สถาบันเอ็มไอทีของสหรัฐฯได้ทำการสำรวจสัดส่วนการลงทุนโดยรวมจากต่างประเทศ (FDI) ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) พบว่าจีนแซงหน้าทุกประเทศในเอเชียทั้งยังมากกว่าญี่ปุ่นถึง 30 เท่า และจีนพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูงกว่า 60% โดยในปี 2547 จีนมีมูลค่าการค้าต่างประเทศมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 60 มาจากอุตสาหกรรมการผลิตแบบแปรรูปที่ควบคุมโดยทุนต่างชาติ รายงานการวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซ็ต (เอ็มไอที) ชี้ว่า การที่จีนพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศมากเกินไปมีผลให้จีนยังไม่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงได้ด้วยตนเอง เพราะมีบริษัทต่างชาติเป็นหัวหอกในการดำเนินการทั้งสิ้น การที่จีนหวังว่าการลงทุนจากต่างประเทศจะทำให้มีเทคโนโลยีติดตามมาด้วยแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีที่เป็นแกนกลางไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ นักวิเคราะห์ชี้ว่า บรรดาบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในจีนต่างกุมเทคโนโลยีของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่นทั้งด้านการผลิตและการตลาด เพียงแต่อาศัยภาระต้นทุนการผลิตต่ำในจีน จึงเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันเกิดจากแรงดึงดูดของที่ดินราคาถูก แรงงานถูก รวมทั้งภาครัฐของจีนมองเห็นประโยชน์ในด้านการเพิ่มอัตราการจ้างงานและการผลักดันตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจประเด็นวิเคราะห์: การที่จีนพึ่งพาทุนจากต่างประเทศมากเกินไปในอนาคตเมื่อทุนจากต่างประเทศย้ายฐานการผลิตไปก็จะก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แต่หากจีนพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นก็จะไม่กระทบกระเทือนมากนัก ที่มา: http://www.depthai.go.th