ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1.ธปท.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีรายชื่อลูกหนี้ธ.กรุงไทยถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลภายนอก ผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับกรณีที่ข้อมูลลับในการ
ตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ เรื่องการตรวจสอบลูกหนี้ ธ.กรุงไทยถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลภายนอก แม้จะไม่เชื่อ
ว่าเป็นการให้ข้อมูลลับจากเจ้าหน้าที่ของ ธปท. หรือเจ้าหน้าที่ของ ธ.กรุงไทยโดยตรงก็ตาม นอกจากนี้ยังได้
ส่งหนังสือไปยัง ธ.กรุงไทยเพื่อให้สอบสวนเรื่องนี้ด้วย เพราะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและเป็นความลับของ
ลูกค้าที่ ธ.กลาง และ ธพ.จำเป็นต้องรักษา ขณะเดียวกัน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบการจัดชั้นหนี้และการกันสำรองของ ธพ.ถือเป็นเรื่องปกติ
ลูกหนี้รายใดที่ถูกจัดชั้นตามเกณฑ์คุณภาพของ ธปท.แล้ว ธนาคารแห่งอื่นที่ปล่อยให้กับลูกหนี้รายนั้นก็ควรจัดชั้น
และกันสำรองลูกหนี้รายนั้นเช่นกัน ซึ่ง ธปท.จะตรวจสอบการจัดชั้นลูกหนี้ทุกธนาคาร ไม่ได้ตรวจธนาคารแห่ง
ใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่า ธนาคารแห่งใดมีการจัดชั้นลูกหนี้ไม่ถูกต้อง ธปท.ก็จะสั่ง
ให้จัดชั้นและกันสำรองให้ถูกต้อง (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, โลกวันนี้, มติชน, บ้านเมือง)
2. ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พ.ค.47 มีจำนวนร้อยละ 45.09 ของจีดีพี ผู้อำนวยการสำนัก
งานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก.คลัง เปิดเผยผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐในเดือน
ก.ค.47 ว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 47 (ต.ค.46-ก.ค.47) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะ
ล่าสุด ณ เดือน พ.ค.47 ว่า ก.คลังชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท
ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และเจรจายืดหนี้
เงินกู้ ECP 395 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 15,850 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 375 ล้าน
บาท สำหรับยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พ.ค.47 มีจำนวน 2,918,545 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ
45.09 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,692,128 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 847,167 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
379,250 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 47,527 ล้านบาท เป็นหนี้ที่
รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 33,579 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 24,921 ล้าน
บาท และหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,972 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โลกวันนี้)
3. กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีในเดือน ก.ค.47 ได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 15.67
และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.47 รองอธิบดีกลุ่มภารกิจด้านจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต เปิด
เผยถึงผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเดือน ก.ค.47 ว่า กรมสามารถจัดเก็บภาษีได้รวมทั้งสิ้น 23,302.44
ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณจำนวน 3,156.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.67
และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,819.57 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.47 โดยในช่วงเดียวกันของ
ปีที่ผ่านมาสามารถเก็บได้ 21,482.87 ล้านบาท สำหรับในเดือน ก.ค.47 สินค้าที่สามารถเก็บภาษีได้สูงสุด 5
อันดับแรก ได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีรถยนต์ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ และภาษีสุรา ทั้งนี้ สาเหตุที่
สามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าเป้าหมายนั้นเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุงการบริหารการ
จัดเก็บภาษี โดยนำหลักการบริหารความเสี่ยง การบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Resources Base
Management) และการควบคุมภายในมาใช้ ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดของผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นยอด
ขายในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย (โลกวันนี้, มติชน)
4.สศช.เตรียมทบทวนผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นที่มีผลกระทบต่อจีดีพี เลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สศช.อยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขผล
กระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าจะมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ (จีดีพี) อย่างไร ซึ่งเบื้องต้น
สศช.ยังประมาณการว่าตัวเลขจีดีพีน่าจะเป็นไปตามคาดการณ์เดิม คือ ร้อยละ 6-7 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ
ราคาน้ำมันดิบได้เพิ่มสูงขึ้นมาก และยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงด้านตัวเลขดุลการ
ค้าที่เริ่มมีปัญหา เพราะมูลค่านำเข้าน้ำมันสูงขึ้นมากอาจส่งผลให้ไทยอาจจะขาดดุลการค้าในปีนี้ ส่วนปัญหา
อัตราเงินเฟ้อนั้น จะต้องรอดูคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ที่จะประกาศตัวเลขในวันที่ 25 ส.ค.นี้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด โดยอัตราเดิมอยู่ที่ประมาณไม่
เกินร้อยละ 3.5 (ผู้จัดการรายวัน, โพสทูเดย์, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.ยอดสินค้าคงคลังในเดือน มิ.ย.47 ของผู้ค้าส่งใน สรอ. เพิ่มขึ้นในขณะที่ยอดขายของผู้ค้าส่งคงที่
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 9 ส.ค.47 ยอดสินค้าคงคลังของผู้ค้าส่งใน สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน
มิ.ย. 47 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 ในขณะที่ยอดขายของผู้ค้าส่งอยู่ในระดับคงที่ไม่
เปลี่ยนแปลงซึ่งถือเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.46 ซึ่งยอดขายลดลงร้อยละ 0.2 การเพิ่มขึ้นของ
สินค้าคงคลังในขณะที่ยอดขายชะลอตัวลงได้ทำให้อัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขายซึ่งใช้วัดระยะเวลาที่สินค้า
คงคลังถูกขายหมดไปด้วยอัตรายอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 เดือนจาก 1.13 เดือนในเดือน พ.ค.47
โดยยอดคงคลังของสินค้าคงทนซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ
1.9 ในเดือน พ.ค.47 ในขณะที่สินค้าไม่คงทนมียอดคงคลังเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.6 ธ.กลาง สรอ.มีกำหนด
จะประชุมกันในวันที่ 10 ส.ค.47 นี้ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ
0.25 เป็นร้อยละ 1.5 แม้จะมีสัญญาณในเดือน มิ.ย.47 ว่าเศรษฐกิจอ่อนตัวลงและตัวเลขการจ้างงานที่ไม่
สดใสในเดือน ก.ค.47 ก็ตาม (รอยเตอร์)
2.คาดว่าประสิทธิภาพการผลิตของ สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ลดลงจากไตร
มาสก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 9 ส.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดว่า
ผลผลิตต่อชั่วโมงของคนงาน สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ลดลงจากร้อยละ 3.8 ในไตร
มาสแรกปีนี้ ผลจากการผ่อนคลายการควบคุมต้นทุนและการจ้างงานเพิ่มของธุรกิจใน สรอ.เพื่อขยายกำลังการ
ผลิต โดยมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 610,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ก.แรงงานของ สรอ.มีกำหนด
จะประกาศตัวเลขเบื้องต้นประสิทธิภาพการผลิตในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ในวันที่ 10 ส.ค.47 เวลา 12.30 น.
ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)3. ความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.47 ปรับตัว
เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน รายงานจากโตเกียวเมื่อ 9 ส.ค.47 The Cabinet Office เปิด
เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการ(ลูกจ้างในร้านค้าและพนักงานขับรถแท๊กซี่)ซึ่งถือ
เป็นปัจจัยชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ
54.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 ในเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และอยู่ในระดับเหนือ
กว่า 50 เป็นระยะเวลา 6 เดือนต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศ พัดลม
และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงยอดขายไอศครีมและเครื่องดื่ม ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 180 และ
120 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากอากาศที่ร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยอดขายโทรทัศน์
จอแบนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ ก็เป็นปัจจัย
เสริมความเชื่อมั่นด้วย อนึ่ง ความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ที่คาดว่าการบริโภคส่วนบุคคลในเดือน ก.ค.47 จะเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากในเดือนดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่ง
โดยปกติยอดขายเครื่องปรับอากาศ เบียร์ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มสูงขึ้นตาม อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้แรง
งานภาคบริการยังคงแสดงความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ความต้องการที่
แข็งแกร่งอาจจะชะลอตัวลงภายหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและช่วงฤดูร้อนจบสิ้นลง โดยดัชนีชี้วัดระดับความ
เชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตในเดือน ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ 53.4 ลดลงจากระดับ 54.1 ในเดือนก่อน
(รอยเตอร์)
4. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปีนี้นับจนถึงเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้น 13.3% รายงาน
จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 ส.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของมาเลเซีย เปิด
เผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปีนี้นับจนถึงเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 น้อยกว่าที่
คาดการณ์ไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกที่สำคัญเริ่มลดลง รวมถึง สรอ. และจีน ที่เศรษฐกิจเริ่ม
ชะลอตัวลงทำให้คำสั่งซื้อลดลงตามไปด้วย รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้
ว่ามาเลเซียจะเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าทำให้
ความต้องการสินค้าจากมาเลเซียลดลง ด้านจีดีพีนั้นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้จะเติบโต
ที่ระดับร้อยละ 7.0 ได้ไม่ยาก แต่บททดสอบที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของ
ปีนี้ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้จะเติบโตได้ดี ทั้งนี้ เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 46 เติบโตร้อยละ
5.3 และรัฐบาลคาดว่าในปี 47 จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 6.0-6.5 อย่างไรก็ตาม การที่อัตราการจ้าง
งานของ สรอ. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้สร้างความกังวลให้กับมาเลเซียพอสมควร เนื่องจาก สรอ.
เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของมาเลเซีย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายรายกล่าวว่าการเติบโตของเศรษฐกิจขึ้น
อยู่กับการที่รัฐบาลจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการแข่งขันกันผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นในภาค
อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของมาเลเซีย รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตรให้เข้ามามีบทบาทสำคัญ
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกับการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต อนึ่ง ธ.กลางของมาเลเซีย
เปิดเผยว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของมาเลเซีย ณ วันที่ 31 ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ 54.3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อวันที่ 15 ก.ค.47 (รอยเตอร์)5. ราคาน้ำมัน
ดิบทำสถิติสูงสุดใหม่เนื่องจากอิรักต้องหยุดการผลิตด้วยเหตุจากความไม่สงบในประเทศ รายงานจาก ลอนดอน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 47 ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทำสถิติสูงสุดเนื่องจากการต่อสู้ในอิรักทำให้ต้องหยุด
การผลิตน้ำมันในแหล่งผลิตน้ำมันภาคใต้ของอิรักทำให้วิตกว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะขาดแคลน ส่งผลให้ราคาน้ำ
มันดิบไลท์สรอ.มีราคาสูงถึงบาร์เรลละ 44.98 สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้ง The New York Mercantile
Exchange เพื่อซื้อ-ขายน้ำมันล่วงหน้าในปี 26 และนับเป็นครั้งที่ 7 ที่ราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของลอนดอนก็ปรับตัวทำสถิติสูงสุดที่บาร์เรลละ 41.70 ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น
มากกว่า 1 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรล รัฐบาลอิรักกล่าวว่าจะหยุดผลิตน้ำมันทางตอนใต้จนกว่าการต่อสู้จะยุติ
การโจมตีท่อส่งน้ำมันทางตอนใต้ของอิรักที่ขนส่งน้ำมันเพื่อการส่งออกทั้งหมดของประเทศที่มีปริมาณถึงวันละ 1.9
ล้านบาร์เรลเคยหยุดหลายครั้งแล้วในปีนี้ เป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 แล้ว ประกอบ
กับอุปสงค์น้ำมันเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์จากสรอ.และจีน ปัจจุบันการใช้น้ำมันเร่ง
ตัวอย่างมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ( รอยเตอร์)6. ในเดือนก.ค.47 กองทุน Hedge funds ขาด
ทุนเนื่องจากภาวะตลาดหุ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและความวิตกการก่อการร้าย รายงานจาก บอสตัน เมื่อ
วันที่ 9 ส.ค. 47 Hennessee Group เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่แล้วกองทุน Hedge funds (ซึ่งเป็นกองทุน
ขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นโดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนกองทุนรวม) ขาดทุนร้อยละ 1.26 จากที่มีกำไรร้อย
ละ 0.51 เมื่อเดือนมิ.ย. แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน Hedge funds กลับทำกำไรเพียงร้อยละ 0.97
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก ( รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ส.ค. 47 9 ส.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.384 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1853/41.4769 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1000-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 607.47/6.50 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.63 37.27 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.99*/14.59 19.99*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 6 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1.ธปท.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีรายชื่อลูกหนี้ธ.กรุงไทยถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลภายนอก ผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับกรณีที่ข้อมูลลับในการ
ตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ เรื่องการตรวจสอบลูกหนี้ ธ.กรุงไทยถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลภายนอก แม้จะไม่เชื่อ
ว่าเป็นการให้ข้อมูลลับจากเจ้าหน้าที่ของ ธปท. หรือเจ้าหน้าที่ของ ธ.กรุงไทยโดยตรงก็ตาม นอกจากนี้ยังได้
ส่งหนังสือไปยัง ธ.กรุงไทยเพื่อให้สอบสวนเรื่องนี้ด้วย เพราะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและเป็นความลับของ
ลูกค้าที่ ธ.กลาง และ ธพ.จำเป็นต้องรักษา ขณะเดียวกัน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบการจัดชั้นหนี้และการกันสำรองของ ธพ.ถือเป็นเรื่องปกติ
ลูกหนี้รายใดที่ถูกจัดชั้นตามเกณฑ์คุณภาพของ ธปท.แล้ว ธนาคารแห่งอื่นที่ปล่อยให้กับลูกหนี้รายนั้นก็ควรจัดชั้น
และกันสำรองลูกหนี้รายนั้นเช่นกัน ซึ่ง ธปท.จะตรวจสอบการจัดชั้นลูกหนี้ทุกธนาคาร ไม่ได้ตรวจธนาคารแห่ง
ใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่า ธนาคารแห่งใดมีการจัดชั้นลูกหนี้ไม่ถูกต้อง ธปท.ก็จะสั่ง
ให้จัดชั้นและกันสำรองให้ถูกต้อง (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, โลกวันนี้, มติชน, บ้านเมือง)
2. ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พ.ค.47 มีจำนวนร้อยละ 45.09 ของจีดีพี ผู้อำนวยการสำนัก
งานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก.คลัง เปิดเผยผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐในเดือน
ก.ค.47 ว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 47 (ต.ค.46-ก.ค.47) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะ
ล่าสุด ณ เดือน พ.ค.47 ว่า ก.คลังชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท
ทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และเจรจายืดหนี้
เงินกู้ ECP 395 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 15,850 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 375 ล้าน
บาท สำหรับยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พ.ค.47 มีจำนวน 2,918,545 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ
45.09 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,692,128 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจ
ที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 847,167 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
379,250 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 47,527 ล้านบาท เป็นหนี้ที่
รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 33,579 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 24,921 ล้าน
บาท และหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 10,972 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด, โลกวันนี้)
3. กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีในเดือน ก.ค.47 ได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 15.67
และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.47 รองอธิบดีกลุ่มภารกิจด้านจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต เปิด
เผยถึงผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเดือน ก.ค.47 ว่า กรมสามารถจัดเก็บภาษีได้รวมทั้งสิ้น 23,302.44
ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณจำนวน 3,156.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.67
และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,819.57 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.47 โดยในช่วงเดียวกันของ
ปีที่ผ่านมาสามารถเก็บได้ 21,482.87 ล้านบาท สำหรับในเดือน ก.ค.47 สินค้าที่สามารถเก็บภาษีได้สูงสุด 5
อันดับแรก ได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีรถยนต์ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ และภาษีสุรา ทั้งนี้ สาเหตุที่
สามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าเป้าหมายนั้นเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุงการบริหารการ
จัดเก็บภาษี โดยนำหลักการบริหารความเสี่ยง การบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Resources Base
Management) และการควบคุมภายในมาใช้ ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดของผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นยอด
ขายในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย (โลกวันนี้, มติชน)
4.สศช.เตรียมทบทวนผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นที่มีผลกระทบต่อจีดีพี เลขาธิการสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สศช.อยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขผล
กระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นว่าจะมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ (จีดีพี) อย่างไร ซึ่งเบื้องต้น
สศช.ยังประมาณการว่าตัวเลขจีดีพีน่าจะเป็นไปตามคาดการณ์เดิม คือ ร้อยละ 6-7 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ
ราคาน้ำมันดิบได้เพิ่มสูงขึ้นมาก และยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงด้านตัวเลขดุลการ
ค้าที่เริ่มมีปัญหา เพราะมูลค่านำเข้าน้ำมันสูงขึ้นมากอาจส่งผลให้ไทยอาจจะขาดดุลการค้าในปีนี้ ส่วนปัญหา
อัตราเงินเฟ้อนั้น จะต้องรอดูคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ที่จะประกาศตัวเลขในวันที่ 25 ส.ค.นี้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด โดยอัตราเดิมอยู่ที่ประมาณไม่
เกินร้อยละ 3.5 (ผู้จัดการรายวัน, โพสทูเดย์, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.ยอดสินค้าคงคลังในเดือน มิ.ย.47 ของผู้ค้าส่งใน สรอ. เพิ่มขึ้นในขณะที่ยอดขายของผู้ค้าส่งคงที่
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 9 ส.ค.47 ยอดสินค้าคงคลังของผู้ค้าส่งใน สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน
มิ.ย. 47 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 ในขณะที่ยอดขายของผู้ค้าส่งอยู่ในระดับคงที่ไม่
เปลี่ยนแปลงซึ่งถือเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.46 ซึ่งยอดขายลดลงร้อยละ 0.2 การเพิ่มขึ้นของ
สินค้าคงคลังในขณะที่ยอดขายชะลอตัวลงได้ทำให้อัตราส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขายซึ่งใช้วัดระยะเวลาที่สินค้า
คงคลังถูกขายหมดไปด้วยอัตรายอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 เดือนจาก 1.13 เดือนในเดือน พ.ค.47
โดยยอดคงคลังของสินค้าคงทนซึ่งมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ
1.9 ในเดือน พ.ค.47 ในขณะที่สินค้าไม่คงทนมียอดคงคลังเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.6 ธ.กลาง สรอ.มีกำหนด
จะประชุมกันในวันที่ 10 ส.ค.47 นี้ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ
0.25 เป็นร้อยละ 1.5 แม้จะมีสัญญาณในเดือน มิ.ย.47 ว่าเศรษฐกิจอ่อนตัวลงและตัวเลขการจ้างงานที่ไม่
สดใสในเดือน ก.ค.47 ก็ตาม (รอยเตอร์)
2.คาดว่าประสิทธิภาพการผลิตของ สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ลดลงจากไตร
มาสก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 9 ส.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดว่า
ผลผลิตต่อชั่วโมงของคนงาน สรอ.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ลดลงจากร้อยละ 3.8 ในไตร
มาสแรกปีนี้ ผลจากการผ่อนคลายการควบคุมต้นทุนและการจ้างงานเพิ่มของธุรกิจใน สรอ.เพื่อขยายกำลังการ
ผลิต โดยมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 610,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ก.แรงงานของ สรอ.มีกำหนด
จะประกาศตัวเลขเบื้องต้นประสิทธิภาพการผลิตในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ในวันที่ 10 ส.ค.47 เวลา 12.30 น.
ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)3. ความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.47 ปรับตัว
เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน รายงานจากโตเกียวเมื่อ 9 ส.ค.47 The Cabinet Office เปิด
เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการ(ลูกจ้างในร้านค้าและพนักงานขับรถแท๊กซี่)ซึ่งถือ
เป็นปัจจัยชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ใช้แรงงานภาคบริการญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ
54.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 ในเดือนก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และอยู่ในระดับเหนือ
กว่า 50 เป็นระยะเวลา 6 เดือนต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศ พัดลม
และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงยอดขายไอศครีมและเครื่องดื่ม ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 180 และ
120 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากอากาศที่ร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยอดขายโทรทัศน์
จอแบนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ ก็เป็นปัจจัย
เสริมความเชื่อมั่นด้วย อนึ่ง ความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ที่คาดว่าการบริโภคส่วนบุคคลในเดือน ก.ค.47 จะเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากในเดือนดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่ง
โดยปกติยอดขายเครื่องปรับอากาศ เบียร์ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มสูงขึ้นตาม อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้แรง
งานภาคบริการยังคงแสดงความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ความต้องการที่
แข็งแกร่งอาจจะชะลอตัวลงภายหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและช่วงฤดูร้อนจบสิ้นลง โดยดัชนีชี้วัดระดับความ
เชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตในเดือน ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ 53.4 ลดลงจากระดับ 54.1 ในเดือนก่อน
(รอยเตอร์)
4. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปีนี้นับจนถึงเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้น 13.3% รายงาน
จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 ส.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของมาเลเซีย เปิด
เผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียในปีนี้นับจนถึงเดือน มิ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 น้อยกว่าที่
คาดการณ์ไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกที่สำคัญเริ่มลดลง รวมถึง สรอ. และจีน ที่เศรษฐกิจเริ่ม
ชะลอตัวลงทำให้คำสั่งซื้อลดลงตามไปด้วย รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้
ว่ามาเลเซียจะเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าทำให้
ความต้องการสินค้าจากมาเลเซียลดลง ด้านจีดีพีนั้นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้จะเติบโต
ที่ระดับร้อยละ 7.0 ได้ไม่ยาก แต่บททดสอบที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของ
ปีนี้ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้จะเติบโตได้ดี ทั้งนี้ เศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 46 เติบโตร้อยละ
5.3 และรัฐบาลคาดว่าในปี 47 จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 6.0-6.5 อย่างไรก็ตาม การที่อัตราการจ้าง
งานของ สรอ. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้สร้างความกังวลให้กับมาเลเซียพอสมควร เนื่องจาก สรอ.
เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของมาเลเซีย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายรายกล่าวว่าการเติบโตของเศรษฐกิจขึ้น
อยู่กับการที่รัฐบาลจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการแข่งขันกันผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นในภาค
อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของมาเลเซีย รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตรให้เข้ามามีบทบาทสำคัญ
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกับการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต อนึ่ง ธ.กลางของมาเลเซีย
เปิดเผยว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของมาเลเซีย ณ วันที่ 31 ก.ค.47 อยู่ที่ระดับ 54.3 พันล้านดอลลาร์
สรอ. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อวันที่ 15 ก.ค.47 (รอยเตอร์)5. ราคาน้ำมัน
ดิบทำสถิติสูงสุดใหม่เนื่องจากอิรักต้องหยุดการผลิตด้วยเหตุจากความไม่สงบในประเทศ รายงานจาก ลอนดอน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 47 ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทำสถิติสูงสุดเนื่องจากการต่อสู้ในอิรักทำให้ต้องหยุด
การผลิตน้ำมันในแหล่งผลิตน้ำมันภาคใต้ของอิรักทำให้วิตกว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะขาดแคลน ส่งผลให้ราคาน้ำ
มันดิบไลท์สรอ.มีราคาสูงถึงบาร์เรลละ 44.98 สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้ง The New York Mercantile
Exchange เพื่อซื้อ-ขายน้ำมันล่วงหน้าในปี 26 และนับเป็นครั้งที่ 7 ที่ราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของลอนดอนก็ปรับตัวทำสถิติสูงสุดที่บาร์เรลละ 41.70 ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น
มากกว่า 1 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรล รัฐบาลอิรักกล่าวว่าจะหยุดผลิตน้ำมันทางตอนใต้จนกว่าการต่อสู้จะยุติ
การโจมตีท่อส่งน้ำมันทางตอนใต้ของอิรักที่ขนส่งน้ำมันเพื่อการส่งออกทั้งหมดของประเทศที่มีปริมาณถึงวันละ 1.9
ล้านบาร์เรลเคยหยุดหลายครั้งแล้วในปีนี้ เป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 แล้ว ประกอบ
กับอุปสงค์น้ำมันเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์จากสรอ.และจีน ปัจจุบันการใช้น้ำมันเร่ง
ตัวอย่างมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ( รอยเตอร์)6. ในเดือนก.ค.47 กองทุน Hedge funds ขาด
ทุนเนื่องจากภาวะตลาดหุ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและความวิตกการก่อการร้าย รายงานจาก บอสตัน เมื่อ
วันที่ 9 ส.ค. 47 Hennessee Group เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่แล้วกองทุน Hedge funds (ซึ่งเป็นกองทุน
ขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นโดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนกองทุนรวม) ขาดทุนร้อยละ 1.26 จากที่มีกำไรร้อย
ละ 0.51 เมื่อเดือนมิ.ย. แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน Hedge funds กลับทำกำไรเพียงร้อยละ 0.97
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก ( รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ส.ค. 47 9 ส.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.384 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1853/41.4769 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1000-1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 607.47/6.50 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.63 37.27 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.99*/14.59 19.99*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 6 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-