แท็ก
อุตสาหกรรมอาหาร
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าอาหารรายสำคัญของโลก การขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารของไทย
ได้พัฒนาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบที่มีเพียงพอสำหรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศ มีต้นทุนแรงงานที่ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยมีการขยายตัว
อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การพัฒนาทางด้านการผลิต เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
การปรับเปลี่ยนการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อรองรับการค้าเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับนโยบายการส่งเสริม
อุตสาหกรรมอาหารของภาครัฐตั้งแต่การพัฒนาในระดับฟาร์ม โรงงานแปรรูป และการตลาด ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารไทย
มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 มีการเปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วง
เดียวกันของปี 2546 ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกที่มีปริมาณการผลิตลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์ประมง
และผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปผัก ผลไม้ ไม่แตกต่างจากปี 2546 มากนัก การผลิตที่ลดลงเป็นผลมาจาก
การระบาดของโรคไข้หวัดนก และการประกาศไต่สวนการทุ่มตลาดกุ้งของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตถุดิบและ
ใช้ภายในประเทศที่มีปริมาณการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปี 2546 คือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช ส่วนที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ
ปี 2546 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ที่มา:สศอ.)
ภาวะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารในเดือน ก.ค. 2547 พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
จากเดือนมิถุนายน คือ เพิ่มจาก 95.70 เป็น 114.30 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารของไทยมีความเชื่อมั่น
ต่อภาวะอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาในเรื่องของระดับราคาน้ำมันยังเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรม
อาหารยังคงมีความกังวลอยู่มาก ซึ่งหากมีการปล่อยราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวในต้นปี 2548 จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของอุตสาหกรรม
อาหารอย่างมาก
ตารางที่ 1 แสดงมูลค่าการส่งออกและการนำเข้าของอุตสาหกรรมอาหารระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค. ปี 2546-2547
รายการ 2546 สัดส่วน (%) 2547 สัดส่วน (%) Growth (%)
(ม.ค.-ก.ค.) (ม.ค.-ก.ค.)
สินค้าประมง 92,350.00 42.31 85,527.60 41.36 -7.39
สินค้าพืชผักผลไม้ 31,350.80 14.36 33,402.20 16.15 6.54
สินค้าปศุสัตว์ 25,232.50 11.56 12,403.90 6 -50.84
สินค้าจากข้าว แป้ง ธัญพืช 26,388.40 12.09 32,484.20 15.71 23.1
อื่นๆ 42,955.60 19.68 42,956.10 20.77 0.001
รวมมูลค่าการส่งออก (ล้านบาท) 218,277.30 100 206,774.00 100 -5.27
สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง และสำเร็จรูป 25,522.00 50.27 25,407.40 45.94 -0.45
ธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป 8,051.70 15.86 9,944.60 17.98 23.51
ผักผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผลไม้ 5,640.00 11.11 7,446.20 13.46 32.02
ผลิตภัณฑ์นม 5,846.00 11.52 6,624.60 11.98 13.32
อื่นๆ 5,707.30 11.24 5,888.80 10.65 3.18
รวมมูลค่าการนำเข้า (ล้านบาท) 50,767.00 100 55,311.60 100 8.95
ที่มา:กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมอาหารระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค. 2547 ตามตารางที่ 1 พบว่ามีมูลค่า
การส่งออกรวม 206,774 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 5.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2546 โดยมีสินค้าส่งออก
สำคัญ ได้แก่ สินค้าประมง มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดคือ 85,527.60 ล้านบาท รองลงมาคือ พืชผักผลไม้ ปศุสัตว์ และสินค้า
จากข้าว แป้ง ธัญพืช คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.16, 16.15, 15.71 และ 6.00 ตามลำดับ สินค้าทีมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ได้แก่ พืชผักผลไม้ และสินค้าจากข้าว แป้ง ธัญพืช ส่วนสินค้าประเภทประมงและปศุสัตว์มีอัตราการขยายตัวลดลง สำหรับการนำเข้า
ในเดือน ม.ค.-ก.ค. 2547 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 55,311.60 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 8.95 โดยมีการนำเข้า
สินค้าประเภทสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง และสำเร็จรูปมากที่สุด มีมูลค่า 25,407.40 ล้านบาท และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
49.94 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งมีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 0.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2546 สินค้านำเข้า
อันดับรองลงมาได้แก่ ธัญพืช และธัญพืชสำเร็จรูป ผักผลไม้ ของปรุงแต่งที่ทำจากผลไม้ และผลิตภัณฑ์นม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
17.98, 13.46 และ 11.98 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.51, 32.02 และ
13.32 ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มของภาวะอุตสาหกรรมอาหาร แจกแจงพิจารณาได้ดังนี้ สินค้าประมง ปลาทูน่ากระป๋องมีแนวโน้มการผลิต
และการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศพันธมิตรมีความกังวลในด้านสงครามและการ
ก่อการร้าย ประกอบกับการย่างเข้าสู่ฤดูหนาวจึงต้องมีสำรองอาหารประเภทกระป๋องมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากการเปิดตลาด
ฮาลาลในตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น สินค้าพืชผักผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์สับปะรดและสับปะรดกระป๋อง ซึ่งไทยมีส่วนแบ่งตลาด
ในโลกกว่าร้อยละ 30 มีแนวโน้มการผลิตและการส่งออกดีขึ้น นอกจากนี้ผักและผลไม้อื่นๆ ได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดสินค้า
กับจีน มังคุด ทุเรียน และผักแปรรูป ส่วนสินค้าปศุสัตว์ มูลค่าการส่งออกส่วนใหญ่เป็นไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง จะมีแนวโน้มการผลิต
และส่งออกลดลง เพราะการระบาดของโรคไข้หวัดนก และสินค้าแปรรูปจากธัญพืชและแป้ง แนวโน้มการส่งออกค่อนข้างทรงตัว
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม ประกอบกับวัตถุดิบประสบกับปัญหาน้ำท่วม
ทางด้านหน่วยงานภาครัฐโดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการออกมาตรการให้
ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับอาหารต้องจัดทำระบบคุณภาพเช่น GMP ก่อนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อให้กระบวนการผลิตมีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้ง
ภายในประเทศและต่างประเทศได้ อีกทั้งยังเป็นการขานรับนโยบาย "Food Safety" ของภาครัฐเพื่อเป็นการปูทางให้กับผู้
ประกอบการอาหารของไทยก้าวเข้าสู่การเป็น "ครัวไทยสู่ครัวโลก" โดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มอบหมายให้
สถาบันอาหารเป็นผู้จัดฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมิน เพื่อเป็นการมอบหมายงานตรวจประเมิน GMP ให้กับองค์กรอื่น เพื่อให้
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการการสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง
และปลอดภัย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ได้พัฒนาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบที่มีเพียงพอสำหรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศ มีต้นทุนแรงงานที่ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยมีการขยายตัว
อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การพัฒนาทางด้านการผลิต เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
การปรับเปลี่ยนการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อรองรับการค้าเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับนโยบายการส่งเสริม
อุตสาหกรรมอาหารของภาครัฐตั้งแต่การพัฒนาในระดับฟาร์ม โรงงานแปรรูป และการตลาด ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารไทย
มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 มีการเปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วง
เดียวกันของปี 2546 ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกที่มีปริมาณการผลิตลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์ประมง
และผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปผัก ผลไม้ ไม่แตกต่างจากปี 2546 มากนัก การผลิตที่ลดลงเป็นผลมาจาก
การระบาดของโรคไข้หวัดนก และการประกาศไต่สวนการทุ่มตลาดกุ้งของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตถุดิบและ
ใช้ภายในประเทศที่มีปริมาณการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปี 2546 คือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช ส่วนที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ
ปี 2546 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ที่มา:สศอ.)
ภาวะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารในเดือน ก.ค. 2547 พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
จากเดือนมิถุนายน คือ เพิ่มจาก 95.70 เป็น 114.30 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารของไทยมีความเชื่อมั่น
ต่อภาวะอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาในเรื่องของระดับราคาน้ำมันยังเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรม
อาหารยังคงมีความกังวลอยู่มาก ซึ่งหากมีการปล่อยราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวในต้นปี 2548 จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของอุตสาหกรรม
อาหารอย่างมาก
ตารางที่ 1 แสดงมูลค่าการส่งออกและการนำเข้าของอุตสาหกรรมอาหารระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค. ปี 2546-2547
รายการ 2546 สัดส่วน (%) 2547 สัดส่วน (%) Growth (%)
(ม.ค.-ก.ค.) (ม.ค.-ก.ค.)
สินค้าประมง 92,350.00 42.31 85,527.60 41.36 -7.39
สินค้าพืชผักผลไม้ 31,350.80 14.36 33,402.20 16.15 6.54
สินค้าปศุสัตว์ 25,232.50 11.56 12,403.90 6 -50.84
สินค้าจากข้าว แป้ง ธัญพืช 26,388.40 12.09 32,484.20 15.71 23.1
อื่นๆ 42,955.60 19.68 42,956.10 20.77 0.001
รวมมูลค่าการส่งออก (ล้านบาท) 218,277.30 100 206,774.00 100 -5.27
สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง และสำเร็จรูป 25,522.00 50.27 25,407.40 45.94 -0.45
ธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป 8,051.70 15.86 9,944.60 17.98 23.51
ผักผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผลไม้ 5,640.00 11.11 7,446.20 13.46 32.02
ผลิตภัณฑ์นม 5,846.00 11.52 6,624.60 11.98 13.32
อื่นๆ 5,707.30 11.24 5,888.80 10.65 3.18
รวมมูลค่าการนำเข้า (ล้านบาท) 50,767.00 100 55,311.60 100 8.95
ที่มา:กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอุตสาหกรรมอาหารระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ค. 2547 ตามตารางที่ 1 พบว่ามีมูลค่า
การส่งออกรวม 206,774 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 5.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2546 โดยมีสินค้าส่งออก
สำคัญ ได้แก่ สินค้าประมง มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดคือ 85,527.60 ล้านบาท รองลงมาคือ พืชผักผลไม้ ปศุสัตว์ และสินค้า
จากข้าว แป้ง ธัญพืช คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.16, 16.15, 15.71 และ 6.00 ตามลำดับ สินค้าทีมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ได้แก่ พืชผักผลไม้ และสินค้าจากข้าว แป้ง ธัญพืช ส่วนสินค้าประเภทประมงและปศุสัตว์มีอัตราการขยายตัวลดลง สำหรับการนำเข้า
ในเดือน ม.ค.-ก.ค. 2547 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 55,311.60 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 8.95 โดยมีการนำเข้า
สินค้าประเภทสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง และสำเร็จรูปมากที่สุด มีมูลค่า 25,407.40 ล้านบาท และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
49.94 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งมีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 0.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2546 สินค้านำเข้า
อันดับรองลงมาได้แก่ ธัญพืช และธัญพืชสำเร็จรูป ผักผลไม้ ของปรุงแต่งที่ทำจากผลไม้ และผลิตภัณฑ์นม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
17.98, 13.46 และ 11.98 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.51, 32.02 และ
13.32 ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มของภาวะอุตสาหกรรมอาหาร แจกแจงพิจารณาได้ดังนี้ สินค้าประมง ปลาทูน่ากระป๋องมีแนวโน้มการผลิต
และการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศพันธมิตรมีความกังวลในด้านสงครามและการ
ก่อการร้าย ประกอบกับการย่างเข้าสู่ฤดูหนาวจึงต้องมีสำรองอาหารประเภทกระป๋องมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากการเปิดตลาด
ฮาลาลในตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น สินค้าพืชผักผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์สับปะรดและสับปะรดกระป๋อง ซึ่งไทยมีส่วนแบ่งตลาด
ในโลกกว่าร้อยละ 30 มีแนวโน้มการผลิตและการส่งออกดีขึ้น นอกจากนี้ผักและผลไม้อื่นๆ ได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดสินค้า
กับจีน มังคุด ทุเรียน และผักแปรรูป ส่วนสินค้าปศุสัตว์ มูลค่าการส่งออกส่วนใหญ่เป็นไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง จะมีแนวโน้มการผลิต
และส่งออกลดลง เพราะการระบาดของโรคไข้หวัดนก และสินค้าแปรรูปจากธัญพืชและแป้ง แนวโน้มการส่งออกค่อนข้างทรงตัว
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม ประกอบกับวัตถุดิบประสบกับปัญหาน้ำท่วม
ทางด้านหน่วยงานภาครัฐโดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการออกมาตรการให้
ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับอาหารต้องจัดทำระบบคุณภาพเช่น GMP ก่อนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อให้กระบวนการผลิตมีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้ง
ภายในประเทศและต่างประเทศได้ อีกทั้งยังเป็นการขานรับนโยบาย "Food Safety" ของภาครัฐเพื่อเป็นการปูทางให้กับผู้
ประกอบการอาหารของไทยก้าวเข้าสู่การเป็น "ครัวไทยสู่ครัวโลก" โดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มอบหมายให้
สถาบันอาหารเป็นผู้จัดฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมิน เพื่อเป็นการมอบหมายงานตรวจประเมิน GMP ให้กับองค์กรอื่น เพื่อให้
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการการสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง
และปลอดภัย
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-