เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 รัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลียร่วมลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
(Thailand-Australia Free Trade Area: TAFTA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยมีกรอบของข้อตกลงแบบเบ็ดเสร็จ (Comprehensive Package) ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน
รวมทั้งความร่วมมือในด้านอื่นๆ ที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน อาทิ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้าง
โดยรัฐ เป็นต้น ข้อตกลงฯ ดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
ในส่วนของการค้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง TAFTA สินค้าที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 ทันทีมีสัดส่วนร้อยละ 49.5
ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยลดภาษีให้แก่ออสเตรเลีย หลังจากนั้นจะทยอยลดภาษีให้ครบทุกรายการตามข้อตกลงฯ ภายในปี 2568
ขณะที่สินค้าที่ออสเตรเลียจะลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 ทันทีมีสัดส่วนร้อยละ 83.3 ของรายการสินค้าทั้งหมดที่ออสเตรเลีย
ลดภาษีให้แก่ไทย และจะทยอยลดภาษีให้ครบทุกรายการภายในปี 2558
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากข้อตกลง TAFTA มีรายละเอียดดังนี้
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ที่สำคัญ ได้แก่
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
--------------------|--------------------------------------------------------------
รถพิกอัป (Pickup) | การผลิตรถยนต์ในออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ ทำให้ออสเตรเลียต้องพึ่งพาการนำเข้า
| และรถยนต์ขนาดเล็ก รถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กโดยเฉพาะจากไทยซึ่งมีสัดส่วนสูงราวร้อยละ 85
| ของมูลค่านำเข้ารถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กทั้งหมดของออสเตรเลีย การที่ออสเตรเลียลดภาษีนำ
| เข้ารถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กจากร้อยละ 5 และร้อยละ 15 ตามลำดับ เหลือร้อยละ 0 ในปี
| 2548 คาดว่าจะทำให้ไทยขยายการส่งออกไปออสเตรเลียได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้
| ผลิตรถยนต์จากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนหรือขยายการลงทุนเพื่อส่งออกไปออสเตรเลียด้วย
--------------------|--------------------------------------------------------------
สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป | การลดภาษีนำเข้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของออสเตรเลียแก่ไทยจากร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 12
| ในปี 2548 และลดเหลือร้อยละ 0 ในปี 2553-2558 คาดว่าจะทำให้สินค้าของไทยแข่งขันได้มาก
| ขึ้นในระดับหนึ่งกับประเทศคู่แข่งในออสเตรเลีย อาทิ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งจากเดิมที่ไทย
| เสียเปรียบประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทยจากการผลิตจำนวนมากและแรงงานราคาถูก
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะเสียประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ที่สำคัญ ได้แก่
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
---------------|-------------------------------------------------------------------
โคเนื้อ | ไทยค่อนข้างเสียเปรียบในการแข่งขันกับออสเตรเลียซึ่งมีจุดเด่นหลายด้านโดยเฉพาะคุณภาพสินค้า
| เนื่องจากออสเตรเลียมีระบบการจัดการและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การผลิตเนื้อวัวของ
| ไทยตั้งแต่ระดับฟาร์ม โรงฆ่า จนถึงโรงงานแปรรูป ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะด้าน
| สุขอนามัย ทั้งนี้ ไทยจะต้องลดภาษีนำเข้าเนื้อวัวให้แก่ออสเตรเลียเหลือร้อยละ 40 ในปี 2548 (
| จากปัจจุบันอัตราร้อยละ 51) และทยอยลดเหลือร้อยละ 0 ในปี 2563
---------------|-------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
โคนมและผลิตภัณฑ์ | นมและผลิตภัณฑ์นมเป็นสินค้าที่ค่อนข้างอ่อนไหวจากการเปิดตลาดในครั้งนี้ เนื่องจากผู้เลี้ยงโคนมส่วน
| ใหญ่ของไทยเป็นเกษตรกรรายย่อยขาดระบบการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำ
| นมดิบค่อนข้างสูงและปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ขณะที่นมและผลิตภัณฑ์นมของ
| ออสเตรเลียเป็นสินค้าที่ออสเตรเลียมีความได้เปรียบ ทั้งนี้ ไทยกำหนดจะทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้า
| ดังกล่าวให้แก่ออสเตรเลียจนเหลือร้อยละ 0 ในปี 2558-2568 ขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวของสินค้าแต่
| ละประเภท
-----------------------------------------------------------------------------------
เป็นที่น่าสังเกตว่าอุตสาหกรรมของไทยที่คาดว่าจะเสียประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่อ่อนไหวซึ่ง
ไทยสามารถใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguards) ในกรณีที่เกิดการทะลักของสินค้านำเข้า เช่น หากมีปริมาณ
นำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเกินกำหนด (Trigger Volume) ไทยสามารถกลับมาใช้อัตราภาษีเดิมก่อนการเริ่มลดภาษีได้
ขณะเดียวกัน ไทยกำหนดกรอบการลดภาษีนำเข้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเวลาปรับตัวและเตรียมพร้อม
กับการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2547--
-พห-
(Thailand-Australia Free Trade Area: TAFTA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยมีกรอบของข้อตกลงแบบเบ็ดเสร็จ (Comprehensive Package) ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน
รวมทั้งความร่วมมือในด้านอื่นๆ ที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกัน อาทิ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้าง
โดยรัฐ เป็นต้น ข้อตกลงฯ ดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
ในส่วนของการค้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง TAFTA สินค้าที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 ทันทีมีสัดส่วนร้อยละ 49.5
ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยลดภาษีให้แก่ออสเตรเลีย หลังจากนั้นจะทยอยลดภาษีให้ครบทุกรายการตามข้อตกลงฯ ภายในปี 2568
ขณะที่สินค้าที่ออสเตรเลียจะลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 ทันทีมีสัดส่วนร้อยละ 83.3 ของรายการสินค้าทั้งหมดที่ออสเตรเลีย
ลดภาษีให้แก่ไทย และจะทยอยลดภาษีให้ครบทุกรายการภายในปี 2558
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากข้อตกลง TAFTA มีรายละเอียดดังนี้
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ที่สำคัญ ได้แก่
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
--------------------|--------------------------------------------------------------
รถพิกอัป (Pickup) | การผลิตรถยนต์ในออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ ทำให้ออสเตรเลียต้องพึ่งพาการนำเข้า
| และรถยนต์ขนาดเล็ก รถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กโดยเฉพาะจากไทยซึ่งมีสัดส่วนสูงราวร้อยละ 85
| ของมูลค่านำเข้ารถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กทั้งหมดของออสเตรเลีย การที่ออสเตรเลียลดภาษีนำ
| เข้ารถพิกอัปและรถยนต์ขนาดเล็กจากร้อยละ 5 และร้อยละ 15 ตามลำดับ เหลือร้อยละ 0 ในปี
| 2548 คาดว่าจะทำให้ไทยขยายการส่งออกไปออสเตรเลียได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้
| ผลิตรถยนต์จากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนหรือขยายการลงทุนเพื่อส่งออกไปออสเตรเลียด้วย
--------------------|--------------------------------------------------------------
สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป | การลดภาษีนำเข้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของออสเตรเลียแก่ไทยจากร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 12
| ในปี 2548 และลดเหลือร้อยละ 0 ในปี 2553-2558 คาดว่าจะทำให้สินค้าของไทยแข่งขันได้มาก
| ขึ้นในระดับหนึ่งกับประเทศคู่แข่งในออสเตรเลีย อาทิ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งจากเดิมที่ไทย
| เสียเปรียบประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทยจากการผลิตจำนวนมากและแรงงานราคาถูก
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้าของไทยที่คาดว่าจะเสียประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ที่สำคัญ ได้แก่
----------------------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
---------------|-------------------------------------------------------------------
โคเนื้อ | ไทยค่อนข้างเสียเปรียบในการแข่งขันกับออสเตรเลียซึ่งมีจุดเด่นหลายด้านโดยเฉพาะคุณภาพสินค้า
| เนื่องจากออสเตรเลียมีระบบการจัดการและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การผลิตเนื้อวัวของ
| ไทยตั้งแต่ระดับฟาร์ม โรงฆ่า จนถึงโรงงานแปรรูป ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะด้าน
| สุขอนามัย ทั้งนี้ ไทยจะต้องลดภาษีนำเข้าเนื้อวัวให้แก่ออสเตรเลียเหลือร้อยละ 40 ในปี 2548 (
| จากปัจจุบันอัตราร้อยละ 51) และทยอยลดเหลือร้อยละ 0 ในปี 2563
---------------|-------------------------------------------------------------------
สินค้า | รายละเอียด
โคนมและผลิตภัณฑ์ | นมและผลิตภัณฑ์นมเป็นสินค้าที่ค่อนข้างอ่อนไหวจากการเปิดตลาดในครั้งนี้ เนื่องจากผู้เลี้ยงโคนมส่วน
| ใหญ่ของไทยเป็นเกษตรกรรายย่อยขาดระบบการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำ
| นมดิบค่อนข้างสูงและปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ขณะที่นมและผลิตภัณฑ์นมของ
| ออสเตรเลียเป็นสินค้าที่ออสเตรเลียมีความได้เปรียบ ทั้งนี้ ไทยกำหนดจะทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้า
| ดังกล่าวให้แก่ออสเตรเลียจนเหลือร้อยละ 0 ในปี 2558-2568 ขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวของสินค้าแต่
| ละประเภท
-----------------------------------------------------------------------------------
เป็นที่น่าสังเกตว่าอุตสาหกรรมของไทยที่คาดว่าจะเสียประโยชน์จากข้อตกลง TAFTA ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่อ่อนไหวซึ่ง
ไทยสามารถใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguards) ในกรณีที่เกิดการทะลักของสินค้านำเข้า เช่น หากมีปริมาณ
นำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเกินกำหนด (Trigger Volume) ไทยสามารถกลับมาใช้อัตราภาษีเดิมก่อนการเริ่มลดภาษีได้
ขณะเดียวกัน ไทยกำหนดกรอบการลดภาษีนำเข้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเวลาปรับตัวและเตรียมพร้อม
กับการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สิงหาคม 2547--
-พห-