3 34.58 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. ส่งสัญญาณนโยบายการเงินของไทยในอนาคตอยู่ช่วงขาขึ้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน
ตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์/พี) นั้น เนื่องจากต้องการรอดูปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ เช่น
ความไม่สงบในภาคใต้ การกลับมาของโรคไข้หวัดนก และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ให้ชัดเจนว่าจะส่งผล
ขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมากน้อยเพียงใด ขณะที่ ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า
ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายด้าน ซึ่งคาดว่ายังคงเป็นความเสี่ยงต่อไปถึงช่วงครึ่ง
หลังของปีนี้ สำหรับนโยบายการเงินต่อไปจะเป็นช่วงขาขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ดอกเบี้ยต่ำสร้างปัญหา
เสถียรภาพการเงิน โดยมีเหตุผลหลัก คือ 1) เพื่อดูแลเงินที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต 2) การปรับทิศทางดอกเบี้ย
จะช่วยดูแลดุลบัญชีเดินสะพัดไม่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นแรงจูงใจให้มีการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และมีผลต่อดุล
บัญชีเดินสะพัด 3) ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น และ 4) การปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องค่อยเป็น
ค่อยไปในระยะเวลาเร็วเพียงพอที่จะดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้เกิดปัญหา แต่ไม่รวบรัดจนสร้างข้อ
จำกัดในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, บ้านเมือง, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ยอดคงค้างของสินเชื่อและเงินฝากในระบบ ธพ.ไทย ณ 30 มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.87
และ 4.59 ตามลำดับ บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานตัวเลขสินเชื่อและเงินฝากในระบบ ธพ.ไทย ณ วันที่ 30
มิ.ย.47 ว่า ยอดคงค้างสินเชื่อในระบบ ธพ.มีจำนวน 4,056,703 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนจำนวน 218
ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.87 โดยกลุ่ม ธพ.ขนาดใหญ่ 4 แห่ง มีสิน
เชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจำนวน 37,641 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 นำโดย ธ.กรุงเทพ ธ.
ไทยพาณิชย์ และ ธ.กสิกรไทย มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 13,881 13,099 และ 11,795 ล้านบาท
ตามลำดับ ส่วน ธ.กรุงไทย มีสินเชื่อลดลงจำนวน 1,134 ล้านบาท สำหรับธนาคารขนาดกลาง 3 แห่ง สิน
เชื่อลดลง 36,931 ล้านบาท จากการลดลงของ ธ.นครหลวงไทย 37,967 ล้านบาท ขณะที่ ธ.กรุง
ศรีอยุธยามีสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1,239 ล้านบาท ส่วน ธ.ทหารไทยมีสินเชื่อลดลงเล็กน้อยจำนวน 203 ล้านบาท
และ ธ.ขนาดเล็ก 6 แห่งมีสินเชื่อปรับตัวลดลง 928 ล้านบาท นำโดย .ยูโอบี รัตนสิน ธ.เอเชีย และ ธ.
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด นครธน จำนวน 1,283 1,277 และ 836 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ ธ.ไทย
ธนาคาร ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ และ ธ.ธนชาต มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 1,207 761 และ 501 ล้านบาท ตาม
ลำดับ ส่วนเงินฝากในระบบ ธพ.ไทยเดือน มิ.ย.47 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 5,258,202 ล้านบาท ลดลงจาก
เดือนก่อนจำนวน 37,033 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.59 (ผู้จัดการ
รายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. บ.บัตรกรุงไทยคาดว่าแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในปี 47-48 จะลดลง รอง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและปฏิบัติการ บ.บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้ม
การแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในปี 47-48 จะลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตของ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจำกัดฐานลูกค้าที่มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมี
ผลมาจากการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการแข่งขันในตลาดชะลอตัวลง แต่
เชื่อว่าตลาดบัตรเครดิตโดยรวมยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ในระดับร้อยละ 30-40 ต่อปี (ผู้จัดการรายวัน,
กรุงเทพธุรกิจ)
4. บีโอไอเตรียมปรับยุทธศาสตร์กระตุ้นการลงทุนภาคใต้ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่ง
เสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังประชุมประสานเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้กับ
ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนว่า บีโอไอไม่สามารถออกมาตรการและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่
ภาคใต้ (ซูเปอร์บีโอไอ) โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะสิทธิประโยชน์ที่ให้แก่นักลงทุน
ปัจจุบันถือว่าได้ให้สูงสุดแล้ว ดังนั้น จึงต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อหามาตรการหรือแนวทางอื่นมาเสริม โดย
ต้องมีการบูรณาการและเชื่อมโยงการลงทุนกับต่างประเทศและหน่วยงานลงทุนของภาครัฐ เพื่ออำนวยความ
สะดวกในการลงทุน เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับ รวมถึงประสานงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ ซีอีโอภาคใต้
เพื่อกำหนดมาตรการจูงใจนักลงทุนให้ไปในทิศทางเดียวกัน (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของ สรอ. เดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.2 รายงานจากกรุงวอชิงตัน
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 Conference Board สำนักวิจัยอิสระของ สรอ. เปิดเผยว่า ดัชนี
ชี้นำที่สำคัญทางเศรษฐกิจของ สรอ. ในเดือน มิ.ย.47 ลดลงร้อยละ 0.2 มาอยู่ที่ระดับ 116.2 นับเป็นการ
สิ้นสุดของการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน และต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในเดือน พ.ค.47 ทำให้ดูเหมือนว่าการเติบโตของเดือน
มิ.ย.47 อ่อนตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะดูดีแต่ยังไม่มั่นคงเท่าที่ควร อย่าง
ไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่สำคัญจะลดลงในเดือน มิ.ย.47 แต่ตัวเลขการเติบโตในไตรมาส 2
ของปีนี้ที่ร้อยละ 3.4 ก็ยังสูงกว่าเมื่อไตรมาสแรก สำหรับรายละเอียดกิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้น การก่อ
สร้างบ้านในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นไม่มากนักเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยการจำนองปรับตัวสูงขึ้นและการยื่นขอ
จดจำนองชะลอตัวลง ส่วนการค้าปลีกและการขายรถยนต์ลดลงเช่นกัน แต่การเติบโตของรายได้พอมี
เสถียรภาพอยู่บ้าง ในขณะที่การลงทุนทางด้านเครื่องมือเครื่องใช้เป็นภาคที่มีความร้อนแรงที่สุดของเศรษฐกิจ
สรอ. อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในเดือน มิ.ย.47 ไม่ได้แผ่วงกว้างออกไปมากนัก และการ
ลดลงของดัชนีชี้บางตัวอาจจะเป็นเพราะค่าเฉลี่ยของภาคการผลิตรายสัปดาห์ลดลง ทั้งนี้ ดัชนีชี้นำทาง
เศรษฐกิจที่สำคัญที่เพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย.47 ได้แก่ การคาดการณ์ของผู้บริโภค และราคาหุ้น ส่วนดัชนีที่ลดลง
มากที่สุด ได้แก่ การออกใบอนุญาตก่อสร้าง และค่าเฉลี่ยชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์ (รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นสู่ระดับแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน
รายงานจากลอนดอนเมื่อ 22 ก.ค.47 The Office for National Statistics (ONS) เปิดเผยว่า
ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 สู่ระดับแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 เดือน หลัง
จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 สำหรับ
ยอดขายปลีกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี (เม.ย.-มิ.ย.47) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากไตรมาสก่อน และเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 6.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ ONS เปิดเผยว่า การที่ยอด
ขายปลีกเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุจากเป็นช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 ทำให้ยอดขายสินค้าครัวเรือน
เพิ่มขึ้น จากการที่ประชาชนซื้อโทรทัศน์และเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวที่เกี่ยวกับกีฬาเพิ่มขึ้น โดยยอดขายปลีกของ
อังกฤษได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นช่วงเวลานานที่สุดนับ
ตั้งแต่มีการเริ่มจัดเก็บสถิติยอดขายปลีกในปี 2529 อนึ่ง บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายตรงกันว่า ธ.
กลางอังกฤษอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากมีการส่งสัญญาณจากผู้กำหนดนโยบายส่วน
หนึ่งในการประชุมเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมีความจำเป็นในระยะเวลาใกล้นี้ หลัง
จากที่ ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 4 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 สู่ระดับร้อยละ 4.5
เพื่อช่วยลดความร้อนแรงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค (รอยเตอร์)
3. การใช้จ่ายของผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือนมิ.ย. ขยายตัวร้อยละ 4.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.4
ในเดือนที่แล้ว รายงานจากปารีส เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศสเปิดเผยว่าใน
เดือนมิ.ย. 47 การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากที่ลดลงร้อยละ 0.4 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
เมื่อเดือนที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 โดยส่วน
ใหญ่เป็นการใช้จ่ายด้านสินค้าคงทน อาทิ อุปกรณ์บ้านเรือน สิ่งทอ และเครื่องหนังเป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านั้น
รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในดือนมิ.ย. จะขยายตัวร้อย
ละ 0.3 โดยช่วงที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในระหว่างร้อยละ -1.0 ถึงร้อยละ +0.4 (รอยเตอร์)
4. อุตสาหกรรมของจีนมีกำไรในครึ่งปีแรกปี 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายงาน
จากปักกิ่ง เมื่อ 22 ก.ค.47 สนง.สถิติของจีนรายงานการสำรวจผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมในจีนว่า
มีกำไรในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือน
เม.ย.และ พ.ค.47 ซึ่งมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และ 44 ตามลำดับ อันเป็นผลจากราคาสินค้าของผู้ผลิตที่
สูงขึ้นสามารถชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่สูงขึ้นและกระตุ้นให้ธุรกิจพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ
ลดต้นทุนการดำเนินงานลง ในจำนวนอุตสาหกรรม 39 กลุ่มที่สำรวจ มีอุตสาหกรรม 12 กลุ่มที่รายงานว่ามี
กำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่อีก 27 กลุ่มมีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ โดยอุตสาหกรรมเหล็กกล้า
มีกำไร 47.2 พันล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 22 เมื่อ
เทียบกับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เช่นเดียวกับผู้ผลิตปูนซิเมนต์ที่มีกำไร 7.8 พันล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้
เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปีก่อน แต่ลดลงจากช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ซึ่งมีกำไรเกือบ 6 เท่าจากปีก่อน ในขณะที่
อุตสาหกรรมรถยนต์มีกำไรลดลงร้อยละ 76 ในไตรมาสแรกปีนี้จากการแข่งขันด้านราคา โดยอุตสาหกรรมที่
ดำเนินงานโดยรัฐวิสาหกิจของจีนมีกำไร 261.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากปีก่อน ในขณะที่
อุตสาหกรรมที่ดำเนินงานโดยชาวต่างชาติมีกำไร 166 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อน และ
อุตสาหกรรมที่ดำเนินงานโดยชาวจีนมีกำไร 49.4 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากปีก่อน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 103.8 ลดลงร้อยละ 1.0 จากที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ2.2 ในเดือนก่อน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 47 รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในเดือนพ.ค. 47
ดัชนีภาคบริการของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.0 มาอยู่ที่ระดับ 103.8 โดยดัชนีอุตสาหกรรมรวม ซึ่งครอบคลุมภาค
อุตสาหกรรมหลายประเภทรวมถึงภาคบริการได้ลดลงอยู่ที่ระดับ 101.9 ในเดือนพ.ค. 47 หรือลดลงร้อยละ
0.7 จากที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 ในเดือนเม.ย. โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ได้ปรับฤดูกาลแล้ว ซึ่งต่าง
จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าดัชนีทั้งภาคบริการ และดัชนีภาคอุตสาหกรรมรวมในเดือนพ.ค. จะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เช่นเดียวกัน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ก.ค. 47 22 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.002 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8276/41.1114 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.09375-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 650.75/17.94 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,600/7,700 7,650/7,750 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.3 34.58 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-