1. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ในเดือนกันยายน 2547 ขยายตัวร้อยละ 3.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนใกล้เคียงกับเดือนหน้า โดยการอุปโภคบริโภคสินค้าคงทนมีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่การอุปโภคบริโภคสินค้าไม่คงทนยังมีแนวโน้มขยายตัวดี ทั้งนี้ คาดว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยลบต่อการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนในระยะต่อไป
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าคงทน (ยานพาหนะ) มีแนวโน้มชะลอตัวโดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งชะลอลงกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติหลังจากที่เร่งตัวมากในเดือนก่อน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แม้เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงเช่นกันเมื่อเทียบกับที่เร่งตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าที่ไม่คงทน (ไม่ใช่ยานพาหนะ) โดยรวมยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ยกเว้นปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินที่หดตัวเป็นเดือนแรกเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาก
2. การลงทุนภาคเอกชน
ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ในเดือนกันยายน 2547 อยู่ที่ระดับ 66.0 ขยายตัวร้อยละ 8.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามการชะลอตัวของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากที่ลดลงต่อเนื่องกัน 5 เดือน ซึ่งหากความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นต่อเนื่องก็จะเป็นปัจจัยเสริมการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไป
การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงตามมูลค่าสินค้าทุนนำเข้า ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการชะลอของการนำเข้าเครื่องจักรไฟฟ้าเป็นสำคัญประกอบกับราคานำเข้าเครื่องจักรขยายตัวในเกณฑ์สูง
ส่วนการลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอลงเช่นกัน ตามพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและความเสี่ยงด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่เร่งตัวต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
แม้ว่าดัชนีการลงทุนภาคเอกชนจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาเครื่องชี้อื่นของการลงทุนภาคเอกชน ได้แก่ เงินทุนธุรกิจจดทะเบียนตั้งใหม่ จำนวนและมูลค่าการลงทุนของโครงการที่รับบัตรส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผลกำไรของธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการขยายตัวของสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไปยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปได้
3. ภาคการคลัง
รายได้รัฐบาลเดือนกันยายน รัฐบาลมีรายได้นำส่ง 133.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.9 จากรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.8 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงร้อยละ 12.2
รายได้ภาษีที่สำคัญได้แก่ ภาษีจากฐานรายได้ ซึ่งยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี (ร้อยละ 22.9) จากการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีที่มีเหลื่อมนำส่งจากเดือนก่อน นอกจากนี้ ภาษีจากฐานการบริโภคขยายตัวในเกณฑ์สูง (ร้อยละ 120.4) เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนนี้ขยายตัวสูงถึง ร้อยละ 365.3 โดยมีสาเหตุมาจากความล่าช้าในการถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขณะที่เดือนเดียวกันปีก่อนมีการถอนคืนดังกล่าวจำนวน 19.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ การถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ล่าช้านั้นจะดำเนินการถอนคืนจากรายได้เหลื่อมรับจากปีงบประมาณ 2547 ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 สำหรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน (ร้อยละ 21.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน) ส่วนภาษีจากฐานการค้าระหว่างประเทศลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.9 เป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรตามข้อตกลง AFTA เป็นสำคัญ
รายได้ที่มิใช่ภาษีลดลง ร้อยละ 12.2 ตามรายได้นำส่งของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงร้อยละ 40.5 การนำส่งรายได้ที่สำคัญได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 0.7 พันล้านบาท
สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2547 รายได้รัฐบาลเท่ากับ 1,123.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.0 ตามภาษีจากฐานรายได้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5) และภาษีจากฐานการบริโภค(เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0) เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีที่ดีขึ้น และการถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อโอนให้แก่ อปท.ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2547
รายจ่ายของรัฐบาล ในเดือนกันยายนเท่ากับ 107.1 พันล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.0 อัตราเบิกจ่ายร้อยละ 9.0 โดยมีรายจ่ายในงบประมาณที่สำคัญ คือ(1) ค่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯ 13.2 พันล้านบาท (2) ค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ 7.4 พันล้านบาท สำหรับรายจ่ายเงินนอกงบประมาณที่สำคัญ ได้แก่ การโอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีสุรา และภาษีสรรพสามิตให้แก่ อปท. 11.6 พันล้านบาท
สำหรับรายจ่ายทั้งปีงบประมาณ 2547 เท่ากับ 1,105.9 พันล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.9 โดยมีอัตราการเบิกจ่าย (ไม่รวมยอดชำระคืนเงินต้น) ทั้งสิ้นเท่ากับร้อยละ 89.5
ดุลเงินสด เดือนนี้รัฐบาลเกินดุลเงินสด 15.1 พันล้านบาท เป็นผลจากการเกินดุลเงินในงบประมาณ 26.2 พันล้านบาท ขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณขาดดุล 11.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลกู้เงินในประเทศสุทธิ 39.5 พันล้านบาท (เป็นการออกตั๋วเงินคลัง 71.0 พันล้านบาท ไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 35.0 พันล้านบาท ในขณะที่ยอดเงินฝากของ ธปท.ที่คลังจังหวัดเพิ่มขึ้น 3.7 พันล้านบาท) และชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศสุทธิ 6.7 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 47.9 พันล้านบาท เป็น 145.3 พันล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2547 รัฐบาลเกินดุลเงินในงบประมาณ 17.9 พันล้านบาท และขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 4.8 พันล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดเกินดุล 13.1 พันล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 30.0 พันล้านบาท และตั๋วเงินคลัง 60.0 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้น 90.0 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่กำหนดใน พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2547 จำนวน 9.9 พันล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ในเดือนกันยายน 2547 ขยายตัวร้อยละ 3.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนใกล้เคียงกับเดือนหน้า โดยการอุปโภคบริโภคสินค้าคงทนมีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่การอุปโภคบริโภคสินค้าไม่คงทนยังมีแนวโน้มขยายตัวดี ทั้งนี้ คาดว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยลบต่อการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนในระยะต่อไป
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าคงทน (ยานพาหนะ) มีแนวโน้มชะลอตัวโดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งชะลอลงกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติหลังจากที่เร่งตัวมากในเดือนก่อน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แม้เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงเช่นกันเมื่อเทียบกับที่เร่งตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าที่ไม่คงทน (ไม่ใช่ยานพาหนะ) โดยรวมยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ยกเว้นปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินที่หดตัวเป็นเดือนแรกเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาก
2. การลงทุนภาคเอกชน
ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ในเดือนกันยายน 2547 อยู่ที่ระดับ 66.0 ขยายตัวร้อยละ 8.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามการชะลอตัวของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากที่ลดลงต่อเนื่องกัน 5 เดือน ซึ่งหากความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นต่อเนื่องก็จะเป็นปัจจัยเสริมการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไป
การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงตามมูลค่าสินค้าทุนนำเข้า ณ ราคาคงที่ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการชะลอของการนำเข้าเครื่องจักรไฟฟ้าเป็นสำคัญประกอบกับราคานำเข้าเครื่องจักรขยายตัวในเกณฑ์สูง
ส่วนการลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอลงเช่นกัน ตามพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและความเสี่ยงด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่เร่งตัวต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
แม้ว่าดัชนีการลงทุนภาคเอกชนจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาเครื่องชี้อื่นของการลงทุนภาคเอกชน ได้แก่ เงินทุนธุรกิจจดทะเบียนตั้งใหม่ จำนวนและมูลค่าการลงทุนของโครงการที่รับบัตรส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผลกำไรของธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการขยายตัวของสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไปยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปได้
3. ภาคการคลัง
รายได้รัฐบาลเดือนกันยายน รัฐบาลมีรายได้นำส่ง 133.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.9 จากรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.8 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ภาษีลดลงร้อยละ 12.2
รายได้ภาษีที่สำคัญได้แก่ ภาษีจากฐานรายได้ ซึ่งยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี (ร้อยละ 22.9) จากการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีที่มีเหลื่อมนำส่งจากเดือนก่อน นอกจากนี้ ภาษีจากฐานการบริโภคขยายตัวในเกณฑ์สูง (ร้อยละ 120.4) เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนนี้ขยายตัวสูงถึง ร้อยละ 365.3 โดยมีสาเหตุมาจากความล่าช้าในการถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขณะที่เดือนเดียวกันปีก่อนมีการถอนคืนดังกล่าวจำนวน 19.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ การถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ล่าช้านั้นจะดำเนินการถอนคืนจากรายได้เหลื่อมรับจากปีงบประมาณ 2547 ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2548 สำหรับภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน (ร้อยละ 21.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน) ส่วนภาษีจากฐานการค้าระหว่างประเทศลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.9 เป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรตามข้อตกลง AFTA เป็นสำคัญ
รายได้ที่มิใช่ภาษีลดลง ร้อยละ 12.2 ตามรายได้นำส่งของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงร้อยละ 40.5 การนำส่งรายได้ที่สำคัญได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 0.7 พันล้านบาท
สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2547 รายได้รัฐบาลเท่ากับ 1,123.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.0 ตามภาษีจากฐานรายได้ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5) และภาษีจากฐานการบริโภค(เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0) เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีที่ดีขึ้น และการถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อโอนให้แก่ อปท.ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2547
รายจ่ายของรัฐบาล ในเดือนกันยายนเท่ากับ 107.1 พันล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.0 อัตราเบิกจ่ายร้อยละ 9.0 โดยมีรายจ่ายในงบประมาณที่สำคัญ คือ(1) ค่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯ 13.2 พันล้านบาท (2) ค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ 7.4 พันล้านบาท สำหรับรายจ่ายเงินนอกงบประมาณที่สำคัญ ได้แก่ การโอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีสุรา และภาษีสรรพสามิตให้แก่ อปท. 11.6 พันล้านบาท
สำหรับรายจ่ายทั้งปีงบประมาณ 2547 เท่ากับ 1,105.9 พันล้านบาท ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.9 โดยมีอัตราการเบิกจ่าย (ไม่รวมยอดชำระคืนเงินต้น) ทั้งสิ้นเท่ากับร้อยละ 89.5
ดุลเงินสด เดือนนี้รัฐบาลเกินดุลเงินสด 15.1 พันล้านบาท เป็นผลจากการเกินดุลเงินในงบประมาณ 26.2 พันล้านบาท ขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณขาดดุล 11.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลกู้เงินในประเทศสุทธิ 39.5 พันล้านบาท (เป็นการออกตั๋วเงินคลัง 71.0 พันล้านบาท ไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 35.0 พันล้านบาท ในขณะที่ยอดเงินฝากของ ธปท.ที่คลังจังหวัดเพิ่มขึ้น 3.7 พันล้านบาท) และชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศสุทธิ 6.7 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 47.9 พันล้านบาท เป็น 145.3 พันล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2547 รัฐบาลเกินดุลเงินในงบประมาณ 17.9 พันล้านบาท และขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 4.8 พันล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดเกินดุล 13.1 พันล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 30.0 พันล้านบาท และตั๋วเงินคลัง 60.0 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้น 90.0 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่กำหนดใน พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2547 จำนวน 9.9 พันล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--