ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. สั่ง ธ.กรุงไทยตั้งสำรองหนี้เพิ่ม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า การที่ ธ.กรุงไทยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นล้านบาท ธปท. จึงสั่งให้กัน
สำรองหนี้เพิ่มประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่จะมีการสำรองเพิ่มจริงเพียง 3.2 พันล้านบาท เพราะมีการ
สำรองส่วนเกินในหนี้ส่วนนี้แล้วประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งการให้ ธ.พาณิชย์ตั้งสำรองตามเกณฑ์คุณภาพได้มี
การดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 46 เนื่องจากเห็นว่า ธ.พาณิชย์ในระบบทั้ง 13 แห่ง แข็งแกร่งแล้ว เห็นได้
จากผลประกอบการที่มีกำไรทุกแห่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยทั้งระบบมีกำไรถึง 5.5 หมื่นล้านบาท มี
การกันสำรองหนี้สูญถึง 1 หมื่นล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิหลังหักสำรอง 4.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ ธปท. เห็น
ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเข้มงวดกับคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจากนี้ไป ธ.พาณิชย์ทุกแห่งคงมีการดูแลคุณภาพสิน
เชื่อเพิ่มขึ้น มีการกันสำรองโดยที่ ธปท. ไม่ต้องสั่ง เพราะต้องการดูแลตัวเองให้เข้มแข็งสามารถแข่งขันใน
ตลาดได้ ซึ่งหลายแห่งได้ทยอยกันสำรองเพิ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และคาดว่าคงไม่มีการสำรองหนี้ก้อนใหญ่แบบนี้กับ
ธ.พาณิชย์แห่งอื่น แต่เอ็นพีแอลต้องเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อซึ่งเป็นเรื่องปกติของการปล่อยกู้ และ
การส่งสัญญาณครั้งนี้จะทำให้ระบบ ธ.พาณิชย์รู้ตัวเองมากขึ้นคงไม่มีแห่งไหนกล้าปล่อยกู้หละหลวมและคงมีส่วน
ให้การปรับโครงสร้างหนี้เข้มข้นขึ้นด้วย ปัจจุบันธนาคารทุกแห่งมียอดการกันสำรองเกินเกณฑ์ 100% ที่
ธปท.กำหนด ขณะนี้มีการสำรองเกินเกณฑ์ถึง 1.23 แสนล้านบาท และมีการกันสำรองที่พึงสำรองตามเกณฑ์
3.52 แสนล้านบาท ทำให้ทั้งระบบมีการกันสำรองทั้งสิ้น 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งมี ธ.พาณิชย์บางแห่งสำรอง
เกินเฉลี่ยที่ 125% (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังเติบโตแบบถดถอย นาย Atsuo
Karoda ประธานหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JCCB) แถลงผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วม
ทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ไตรมาสที่ 2 ปี 47 จากสมาชิก 1,190 บริษัท มีการตอบกลับแบบสำรวจ 346 บริษัท
โดยสำรวจระหว่างวันที่ 19 พ.ค. — 11 มิ.ย.47 พบว่า ค่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ (Diffusion Index —
DI) ในครึ่งหลังปี 47 อยู่ที่ 37 ลดลงจากครึ่งปีแรกที่ค่า DI อยู่ที่ระดับ 44 และลดลงจากครึ่งหลังปี 46 ที่มี
ค่า DI อยู่ที่ 49 ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ร้อยละ 82 ตอบว่ายอดขายปีนี้จะเพิ่มขึ้น และคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นสูง
เกินร้อยละ 20 ลดลงจากร้อยละ 31 ในปี 46 เหลือร้อยละ 22 รวมทั้งคาดว่ากำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นลดลง
จากร้อยละ 52 เหลือร้อยละ 48 นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนด้านโรงงานและเครื่องจักรเพิ่มร้อยละ 23.5
บริษัทส่วนใหญ่ยังเห็นศักยภาพการส่งออกที่สูงในตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 และจีนร้อยละ 13 ขณะที่
ตลาดสำคัญอย่างญี่ปุ่น สรอ. และยุโรปยังคงที่ ทางด้านธุรกิจรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องจักร
ยังเป็นธุรกิจที่เติบโตสูง มีค่า DI อยู่ที่ 61 ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากแผนต่อเนื่องการใช้ไทยเป็นฐานผลิต
เพื่อส่งออกรถยนต์หรือดีทรอยย์แห่งเอเชีย ขณะที่ธุรกิจอาหารกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมีค่า DI เพิ่มจาก 14
เป็น 36 เพราะกำลังซื้อในไทยเพิ่มขึ้นและอาจเป็นการทดแทนการบริโภคด้านก่อสร้างที่มีแนวโน้มลดลง แต่
ธุรกิจที่น่ากังวลคือธุรกิจลิสซิ่ง ที่มีค่า DI ลดลงจากติดลบ 15 เป็นติดลบ 43 เนื่องจากผลกระทบจากการปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ การที่ธุรกิจมองแนวโน้มในครึ่งหลังปี 47 จะเติบโตแบบถดถอย เนื่องจากธุรกิจที่มี
ขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ซึ่งในไทยเป็นการลงทุนจากญี่ปุ่นเกินร้อยละ 50 จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่
เพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก เคมี และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงมีการตั้งการขยายตัวอย่างระมัดระวัง และเชื่อ
ว่าอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 6-7 ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 1-2 (มติชน)
3. ครม. ไม่ต่ออายุข้อตกลงสัญญาทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรากับประเทศญี่ปุ่น นาย
จักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติไม่ต่ออายุข้อตกลงสัญญาทวิภาคีว่า
ด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรากับประเทศญี่ปุ่นตามที่ ก.คลัง เสนอให้ต่ออายุอีก 3 ปี เพื่อให้ไทยได้รับความเชื่อ
มั่นจากต่างประเทศว่าจะสามารถกู้เงินจากญี่ปุ่นได้ตลอดเวลา ซึ่งการที่ ครม. เห็นว่าไม่ควรต่อสัญญาดังกล่าว
เนื่องจากไทยได้ผ่านกระบวนทัศน์มาแล้ว จึงไม่อยากขอความช่วยเหลือจากประเทศพัฒนาแล้ว และยังส่งผลให้
ไทยไม่ต้องตั้งสำรองเงินตราต่างประเทศอีกด้วย โดยรัฐบาลจะทำหนังสือไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อแสดงความ
ขอบคุณในความช่วยเหลือที่ผ่านมา และจะยังคงสร้างความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นต่อไป (โลกวันนี้)
4. เดือน มิ.ย.47 ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง นาย
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.47 การส่งออกมีมูลค่า 8,471.6 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.5 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติการณ์ ขณะที่
การนำเข้ามีมูลค่า 8,232.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41.5 โดยเป็นตัวเลขสูง
สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ทำให้ไทยเกินดุลมูลค่า 239 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็น
เดือนที่สอง สำหรับสินค้าส่งออกที่ขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
เกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งขยายตัวตามการส่งออกข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ
62.5, 46 และ 24.2 ตามลำดับ ขณะที่สินค้าอาหารส่งออกลดลงร้อยละ 1.3 เป็นผลจากการส่งออกกุ้งสด
แช่แข็งและแปรรูปลดลงร้อยละ 8.2 และไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 83.8 เนื่องจากปัญหาเอดีและมาตรการ
อนุรักษ์เต่าทะเลใน สรอ. และการระบาดของไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไก่แปรรูปกลับมาส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 (เดลินิวส์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายร้านค้าปลีกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 27 ก.ค.47 The International Council of Shopping Centers
(ICSC) และ UBS เปิดเผยว่า ยอดขายร้านค้าปลีกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.47 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 อันเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน และหากเทียบกับ
สัปดาห์เดียวกันเมื่อปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ ยัง
คาดว่ายอดขายของร้านค้าปลีกในเดือน ก.ค.47 จะเติบโตระหว่างร้อยละ 3.0-4.0 เทียบต่อปี ทั้งนี้ มี
สาเหตุสำคัญจากฤดูกาลที่อบอุ่นประกอบกับเป็นฤดูกาลเปิดเทอมส่งผลให้ความต้องการสินค้าหมวดเครื่องแต่ง
กายและอุปกรณ์การเรียนเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หัวหน้านักวิเคราะห์และผู้อำนวยการ ICSC เห็นว่า ความ
ต้องการสินค้าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียนที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการที่รัฐบาล สรอ.เตรียมใช้มาตรการ
ปลอดภาษีในเร็ว ๆ นี้ ทำให้คาดว่าจะสนับสนุนให้ยอดขายขยายตัวสูงขึ้นในเดือนนี้ ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายของ
ร้านค้าปลีกรายสัปดาห์รวบรวมจากกลุ่มร้านค้าประเภท discount store, department store และ
chain store ทั่วประเทศ (รอยเตอร์)
2. OECD คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวร้อยละ 1.6 ในปีนี้ และร้อยละ 2.4 ในปีหน้า
รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 47 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา - OECD
เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวแต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินยูโรและความเชื่อมั่นของผู้
บริโภค ทั้งนี้ในการสำรวจประจำปีของประเทศในยูโรโซนที่ใช้เงินสกุลยูโรคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ภาวะเงินเฟ้อ และการว่างงานจะไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ค. โดย OECD คาดว่าใน
ปีนี้เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเร่งขึ้นอยู่ในระดับร้อยละ 1.6 จากร้อยละ 0.5 ในปีที่แล้วและมีแนวโน้มว่า
จะเพิ่มขึ้นอีกถึงระดับร้อยละ 2.4 ในปี 48 ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ
2.1 ในปีที่แล้ว และจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.4 ในปี 48 ในขณะที่อัตราการว่างงานของปี 47 จะอยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน แต่คาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 8.5 ในปี 48 เนื่องจากคาดว่า
การขยายตัวของการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.1 ในปี 48 จากร้อยละ 0.4 ในปีนี้ ( รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 27 ก.ค.47 The Munich-based Ifo Institute เปิดเผยผลการสำรวจดัชนี
ชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจ (business climate indicator) ของเยอรมนี ในเดือน ก.ค.47 ว่าเพิ่มขึ้น
ที่ระดับ 95.6 จากระดับ 94.6 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาด
ว่าจะอยู่ที่ระดับ 95.0 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีเป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศทางธุรกิจในภาคการค้า
ปลีกปรับตัวดีขึ้น นับตั้งแต่ที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่ชะลอตัวลง อนึ่ง การเพิ่มขึ้นของ
ดัชนีอาจจะสนับสนุนความคาดหวังว่ายอดขายปลีกในเดือน มิ.ย.47 ที่จะมีการประกาศตัวเลขทางการในวัน
ศุกร์นี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงอย่างมากในเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตาม จากตัวเลข retailing
sub-index ที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ -28.5 จากระดับ -29.3 สะท้อนว่าการค้าปลีกได้เริ่มฟื้นตัวขึ้น
แล้วเพื่อต้อนรับการลดราคาในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของดัชนีได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับ
การลดลงของดัชนีที่ลดลงมา 3 เดือนต่อเนื่อง ที่ว่าอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดย
Ifo ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 47 ไว้ที่ร้อยละ 1.7 จากประมาณการเดิม
ร้อยละ 1.5 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 0.4 จาก
เดือนก่อน รายงานจากโซล เมื่อ 27 ก.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน หลังจากขยายตัว
ร้อยละ 1.9 ในเดือน พ.ค.47 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือน
ก.ค.46 จากการส่งออกซึ่งขยายตัวทุกเดือนอย่างน้อยร้อยละ 10 เมื่อเทียบต่อปีตั้งแต่เดือน มิ.ย.46
โดยยอดส่งออกในเดือน มิ.ย.47 ขยายตัวร้อยละ 38.5 จากปีก่อน ลดลงจากเดือน พ.ค.47 ซึ่งขยายตัว
ร้อยละ 42.0 อันเป็นผลจากความต้องการโทรศัพท์มือถือ รถยนต์และไมโครชิพในตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะจากจีน จากผลสำรวจคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 12.5 จาก
ปีก่อน หลังจากขยายตัวร้อยละ 13.5 ในเดือน พ.ค.47 โดย สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้มีกำหนดจะ
รายงานตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน มิ.ย.47 อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 29 ก.ค.47 นี้ เวลา
7.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 47 27 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.221 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0361/41.3275 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 633.21/12.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.43 35.54 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. สั่ง ธ.กรุงไทยตั้งสำรองหนี้เพิ่ม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า การที่ ธ.กรุงไทยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นล้านบาท ธปท. จึงสั่งให้กัน
สำรองหนี้เพิ่มประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่จะมีการสำรองเพิ่มจริงเพียง 3.2 พันล้านบาท เพราะมีการ
สำรองส่วนเกินในหนี้ส่วนนี้แล้วประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งการให้ ธ.พาณิชย์ตั้งสำรองตามเกณฑ์คุณภาพได้มี
การดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 46 เนื่องจากเห็นว่า ธ.พาณิชย์ในระบบทั้ง 13 แห่ง แข็งแกร่งแล้ว เห็นได้
จากผลประกอบการที่มีกำไรทุกแห่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยทั้งระบบมีกำไรถึง 5.5 หมื่นล้านบาท มี
การกันสำรองหนี้สูญถึง 1 หมื่นล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิหลังหักสำรอง 4.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ ธปท. เห็น
ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเข้มงวดกับคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจากนี้ไป ธ.พาณิชย์ทุกแห่งคงมีการดูแลคุณภาพสิน
เชื่อเพิ่มขึ้น มีการกันสำรองโดยที่ ธปท. ไม่ต้องสั่ง เพราะต้องการดูแลตัวเองให้เข้มแข็งสามารถแข่งขันใน
ตลาดได้ ซึ่งหลายแห่งได้ทยอยกันสำรองเพิ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และคาดว่าคงไม่มีการสำรองหนี้ก้อนใหญ่แบบนี้กับ
ธ.พาณิชย์แห่งอื่น แต่เอ็นพีแอลต้องเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อซึ่งเป็นเรื่องปกติของการปล่อยกู้ และ
การส่งสัญญาณครั้งนี้จะทำให้ระบบ ธ.พาณิชย์รู้ตัวเองมากขึ้นคงไม่มีแห่งไหนกล้าปล่อยกู้หละหลวมและคงมีส่วน
ให้การปรับโครงสร้างหนี้เข้มข้นขึ้นด้วย ปัจจุบันธนาคารทุกแห่งมียอดการกันสำรองเกินเกณฑ์ 100% ที่
ธปท.กำหนด ขณะนี้มีการสำรองเกินเกณฑ์ถึง 1.23 แสนล้านบาท และมีการกันสำรองที่พึงสำรองตามเกณฑ์
3.52 แสนล้านบาท ทำให้ทั้งระบบมีการกันสำรองทั้งสิ้น 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งมี ธ.พาณิชย์บางแห่งสำรอง
เกินเฉลี่ยที่ 125% (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังเติบโตแบบถดถอย นาย Atsuo
Karoda ประธานหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JCCB) แถลงผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วม
ทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ไตรมาสที่ 2 ปี 47 จากสมาชิก 1,190 บริษัท มีการตอบกลับแบบสำรวจ 346 บริษัท
โดยสำรวจระหว่างวันที่ 19 พ.ค. — 11 มิ.ย.47 พบว่า ค่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ (Diffusion Index —
DI) ในครึ่งหลังปี 47 อยู่ที่ 37 ลดลงจากครึ่งปีแรกที่ค่า DI อยู่ที่ระดับ 44 และลดลงจากครึ่งหลังปี 46 ที่มี
ค่า DI อยู่ที่ 49 ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ร้อยละ 82 ตอบว่ายอดขายปีนี้จะเพิ่มขึ้น และคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นสูง
เกินร้อยละ 20 ลดลงจากร้อยละ 31 ในปี 46 เหลือร้อยละ 22 รวมทั้งคาดว่ากำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นลดลง
จากร้อยละ 52 เหลือร้อยละ 48 นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนด้านโรงงานและเครื่องจักรเพิ่มร้อยละ 23.5
บริษัทส่วนใหญ่ยังเห็นศักยภาพการส่งออกที่สูงในตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 และจีนร้อยละ 13 ขณะที่
ตลาดสำคัญอย่างญี่ปุ่น สรอ. และยุโรปยังคงที่ ทางด้านธุรกิจรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องจักร
ยังเป็นธุรกิจที่เติบโตสูง มีค่า DI อยู่ที่ 61 ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากแผนต่อเนื่องการใช้ไทยเป็นฐานผลิต
เพื่อส่งออกรถยนต์หรือดีทรอยย์แห่งเอเชีย ขณะที่ธุรกิจอาหารกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยมีค่า DI เพิ่มจาก 14
เป็น 36 เพราะกำลังซื้อในไทยเพิ่มขึ้นและอาจเป็นการทดแทนการบริโภคด้านก่อสร้างที่มีแนวโน้มลดลง แต่
ธุรกิจที่น่ากังวลคือธุรกิจลิสซิ่ง ที่มีค่า DI ลดลงจากติดลบ 15 เป็นติดลบ 43 เนื่องจากผลกระทบจากการปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ การที่ธุรกิจมองแนวโน้มในครึ่งหลังปี 47 จะเติบโตแบบถดถอย เนื่องจากธุรกิจที่มี
ขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ซึ่งในไทยเป็นการลงทุนจากญี่ปุ่นเกินร้อยละ 50 จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่
เพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก เคมี และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงมีการตั้งการขยายตัวอย่างระมัดระวัง และเชื่อ
ว่าอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 6-7 ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 1-2 (มติชน)
3. ครม. ไม่ต่ออายุข้อตกลงสัญญาทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรากับประเทศญี่ปุ่น นาย
จักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติไม่ต่ออายุข้อตกลงสัญญาทวิภาคีว่า
ด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรากับประเทศญี่ปุ่นตามที่ ก.คลัง เสนอให้ต่ออายุอีก 3 ปี เพื่อให้ไทยได้รับความเชื่อ
มั่นจากต่างประเทศว่าจะสามารถกู้เงินจากญี่ปุ่นได้ตลอดเวลา ซึ่งการที่ ครม. เห็นว่าไม่ควรต่อสัญญาดังกล่าว
เนื่องจากไทยได้ผ่านกระบวนทัศน์มาแล้ว จึงไม่อยากขอความช่วยเหลือจากประเทศพัฒนาแล้ว และยังส่งผลให้
ไทยไม่ต้องตั้งสำรองเงินตราต่างประเทศอีกด้วย โดยรัฐบาลจะทำหนังสือไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อแสดงความ
ขอบคุณในความช่วยเหลือที่ผ่านมา และจะยังคงสร้างความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นต่อไป (โลกวันนี้)
4. เดือน มิ.ย.47 ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง นาย
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.47 การส่งออกมีมูลค่า 8,471.6 ล้าน
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.5 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติการณ์ ขณะที่
การนำเข้ามีมูลค่า 8,232.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41.5 โดยเป็นตัวเลขสูง
สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ทำให้ไทยเกินดุลมูลค่า 239 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็น
เดือนที่สอง สำหรับสินค้าส่งออกที่ขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
เกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งขยายตัวตามการส่งออกข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา ที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ
62.5, 46 และ 24.2 ตามลำดับ ขณะที่สินค้าอาหารส่งออกลดลงร้อยละ 1.3 เป็นผลจากการส่งออกกุ้งสด
แช่แข็งและแปรรูปลดลงร้อยละ 8.2 และไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 83.8 เนื่องจากปัญหาเอดีและมาตรการ
อนุรักษ์เต่าทะเลใน สรอ. และการระบาดของไข้หวัดนก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไก่แปรรูปกลับมาส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 (เดลินิวส์, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายร้านค้าปลีกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 27 ก.ค.47 The International Council of Shopping Centers
(ICSC) และ UBS เปิดเผยว่า ยอดขายร้านค้าปลีกของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค.47 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 อันเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน และหากเทียบกับ
สัปดาห์เดียวกันเมื่อปี 46 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ ยัง
คาดว่ายอดขายของร้านค้าปลีกในเดือน ก.ค.47 จะเติบโตระหว่างร้อยละ 3.0-4.0 เทียบต่อปี ทั้งนี้ มี
สาเหตุสำคัญจากฤดูกาลที่อบอุ่นประกอบกับเป็นฤดูกาลเปิดเทอมส่งผลให้ความต้องการสินค้าหมวดเครื่องแต่ง
กายและอุปกรณ์การเรียนเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หัวหน้านักวิเคราะห์และผู้อำนวยการ ICSC เห็นว่า ความ
ต้องการสินค้าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียนที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการที่รัฐบาล สรอ.เตรียมใช้มาตรการ
ปลอดภาษีในเร็ว ๆ นี้ ทำให้คาดว่าจะสนับสนุนให้ยอดขายขยายตัวสูงขึ้นในเดือนนี้ ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายของ
ร้านค้าปลีกรายสัปดาห์รวบรวมจากกลุ่มร้านค้าประเภท discount store, department store และ
chain store ทั่วประเทศ (รอยเตอร์)
2. OECD คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวร้อยละ 1.6 ในปีนี้ และร้อยละ 2.4 ในปีหน้า
รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 47 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา - OECD
เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวแต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินยูโรและความเชื่อมั่นของผู้
บริโภค ทั้งนี้ในการสำรวจประจำปีของประเทศในยูโรโซนที่ใช้เงินสกุลยูโรคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ภาวะเงินเฟ้อ และการว่างงานจะไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ค. โดย OECD คาดว่าใน
ปีนี้เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเร่งขึ้นอยู่ในระดับร้อยละ 1.6 จากร้อยละ 0.5 ในปีที่แล้วและมีแนวโน้มว่า
จะเพิ่มขึ้นอีกถึงระดับร้อยละ 2.4 ในปี 48 ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ
2.1 ในปีที่แล้ว และจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.4 ในปี 48 ในขณะที่อัตราการว่างงานของปี 47 จะอยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน แต่คาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 8.5 ในปี 48 เนื่องจากคาดว่า
การขยายตัวของการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.1 ในปี 48 จากร้อยละ 0.4 ในปีนี้ ( รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือน ก.ค.47 เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 27 ก.ค.47 The Munich-based Ifo Institute เปิดเผยผลการสำรวจดัชนี
ชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจ (business climate indicator) ของเยอรมนี ในเดือน ก.ค.47 ว่าเพิ่มขึ้น
ที่ระดับ 95.6 จากระดับ 94.6 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาด
ว่าจะอยู่ที่ระดับ 95.0 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีเป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศทางธุรกิจในภาคการค้า
ปลีกปรับตัวดีขึ้น นับตั้งแต่ที่ได้รับผลกระทบจากความต้องการภายในประเทศที่ชะลอตัวลง อนึ่ง การเพิ่มขึ้นของ
ดัชนีอาจจะสนับสนุนความคาดหวังว่ายอดขายปลีกในเดือน มิ.ย.47 ที่จะมีการประกาศตัวเลขทางการในวัน
ศุกร์นี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงอย่างมากในเดือน พ.ค. อย่างไรก็ตาม จากตัวเลข retailing
sub-index ที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ -28.5 จากระดับ -29.3 สะท้อนว่าการค้าปลีกได้เริ่มฟื้นตัวขึ้น
แล้วเพื่อต้อนรับการลดราคาในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของดัชนีได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับ
การลดลงของดัชนีที่ลดลงมา 3 เดือนต่อเนื่อง ที่ว่าอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดย
Ifo ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 47 ไว้ที่ร้อยละ 1.7 จากประมาณการเดิม
ร้อยละ 1.5 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 0.4 จาก
เดือนก่อน รายงานจากโซล เมื่อ 27 ก.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน หลังจากขยายตัว
ร้อยละ 1.9 ในเดือน พ.ค.47 ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือน
ก.ค.46 จากการส่งออกซึ่งขยายตัวทุกเดือนอย่างน้อยร้อยละ 10 เมื่อเทียบต่อปีตั้งแต่เดือน มิ.ย.46
โดยยอดส่งออกในเดือน มิ.ย.47 ขยายตัวร้อยละ 38.5 จากปีก่อน ลดลงจากเดือน พ.ค.47 ซึ่งขยายตัว
ร้อยละ 42.0 อันเป็นผลจากความต้องการโทรศัพท์มือถือ รถยนต์และไมโครชิพในตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะจากจีน จากผลสำรวจคาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย.47 จะขยายตัวร้อยละ 12.5 จาก
ปีก่อน หลังจากขยายตัวร้อยละ 13.5 ในเดือน พ.ค.47 โดย สนง.สถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้มีกำหนดจะ
รายงานตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน มิ.ย.47 อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 29 ก.ค.47 นี้ เวลา
7.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 47 27 ก.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.221 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.0361/41.3275 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 633.21/12.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,550/7,650 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.43 35.54 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.79*/14.59 18.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 18 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-