ชวน’กรีด‘ทวี’ที่ผ่านมาไม่เคยพูดถึง จี้ฝ่ายจัดซื้อส.ส.ออกมาให้ข้อเท็จจริงกับนายกฯว่าเป็นอย่างไร? ฟันธง แนวคิดซื้อส.ส.เป็นแนวคิดของคน!ไม่ใช่ความคิดของสัตว์หรือความคิดของสิ่งที่ไม่ใช่คน ! ด้าน ‘องอาจ’ตั้งขอสังเกตการซื้อส.ส.เอาเงินมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เงินจากการทุจริตคอรัปชั่น เชื่อไม่มีใครที่เอาเงินส่วนตัวมาซื้อส.ส.
วันนี้( 8 ส.ค. 47 )เวลา 10.30น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายกฯออกมาระบุว่า ไม่มีการใช้เงิน ใช้ทองซื้อส.ส.นั้น ในส่วนของนายทวี สุระบาล อดีต ส.ส.ตรัง ที่ย้ายพรรคนั้นจะได้เงินหรือไม่ได้ ตนเองก็ไม่ทราบและไม่เคยได้พูดถึงนายทวีเลย ที่ผ่านนั้นได้พูดถึงเรื่อง นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง ซึ่งถูกรัฐบาลส่งคนไปทาบทามซื้อตัว มีการเจรจากันในครั้งสุดท้ายที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ซึ่งทางนายสมชายเป็นผู้เล่าให้ฟังเองโดยมีนายทวีเป็นคนพาไป และในการเจรจาในวันนั้นตัวแทนฝ่ายจัดซื้อของรัฐบาลก็ได้เสนอในราคา 30ล้านพร้อมกับให้เงินอีกเดือนละ 200,000บาท เป็นเวลา 12 เดือน รวมแล้วประมาณ 32,400,000นี่คือเงื่อนไขแรก ส่วนเงื่อนไขที่ 2 นั้นยังไม่ถึงเวลาที่จะพูด เพราะไม่อยากให้กระทบต่อสถาบันอธิปไตยสถานบันหนึ่งซึ่งต้องกลายเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลนำไปต่อรองให้คนเข้าพรรค
ทั้งนี้ นายชวน กล่าวย้ำว่า เรื่องที่พูดมานี้เป็นเรื่องจริงแต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่นายสมชาย เล่าให้ตนฟังอีกว่า งวดแรกจะจ่าย 5 ล้านเมื่อเซ็นหนังสือและหนังสือที่เซ็นนั้นจะเก็บเป็นความลับ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เก็บไว้ และเรื่องจังหวัดตรังนี้จะเปิดเผยให้ช้าที่สุด เพื่อไม่ให้ทางพรรคปชป.เตรียมตัวได้ทัน
ส่วนเรื่องของนายทวีนั้น นายชวน กล่าวว่า ตนไม่ทราบเลยว่าผู้ทาบทามจะจ่ายเงินให้หรือไม่ คิดเท่าใด ซึ่งไม่เคยไปพูดเรื่องนายทวี เพียงแต่ว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องนายสมชาย นายทวีก็คงจะร้อนใจ เพราะว่านายทวีเป็นคนพานายสมชายไปเอง เพราะฉะนั้นนายทวีก็รู้ว่า มีการเจรจากันอย่างไรรวมทั้งเงื่อนไขที่ 2 ด้วย
นายชวน ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลชอบพูดการเมืองสร้างสรรค์แต่เวลาปฎิบัตินั้นไม่ใช่วิธีการสร้างสรรค์เลย มันเป็นวิธีการใช้เงินซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แล้วกรณีนายสมชายเป็นหนึ่งในหลายกรณี เพียงแต่กรณีของรายอื่นนั้นเจ้าตัวได้ขอร้องตนไม่ให้เปิดเผย
‘เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดไปนั้นไปนั้นไม่ใช่พูดไปเพราะว่าบ้า ไม่ใช่พูดไปเพราะไม่ใช่คน คือ แมว หมู หมี มันคิดเรื่องซื้อส.ส.ไม่เป็นหรอกครับ มันคิดเรื่องส.ส.ซื้อพรรคการเมืองไม่เป็น คนที่คิดเป็นคือคน มนุษย์นี่เหละครับ มนุษย์ที่ถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐที่สามารถเรียนรู้ได้ มันก็เรียนรู้ทั้งสิ่งดีและไม่ดี มนุษย์บางพวกก็เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดี ความคิด เรียนรู้และความคิดในการที่จะซื้อส.ส.ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี ซึ่งมนุษย์จำพวกหนึ่งก็เป็นอยู่ เพราะฉะนั้นความคิดอย่างนี้เป็นความคิดของคน ไม่ใช่ความคิดของสัตว์หรือความคิดของสิ่งที่ไม่ใช่คน’นายชวน กล่าว
ส่วนที่นายกฯบอกว่าใครคิดแบบนี้บ้า นายชวน กล่าวว่า มันมีคนคิดเรื่องหาส.ส.เข้าพรรค ตนเห็นว่าไม่ใช้คนบ้า แต่อาจจะหลงอำนาจหรือบ้าอำนาจก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องการอยากได้ส.ส.จำนวนมาก ด้วยวิธีที่ถนัดเพราะว่าการที่จะไปสร้างคนใหม่นั้นก็ช้า โดยในส่วนของภาคใต้นั้น ก็เลยจำเป็นต้องทาบทามคนของพรรคปชป. เพราะว่าไม่มีปัญหาพื้นที่ซ้ำซ้อนซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของปชป.ทั้งหมด จึงเป็นบ่อเกิดของแนวคิดในการซื้อตัวส.ส.ขึ้น ณ วันนี้ถ้าเราไม่หนีความเป็นจริง ยืนอยู่บนความเป็นจริง และยืนยันว่า กรณีของส.ส.สมชาย คือตัวอย่างที่นำพมายืนยัน เพราะได้รับการอนุญาตให้พูดได้ แต่กรณีของนายทวี ที่บอกว่าไม่ได้เงินนั้น ส่วนนี้ไม่ทราบจริงๆเพราะไม่เคยได้พูดถึงนายทวีเลย
นายชวน ยังกล่าวตอนท้ายว่า ขอให้แยกระหว่างประเด็นเรื่องการซื้อตัวทุกคน กับกรณีนายทวี ไม่ต้องการให้มีการเบี่ยงเบนประเด็น และขอร้องสื่อมวลชน ให้รักษาประชาธิปไตยที่แท้จริงเอาไว้เพื่อไม่ย้อนไปถึงอดีตที่มีปัญหาเรื่องของส.ส.ขายตัว จนกระทั่งมีการตั้งพรรคเพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาส.ส.ให้สังกัดพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เอาเรื่องความเป็นอิสระมาต่อรอง อย่างไรก็ตามตนได้ขอร้องให้ฝ่ายจัดซื้อหรือผู้ทาบทามซื้อตัวส.ส. ออกมาให้ข้อเท็จจริงกับนายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคงจะรู้ดี
‘อะไรก็ตามที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริง เรื่องไม่จริงผมไม่พูดเป็นอันขาด และก็ไม่ให้กระทบกระเทือนใครในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่าใครทำอะไรนั้นต้องยอมรับด้วย ใครที่เป็นคนเจรจาก็บอก นายกฯว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร เพราะว่าผมก็เชื่อว่านายกฯก็รู้ แต่ว่าในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะไปยอมรับว่า ไปทาบทามซื้อ ไม่ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าจะไปว่าคนอื่นมันก็ไม่ถูก ฉะนั้นใครที่เป็นตัวแทนฝ่ายจัดซื้อต้องไปให้ความจริงกับนายกฯว่าเป็นอย่างไร’นายชวน กล่าว
ต่อข้อซักถามในกรณีของนายกรัฐมนตรี เตรียมนำงบประมาณไปแจงจ่ายที่จังหวัดตรังนั้น นายชวน กล่าวว่า โดยหน้าที่ของรัฐบาล ก็คือเก็บภาษีของประชาชนทั่วประเทศ เช่นเดียวกันก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องจัดสรรงบประมาณไปพัฒนาในแต่ละจังหวัดโดยความเป็นธรรม แต่ว่าในช่วงหลังนี้มีการใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือในทางการเมืองมากยิ่งขึ้น ก็คือได้อนุมัติสภาเป็นก้อนใหญ่ แล้วนายกรัฐมนตรีก็ไปจัดสรรว่าจะให้งบประมาณในแต่ละจังหวัดจำนวนเท่าใดตามอำเภอใจ โดยสภาไม่มีส่วนในการพิจารณาว่า การให้งบประมาณในแต่ละจังหวัดมากหรือน้อย มีความยุติธรรมหรือไม่ ตรงนี้ถือว่าเป็นที่วิจารณ์กันมาก
ทางด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสข่าวการดูดส.ส.จากพรรคฯว่า ยังคงมีความพยายามจากรัฐบาลในการที่จะติดต่อทามทาบ ส.ส.ของพรรคปชป.ในหลายจังหวัดรวมทั้งทางภาคใต้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เองนายกฯก็ยอมรับว่า อาจจะมีส.ส.ทางภาคใต้พรรคปชป.ย้ายไปถึง 9 คนนั้น ทางพรรคปชป.ได้ตรวจสอบดูแล้ว ก็ได้พบว่ามีการดำเนินการอย่างนั้นจริง อย่างไรก็ตามส.ส.พรรคปชป.หลายท่านก็ยังยืนยันกับทางพรรคปชป. ว่ายังมั่นคงที่จะทำงานการเมืองอยู่กับพรรคปชป.ต่อไป
ทั้งนี้นายองอาจ ยังได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องของดูดส.ส.รวมทั้งการใช่เงินจำนวนมากในการเป็นเครื่องล่อใจในการดูดส.ส. ทางพรรคปชป.ตั้งข้อสังเกตว่า ตลอดระยเวลาที่การบริการราชการของรัฐบาลชุดนี้ จะพบได้ว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นมากมายหลายครั้ง ทั้งที่มีใบเสร็จและไม่มีใบเสร็จ โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับการเปิดโปงของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารสุข เรื่องการทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์นั้น ชี้ให้เห็นว่า การทุจริตต่างๆนี้ใช่หรือไม่ที่เป็นแหล่งเงินแหล่งใหญ่ ในการที่จะนำไปใช้ที่จะซื้อตัวส.ส. ที่จะซื้อพรรคการเมืองต่างๆ
‘เพราะเราเชื่อมั่นว่า คงไม่มีใครก็ตามเอาเงินส่วนตัว ที่เกิดจากการทำมาหากินของตัวเองจำนวนมากๆ ไปใช้ซื้อส.ส.หรือจะไปซื้อพรรคการเมืองต่างๆเข้ามาอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเงินที่เข้ามาใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้นั้น ก็น่าจะเป็นเงินที่มาจากการทุจริตคอรัปชั่น’นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้( 8 ส.ค. 47 )เวลา 10.30น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายกฯออกมาระบุว่า ไม่มีการใช้เงิน ใช้ทองซื้อส.ส.นั้น ในส่วนของนายทวี สุระบาล อดีต ส.ส.ตรัง ที่ย้ายพรรคนั้นจะได้เงินหรือไม่ได้ ตนเองก็ไม่ทราบและไม่เคยได้พูดถึงนายทวีเลย ที่ผ่านนั้นได้พูดถึงเรื่อง นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง ซึ่งถูกรัฐบาลส่งคนไปทาบทามซื้อตัว มีการเจรจากันในครั้งสุดท้ายที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ซึ่งทางนายสมชายเป็นผู้เล่าให้ฟังเองโดยมีนายทวีเป็นคนพาไป และในการเจรจาในวันนั้นตัวแทนฝ่ายจัดซื้อของรัฐบาลก็ได้เสนอในราคา 30ล้านพร้อมกับให้เงินอีกเดือนละ 200,000บาท เป็นเวลา 12 เดือน รวมแล้วประมาณ 32,400,000นี่คือเงื่อนไขแรก ส่วนเงื่อนไขที่ 2 นั้นยังไม่ถึงเวลาที่จะพูด เพราะไม่อยากให้กระทบต่อสถาบันอธิปไตยสถานบันหนึ่งซึ่งต้องกลายเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลนำไปต่อรองให้คนเข้าพรรค
ทั้งนี้ นายชวน กล่าวย้ำว่า เรื่องที่พูดมานี้เป็นเรื่องจริงแต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่นายสมชาย เล่าให้ตนฟังอีกว่า งวดแรกจะจ่าย 5 ล้านเมื่อเซ็นหนังสือและหนังสือที่เซ็นนั้นจะเก็บเป็นความลับ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เก็บไว้ และเรื่องจังหวัดตรังนี้จะเปิดเผยให้ช้าที่สุด เพื่อไม่ให้ทางพรรคปชป.เตรียมตัวได้ทัน
ส่วนเรื่องของนายทวีนั้น นายชวน กล่าวว่า ตนไม่ทราบเลยว่าผู้ทาบทามจะจ่ายเงินให้หรือไม่ คิดเท่าใด ซึ่งไม่เคยไปพูดเรื่องนายทวี เพียงแต่ว่าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องนายสมชาย นายทวีก็คงจะร้อนใจ เพราะว่านายทวีเป็นคนพานายสมชายไปเอง เพราะฉะนั้นนายทวีก็รู้ว่า มีการเจรจากันอย่างไรรวมทั้งเงื่อนไขที่ 2 ด้วย
นายชวน ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลชอบพูดการเมืองสร้างสรรค์แต่เวลาปฎิบัตินั้นไม่ใช่วิธีการสร้างสรรค์เลย มันเป็นวิธีการใช้เงินซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง แล้วกรณีนายสมชายเป็นหนึ่งในหลายกรณี เพียงแต่กรณีของรายอื่นนั้นเจ้าตัวได้ขอร้องตนไม่ให้เปิดเผย
‘เพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดไปนั้นไปนั้นไม่ใช่พูดไปเพราะว่าบ้า ไม่ใช่พูดไปเพราะไม่ใช่คน คือ แมว หมู หมี มันคิดเรื่องซื้อส.ส.ไม่เป็นหรอกครับ มันคิดเรื่องส.ส.ซื้อพรรคการเมืองไม่เป็น คนที่คิดเป็นคือคน มนุษย์นี่เหละครับ มนุษย์ที่ถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐที่สามารถเรียนรู้ได้ มันก็เรียนรู้ทั้งสิ่งดีและไม่ดี มนุษย์บางพวกก็เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดี ความคิด เรียนรู้และความคิดในการที่จะซื้อส.ส.ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี ซึ่งมนุษย์จำพวกหนึ่งก็เป็นอยู่ เพราะฉะนั้นความคิดอย่างนี้เป็นความคิดของคน ไม่ใช่ความคิดของสัตว์หรือความคิดของสิ่งที่ไม่ใช่คน’นายชวน กล่าว
ส่วนที่นายกฯบอกว่าใครคิดแบบนี้บ้า นายชวน กล่าวว่า มันมีคนคิดเรื่องหาส.ส.เข้าพรรค ตนเห็นว่าไม่ใช้คนบ้า แต่อาจจะหลงอำนาจหรือบ้าอำนาจก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องการอยากได้ส.ส.จำนวนมาก ด้วยวิธีที่ถนัดเพราะว่าการที่จะไปสร้างคนใหม่นั้นก็ช้า โดยในส่วนของภาคใต้นั้น ก็เลยจำเป็นต้องทาบทามคนของพรรคปชป. เพราะว่าไม่มีปัญหาพื้นที่ซ้ำซ้อนซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของปชป.ทั้งหมด จึงเป็นบ่อเกิดของแนวคิดในการซื้อตัวส.ส.ขึ้น ณ วันนี้ถ้าเราไม่หนีความเป็นจริง ยืนอยู่บนความเป็นจริง และยืนยันว่า กรณีของส.ส.สมชาย คือตัวอย่างที่นำพมายืนยัน เพราะได้รับการอนุญาตให้พูดได้ แต่กรณีของนายทวี ที่บอกว่าไม่ได้เงินนั้น ส่วนนี้ไม่ทราบจริงๆเพราะไม่เคยได้พูดถึงนายทวีเลย
นายชวน ยังกล่าวตอนท้ายว่า ขอให้แยกระหว่างประเด็นเรื่องการซื้อตัวทุกคน กับกรณีนายทวี ไม่ต้องการให้มีการเบี่ยงเบนประเด็น และขอร้องสื่อมวลชน ให้รักษาประชาธิปไตยที่แท้จริงเอาไว้เพื่อไม่ย้อนไปถึงอดีตที่มีปัญหาเรื่องของส.ส.ขายตัว จนกระทั่งมีการตั้งพรรคเพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาส.ส.ให้สังกัดพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เอาเรื่องความเป็นอิสระมาต่อรอง อย่างไรก็ตามตนได้ขอร้องให้ฝ่ายจัดซื้อหรือผู้ทาบทามซื้อตัวส.ส. ออกมาให้ข้อเท็จจริงกับนายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีคงจะรู้ดี
‘อะไรก็ตามที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริง เรื่องไม่จริงผมไม่พูดเป็นอันขาด และก็ไม่ให้กระทบกระเทือนใครในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่าใครทำอะไรนั้นต้องยอมรับด้วย ใครที่เป็นคนเจรจาก็บอก นายกฯว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร เพราะว่าผมก็เชื่อว่านายกฯก็รู้ แต่ว่าในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะไปยอมรับว่า ไปทาบทามซื้อ ไม่ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าจะไปว่าคนอื่นมันก็ไม่ถูก ฉะนั้นใครที่เป็นตัวแทนฝ่ายจัดซื้อต้องไปให้ความจริงกับนายกฯว่าเป็นอย่างไร’นายชวน กล่าว
ต่อข้อซักถามในกรณีของนายกรัฐมนตรี เตรียมนำงบประมาณไปแจงจ่ายที่จังหวัดตรังนั้น นายชวน กล่าวว่า โดยหน้าที่ของรัฐบาล ก็คือเก็บภาษีของประชาชนทั่วประเทศ เช่นเดียวกันก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องจัดสรรงบประมาณไปพัฒนาในแต่ละจังหวัดโดยความเป็นธรรม แต่ว่าในช่วงหลังนี้มีการใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือในทางการเมืองมากยิ่งขึ้น ก็คือได้อนุมัติสภาเป็นก้อนใหญ่ แล้วนายกรัฐมนตรีก็ไปจัดสรรว่าจะให้งบประมาณในแต่ละจังหวัดจำนวนเท่าใดตามอำเภอใจ โดยสภาไม่มีส่วนในการพิจารณาว่า การให้งบประมาณในแต่ละจังหวัดมากหรือน้อย มีความยุติธรรมหรือไม่ ตรงนี้ถือว่าเป็นที่วิจารณ์กันมาก
ทางด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสข่าวการดูดส.ส.จากพรรคฯว่า ยังคงมีความพยายามจากรัฐบาลในการที่จะติดต่อทามทาบ ส.ส.ของพรรคปชป.ในหลายจังหวัดรวมทั้งทางภาคใต้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เองนายกฯก็ยอมรับว่า อาจจะมีส.ส.ทางภาคใต้พรรคปชป.ย้ายไปถึง 9 คนนั้น ทางพรรคปชป.ได้ตรวจสอบดูแล้ว ก็ได้พบว่ามีการดำเนินการอย่างนั้นจริง อย่างไรก็ตามส.ส.พรรคปชป.หลายท่านก็ยังยืนยันกับทางพรรคปชป. ว่ายังมั่นคงที่จะทำงานการเมืองอยู่กับพรรคปชป.ต่อไป
ทั้งนี้นายองอาจ ยังได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องของดูดส.ส.รวมทั้งการใช่เงินจำนวนมากในการเป็นเครื่องล่อใจในการดูดส.ส. ทางพรรคปชป.ตั้งข้อสังเกตว่า ตลอดระยเวลาที่การบริการราชการของรัฐบาลชุดนี้ จะพบได้ว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นมากมายหลายครั้ง ทั้งที่มีใบเสร็จและไม่มีใบเสร็จ โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับการเปิดโปงของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารสุข เรื่องการทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์นั้น ชี้ให้เห็นว่า การทุจริตต่างๆนี้ใช่หรือไม่ที่เป็นแหล่งเงินแหล่งใหญ่ ในการที่จะนำไปใช้ที่จะซื้อตัวส.ส. ที่จะซื้อพรรคการเมืองต่างๆ
‘เพราะเราเชื่อมั่นว่า คงไม่มีใครก็ตามเอาเงินส่วนตัว ที่เกิดจากการทำมาหากินของตัวเองจำนวนมากๆ ไปใช้ซื้อส.ส.หรือจะไปซื้อพรรคการเมืองต่างๆเข้ามาอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเงินที่เข้ามาใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้นั้น ก็น่าจะเป็นเงินที่มาจากการทุจริตคอรัปชั่น’นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ส.ค. 2547--จบ--
-ดท-