5. ขอบเขตและกรอบการทำงานของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ ควรมีความเป็นรูปธรรมชัดเจน 6. มาตรการและการดำเนินการในประเด็นฐานข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับน้ำในสภาพปัจจุบันซึ่งถือได้ว่ากระจัดกระจายไม่เป็นเอกภาพเพียงพอที่จะใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบาย วางแผน และการนำไปสู่การปฏิบัติได้ เห็นควรให้มีการทบทวนในเชิงประเมินสรุป เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ และควรเร่งดำเนินการเสริมสร้างบุคลากรทั้งในระดับผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ และผู้ปฏิบัติที่จะเข้ามารับผิดชอบในการดำเนินการของศูนย์กลางระบบข้อมูลแห่งชาติในอนาคต 7. ปัจจัยสำคัญต่างๆในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ เช่น นโยบายน้ำของชาติ คณะ-กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ คณะกรรมการลุ่มน้ำ กฎหมายน้ำ และกระทรวงน้ำเป็นประเด็นซึ่งสภาที่ปรึกษาฯได้นำเสนอมาก่อนแล้ว เห็นควรดำเนินการให้มีบทสรุปอย่างเป็นรูปธรรม 8. ข้อมูลและการสำรวจเส้นทางน้ำไหลผ่านตามธรรมชาติ (Flood Way) และแหล่งรองรับน้ำ (แก้มลิง) ในแต่ละจังหวัดรวมทั้งของแต่ละกลุ่มลุ่มน้ำ ทั้ง 9 กลุ่มลุ่มน้ำ ควรเร่งดำเนินการเพื่อจะได้ทราบสถานะ และปัญหาของ Flood Way และแก้มลิงในแต่ละพื้นที่ และควรจัดทำแผนที่เส้นชั้นความสูงระดับพื้นดิน มาตราส่วน 1:4,000 หรือ 1:10,000 ระดับเส้นชั้นความสูง (Contour) ประมาณ1 เมตร หรือ 5 เมตร ตามความเหมาะสมในพื้นที่ดังกล่าว 9. การรุกล้ำพื้นที่ทางไหลของน้ำตามธรรมชาติ โดยไม่มีการบูรณะบำรุงรักษาจากเดิมถึงปัจจุบัน สมควรที่จะเร่งดำเนินการแก้ไข และควรให้มีมาตรการควบคุมการใช้ที่ดินและผังเมืองที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในบริเวณ พื้นที่ทางน้ำไหลผ่านตามธรรมชาติ และพื้นที่แก้มลิง 10. ควรกำหนดนโยบาย และเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้อง และสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ 11. กรณีศึกษาในประเด็นเขาใหญ่ กับปริมาณน้ำฝนซึ่งตกลงสู่เขาใหญ่ และการไหลลงสู่พื้นที่ส่วนล่างพร้อมส่วนที่ดูดซับไว้อันมีผลต่อพื้นที่ลุ่มน้ำอีสานตอนบนและตอนล่าง และภาคตะวันออก รวมทั้งภาคกลางบางส่วน ควรมีการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อประกอบการพิจารณา การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติโดยรวมอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ที่มา: สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ www.nesac.or.th, โทร.02-612-9222 ต่อ 118, 119 โทรสาร.02-612-6918-9