เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดช่องว่างด้านการพัฒนา จะขยายความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเป็นยุทธศาสตร์หลักในการช่วยประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าเร่งรัดกระบวนการรวมตัวทางเศรษฐกิจ ในลักษณะที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างเท่าเทียมและครอบคลุม สิ่งสำคัญคือจะต้องทำให้ความร่วมมือในภูมิภาคเป็นตัวเสริมมากกว่าเข้ามาแทนการดำเนินการในประเทศ จะเสริมสร้างข้อริเริ่มว่าด้วยการรวมตัวของอาเซียนในฐานะที่เป็นเครื่องมือหลักสำหรับการลดช่องว่างด้านการพัฒนา เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการพัฒนาของกัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม และเขตอนุภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจะรวมถึงการขยายสาขาความร่วมมือในกรอบแผนงานความร่วมมือของข้อริเริ่มว่าด้วยการรวมตัวของอาเซียน รวมทั้งการพัฒนารูปแบบใหม่สำหรับ การระดมเงินสนับสนุน สำหรับเขตอนุภูมิภาคอื่นๆ จะส่งเสริมกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่างๆ ในอาเซียน ครอบคลุมด้านนโยบาย กลไกการประสานงาน และแผนการดำเนินงาน การดูแลทั้งข้อดีและข้อเสียของการรวมตัวทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งของยุทธศาสตร์นี้ โดยจะมุ่งให้ได้รับผลประโยชน์จากการรวมตัวทางเศรษฐกิจมากที่สุดและมีการกระจายผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมในภูมิภาคและในประเทศสมาชิกเพื่อช่วยลดช่องว่างด้านการพัฒนา และจะลดผลกระทบทางลบต่อภาคเศรษฐกิจจากการปรับตัวของกลไกตลาดให้มีน้อยที่สุดและให้มีการกระจายภาระที่เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมกันทั้งภูมิภาคและภายในประเทศสมาชิก การเพิ่มความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อป้องกันหรือลดภาระทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการรวมตัว จะมีส่วนช่วยโดยตรงต่อการบรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งประชาคมอาเซียนอีกสองประชาคม โครงการความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างด้านการพัฒนาจะรวมกิจกรรมความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มุ่งช่วยเหลือประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าในการยกเลิกภาษี และมาตรการที่มิใช่ภาษี และสิ่งกีดกันอื่นๆ ต่อการไหลเวียนของการค้าสินค้าและบริการในตลาดอย่างเสรี โครงการนี้จะรวม กิจกรรมที่เสริมการดำเนินการภายในประเทศที่มุ่งแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาอย่างเท่าเทียมและครอบคลุม รายการเป้าหมายและกิจกรรมที่ชี้แนะปรากฎในภาคผนวก 4 5. กลไกการดำเนินการ การบรรลุตามเป้าหมายของปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับที่ 2 มิได้หมายถึงเพียงแค่การส่งเสริมกิจกรรมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น การส่งเสริมการรวมตัวของอาเซียนในเชิงลึกขึ้น โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศสมาชิกต้องเพิ่มการหารือ มีพันธกรณี ระบุกำหนดเวลาและกลไกที่เหมาะสม เพิ่มขีดความสามารถและสมรรถภาพในระดับประเทศและระดับภูมิภาค อีกทั้ง พัฒนากลไกการทำงานต่างๆ การตอบสนอง และทรัพยากรมนุษย์ในด้านต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าการรวมตัวของอาเซียนในปัจจุบัน มีสามเรื่องหลักที่ต้องกล่าวถึงดังนี้ (1) การระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนโครงการและ กิจกรรมซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย (2) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลไกที่มีอยู่ และการจัดตั้งกลไกที่เหมาะสมตามความจำเป็นเพื่อช่วยในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ และกับประเทศนอกภูมิภาค และ (3) การพัฒนากลไกในการติดตามและประเมินความคืบหน้าของการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การรวมตัวของอาเซียนและประเมินผลของโครงการและ กิจกรรมต่างๆ ในการนำไปสู่วัตถุประสงค์ดังกล่าว เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องมีความร่วมมือที่สำคัญ 5 ระดับ ดังนี้ 1) การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งนับเป็นก้าวแรก ประกอบด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาร่วมกัน การแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน และการระบุประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกันจาก ความร่วมมือในระดับภูมิภาค 2) การสร้างความสอดคล้องเพื่อให้การดำเนินการในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 3) ความช่วยเหลือเป็นพิเศษโดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อลดช่องว่างของระดับระหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในประเทศที่มีระดับการพัฒนาต่ำกว่า 4) การดำเนินการร่วมกัน ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาการดำเนินการและกลไกต่างๆ ในระดับภูมิภาค 5) การรวมตัวในระดับภูมิภาคและการขยายความร่วมมือ โดยกลไกในระดับภูมิภาคสามารถดำเนินการอย่างสอดคล้องกันในนามของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในแต่ละระดับ อาจมีการสอดแทรกความร่วมมือด้านการพัฒนา ซึ่งมี 3 ประเภท ได้แก่ (1) การกำหนดข้อริเริ่มนโยบายในระดับภูมิภาค (2) การพัฒนากลไกการดำเนินงานในระดับภูมิภาค และ (3) การเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากร ดังนั้น ควรต้องมีการปรับปรุงกลไกการดำเนินงานและการประสานงานสำหรับ แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ยุทธศาสตร์ในการระดมทุน และมาตรการวัดความสำเร็จเพื่อติดตาม การดำเนินงานและประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ เพื่อให้สอดคล้องกับระดับของความร่วมมือและประเภทของความร่วมมือด้านการพัฒนา 5.1 การระดมทุน อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงการดำเนินการเพื่อการเป็นประชาคมอาเซียนซึ่งต้องการ งบประมาณอย่างมาก ทั้งนี้ ในช่วงการดำเนินการของแผนปฏิบัติการฮานอย ได้มีการดำเนิน กิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับนำไปสู่มาตรการที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในการส่งเสริม การรวมตัวของอาเซียนภายใต้แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ดังนั้น จึงคาดว่าแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์จะต้องใช้งบประมาณมากกว่าแผนปฏิบัติการฮานอยสำหรับ ความร่วมมือ 5 ระดับตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์มีการดำเนินการแล้วใน 3 ระดับแรกเป็นหลัก และจะมุ่งกำหนดยุทธศาสตร์การปฏิบัติการในระดับที่ 4 แหล่งเงินทุนที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์จะมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเงินทุนที่มาโดยตรงจากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศหรือจากประเทศสมาชิก อาเซียนบางประเทศสำหรับกิจกรรมเฉพาะโดยตรง แหล่งเงินทุนร่วมของอาเซียน และแหล่งเงินทุนจากภายนอก อาเซียนจะรวบรวมเงินทุนจากแหล่งต่างๆ ดังกล่าว เพื่อให้เงินทุนภายในอาเซียนและ เงินทุนจากภายนอกสามารถเกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้ เงินสมทบของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีเงินทุนที่แน่นอนและกำหนดได้เพื่อการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ขณะเดียวกัน ประเทศสมาชิกอาเซียนจะสามารถบริจาคในรูปที่มิใช้เงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของอาเซียนและสนับสนุนโดยตรงต่อการดำเนินกิจกรรมของประเทศสมาชิก อาเซียนจะสร้างหลักประกันของการมีเงินทุนร่วมของประเทศสมาชิกโดยการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาของอาเซียนซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากประเทศสมาชิก อาเซียนและมีแบบแผนของกองทุนที่เป็นที่ยอมรับของประเทศสมาชิกกองทุนเพื่อพัฒนาอาเซียนจะเป็นแหล่งเงินทุนร่วมของอาเซียนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ตามแนวทาง ดังนี้ ) สำหรับโครงการซึ่งมีความซับซ้อนและมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จะให้เงินทุนส่วนหนึ่งเพื่อดำเนินกิจกรรรมบางอย่างในระยะเริ่มต้น อาทิ การศึกษาความเป็นไปได้ การจัด การหารือกับองค์กรที่บริจาคเงินช่วยเหลือ การพัฒนารูปแบบโครงการ ฯลฯ เพื่อนำไปสู่การได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมากจากประเทศคู่เจรจาหรือองค์กรที่บริจาคเงิน ช่วยเหลือเพื่อที่จะสามารถดำเนินโครงการที่สมบูรณ์ต่อไป ) สนับสนุนโครงการขนาดเล็กซึ่งเป็นโครงการลับหรือเกี่ยวพันกับยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์สำคัญอีกประการหนึ่งในการส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกมีพันธกรณีในการบริจาคเงินสนับสนุนโครงการระดับภูมิภาค คือการทำให้วาระของอาเซียนบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาระดับชาติของประเทศสมาชิก ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการจัดสรรงบประมาณของประเทศสมาชิกมาใช้ในการดำเนิน ข้อริเริ่มต่างๆ ในระดับภูมิภาคเงินสนับสนุนจากประเทศคู่เจรจาและองค์กรที่บริจาคเงินช่วยเหลืออื่นๆ จะยังคงเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับอาเซียน โดยเฉพาะในการสนับสนุนโครงการและกิจกรรมพิเศษ ภาคเอกชนเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่สามารถช่วยสมทบกองทุนสนับสนุนกิจกรรมของอาเซียน อาเซียนจะเริ่มแผนการระดมเงินทุนโดยโน้มน้าวและกระตุ้นให้ภาคเอกชนสนับสนุนกิจกรรมของ อาเซียน โดยเฉพาะกิจกรรมที่จะเอื้อประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจและอุตสาหกรรม จัดการประชุมเพื่อระดมเงินทุนทั้งจากภายในและนอกภูมิภาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ อาทิ การจัดประชุมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอาเซียน 5.2 แนวทางในการดำเนินการ แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ได้ถูกออกแบบตามแนวคิดหลักในการลดความเสี่ยงอันเกิดจากวิธีที่แตกต่างกันของกลไกต่างๆ ของอาเซียน ดังนั้น อาจมีโครงการซึ่งเป็นโครงการร่วมมือระหว่าง กลไกอาเซียน 2 กลไกหรือมากกว่านั้น หรือเป็นโครงการซึ่งมีส่วนประกอบหลายส่วนที่กลไกอาเซียนต่างๆ ต้องรับผิดชอบในแต่ละส่วนในกรณีดังกล่าว ควรที่จะต้องเสริมสร้างกลไกที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อสามารถประสานอย่างใกล้ชิดเพื่อขอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบของโครงการ ประสิทธิผลในการจัดการและดำเนินโครงการร่วมกัน เพื่อที่จะได้มีความสอดคล้อง เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน มีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดความซับซ้อนเพิ่มขึ้นต่อโครงสร้าง ความร่วมมือของอาเซียนโดยรวม สำนักเลขาธิการอาเซียนจะช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการหารือระหว่างกลไกต่างๆ ของ อาเซียนและหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการนำแนวทางในการดำเนิน โครงการให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ของอาเซียน รวมทั้งภาคเอกชนและประชาสังคม เข้ามามี ส่วนร่วมในการกำหนดวิธีทางและกลไกต่างๆ 5.3 การติดตามและประเมินผล แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์จำเป็นต้องมีกลไกสำหรับติดตามและประเมินผลเพื่อให้แน่ใจว่า การดำเนินการบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขหากจำเป็น ข้อริเริ่มและกิจกรรมต่างๆ ยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายของแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ตามที่ได้ระบุไว้ และสามารถตอบสนองต่อเรื่องต่างๆ และประเด็นที่มีความสำคัญในลำดับต้นที่เกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งยึดถือหลักการของความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการพัฒนากลไกการติดตามและประเมินผลแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ โดยให้มีการจัดทำใบประเมินผลเพื่อใช้เป็นเครื่องมือพื้นฐาน ใบประเมินผลนี้จะสามารถวัดทั้งใน เชิงปริมาณของโครงการและเชิงคุณภาพโดยการประเมิณผลกระทบในระดับที่สูงขึ้น อีกทั้ง ยังสามารถรวมยอดจากส่วน สาขา และประเทศที่หลากหลาย เพื่อที่จะให้ภาพรวมเกี่ยวกับผล การดำเนินงานของแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ดังนั้น การติดตามและประเมินผลจะกระทำใน 2 ระดับ - ในระดับเล็ก มีการติดตามและประเมินผลแต่ละโครงการ - ในระดับใหญ่ มีการนำกลไกการประเมิณผลโดยรวมมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้ตกลงใว้ ในระดับเล็ก จะมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จของแต่ละโครงการซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ สำหรับ ระดับใหญ่ เพื่อให้สามารถรวมยอดได้ จะใช้หลักเกณฑ์ทั่วไปในการวัด หลักเกณฑ์ทั่วไปดังกล่าวประกอบด้วย ความเหมาะสม/ความเกี่ยวข้อง ความสอดคล้องกับสิ่งที่แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ให้ความสำคัญ ความต้องการของกลไกต่างๆ ของอาเซียน การช่วยส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหสวรรษ คุณภาพของรูปแบบโครงการ วัตถุประสงค์ เหตุผลของแผนงาน ตัวชี้วัดผลสำเร็จของโครงการ ความเสี่ยง ประสิทธิภาพ การบรรลุตามกระบวนการที่ได้กำหนดไว้และผล ผลงานที่ได้ ผลลัพท์ที่ได้ ประสิทธิผล ระดับของเงินทุนที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้ได้ผลงานและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผลกระทบ ส่งเสริมเป้าหมายของแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ หลีกเลี่ยงผลกระทบในเชิงลบ ความยั่งยืน การสะสมความรู้ที่ได้รับ มีการวางแผนจัดการกับความเสี่ยง มีเงินทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ตลอด มีเจตนารมณ์ทางการเมืองอย่างแน่วแน่ ได้รับผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ควรมีการกำหนดจุดเริ่มต้นการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์เพื่อใช้เป็นสิ่ง อ้างอิงหรือมาตรฐานสำหรับการติดตามและประเมินผลเป็นระยะๆ เรื่องสำคัญที่ควรคำนึงถึง คือ มีการระบุผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีส่วนในการประเมินผล และเพื่อให้ได้ข้อคิดเห็นที่เป็นกลาง ควรรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างกว้างขวางที่สุด อาทิ ผู้ที่ได้รับประโยชน์ หน่วยงานที่เป็นผู้ปฏิบัติ ผู้จัดการโครงการ และกลไกของอาเซียนที่ให้การสนับสนุนควรได้รับเชิญให้ร่วมในการประเมินผล ด้วย ในระยะยาว เมื่อใดก็ตาม การทบทวนควรคำนึงถึงข้อคิดเห็นจากประเทศคู่เจรจาหรือ องค์กรระหว่างประเทศที่มีความสนใจในโครงการ ข้อมูลที่ได้รับจากการแสดงความคิดเห็นของ ผู้ประเมินผลจากภายนอกจะมีประโยชน์ในการพัฒนาโครงการความร่วมมือใหม่และการจัดทำ โครงการใหม่ๆ กับประเทศคู่เจรจา เลขาธิการอาเซียนจะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนทุกปีผ่านที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนภายหลังจากการพิจารณาของคณะกรรมการประจำของอาเซียน สำนักเลขาธิการอาเซียนจะประเมินผลอย่างเป็นทางการทุก 2 ปี ข้อเสนอแนะใด ๆ ในการปรับปรุงหรือการปรับให้แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์มี ความทันสมัยซึ่งเป็นผลมาจากการประเมินผลอย่างเป็นทางการจะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนเพื่อขอรับแนวทางสำหรับกลไกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และจะมีการรายงานการประเมินผลครั้ง สุดท้ายต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนในปี 2553 และใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะกลางระหว่างปี 2553 - 2558 ต่อไป พวกเรามอบหมายให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสเริ่มดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ทำไว้ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 สำหรับบรูไน ดารุสซาลาม สมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานาล โบลเกียห์ ซุลต่านแห่งบรูไน ดารุสซาลาม สำหรับราชอาณาจักรกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี สำหรับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดร.ซูสิโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดี สำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บุนยัง วอละจิด นายกรัฐมนตรี สำหรับมาเลเซีย ดาโต๊ะ ซรี อับดุลลาห์ อาหมัด บากาวี นายกรัฐมนตรี สำหรับสหภาพพม่า พลโท โซ วิน นายกรัฐมนตรี สำหรับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดี สำหรับสาธารณรัฐสิงคโปร์ ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรี สำหรับราชอาณาจักรไทย ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สำหรับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายฟาน วัน ขาย นายกรัฐมนตรี แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ภาคผนวก 1 ประชาคมความมั่นคงอาเซียน เลขที่อ้างอิง ขอบเขตแผนงาน/ผลลัพธ์และกิจกรรม 1.1 พัฒนาการทางการเมือง 1.1.1 ส่งเสริมความเข้าใจและความชื่นชมต่อระบอบการปกครอง วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศสมาชิกอาเซียน - จัดการประชุมในระดับของนักวิชาการอย่างน้อยสองครั้งต่อปี ซึ่งรวมถึงการสัมมนา ทางวิชาการ การฝึกอบรม และการสัมมนา - จัดพิมพ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงในระบอบทางการเมือง วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำปี เพื่อเผยแพร่แก่มหาวิทยาลัย นักวิชาการและ สถาบันที่เกี่ยวข้อง และ - แลกเปลี่ยนประสบการณ์และการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 1.1.2 วางรากฐานเพื่อจัดตั้งกลไกการทำงานซึ่งจะเอื้อต่อการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเป็นการสนับสนุนและการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน - ให้มีการจัดตั้งกลไกการทำงานในเรื่องนี้และเริ่มทดลองการปฏิบัติ - รับรองนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับสื่อที่เป็นที่ยอมรับได้ - พัฒนาสื่อสารสนเทศจากการศึกษานโยบายและการสัมมนาต่างๆ 1.1.3 จัดตั้งแผนงานการให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียนในการจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนการพัฒนาข้าราชการให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ และสนับสนุนหลัก ธรรมาภิบาลในภาครัฐและภาคเอกชน - ให้มีการจัดการศึกษาเปรียบเทียบประจำปีเรื่องการประกาศการใช้กฎหมายและกฎ ระเบียบเพื่อประโยชน์สำหรับผู้ออกกฎหมายให้เสร็จสิ้น - จัดการประชุม การสัมมนา การแลกเปลี่ยนการเยือน และการฝึกอบรมประจำปีสำหรับ เจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย - ให้เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนจัดทำหลักสูตรเรื่องกระบวนการทางกฎหมายของ แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน - จัดการฝึกอบรมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อประโยชน์ในการสร้างบรรทัดฐานร่วมของอาเซียนและหลักการเรื่องธรรมาภิบาล และ - จัดให้มีการศึกษาเรื่องการเป็นหุ้นส่วนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนตลอดจนนักวิชาการ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อหลักธรรมาภิบาลในการเสนอข้อเสนอแนะ ที่เป็นรูปธรรมต่ออาเซียน 1.1.4 ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน - ตรวจสอบรายชื่อกลไกด้านสิทธิมนุษยชนหรือกลไกที่ดำเนินการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันที่มีอยู่ ซึ่งรวมไปถึงกลไกต่างๆ ที่ส่งเสริมสิทธิสตรีและเยาวชน - จัดทำแผนงานสำหรับเครือข่ายของกลไกด้านสิทธิมนุษยชน - ส่งเสริมการเรียนรู้และให้สาธาณชนตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน - พัฒนากลไกของอาเซียนเกี่ยวกับการคุ้มครองและการส่งเสริมสิทธิของแรงงานอพยพ และ - จัดตั้งคณะกรรมาธิการอาเซียนเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเยาวชน 1.1.5 ให้องค์กรต่างๆ เช่น องค์การรัฐสภาอาเซียน สมัชชาประชาชนของอาเซียน สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติของอาเซียน ตลอดจนนักวิชาการ โดยเฉพาะเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นในการผลักดันให้พัฒนาการทางการเมืองของอาเซียนมีความคืบหน้า - ให้องค์กรดังกล่าวข้างต้นเสนอรายงานการศึกษาหรือผลงานทางวิชาการอย่างน้อย 5 ชิ้นต่อปี - ให้มีผู้แทนจากองค์กรดังกล่าวเข้าร่วมกิจกรรมของนักวิชาการตามที่ระบุในข้อ 1.1.1 - จัดการหารือเป็นประจำระหว่างประธานองค์การรัฐสภาอาเซียนและประธานคณะกรรมการประจำอาเซียน และ - ส่งเสริมบทบาทของมูลนิธิอาเซียน 1.1.6 ป้องกันและต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง 1.2 การกำหนดและการใช้บรรทัดฐานร่วมกัน 1.2.1 ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การจัดทำกฎบัตรอาเซียน - จัดตั้งกลไกที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำกฎบัตรอาเซียน 1.2.2 โน้มน้าวให้ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกอาเซียนภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - จัดการหารือระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มที่จะภาคยานุวัติสนธิสัญญาฯ 1.2.3 ให้มีการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ - จัดตั้งคณะทำงานอาเซียน-จีนว่าด้วยการปฏิบัติตามปฏิญญาฯ - ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การรับรองแนวทางปฏิบัติของภูมิภาคในทะเลจีนใต้ 1.2.4 ดำเนินการหาข้อยุติในประเด็นที่คั่งค้างเพื่อให้ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ลงนามในพิธีสารแนบท้ายสนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - ประมวลประเด็นต่างๆ ที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ และ - จัดการหารือระหว่างระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ 1.2.5 ดำเนินการเตรียมการเพื่อจัดทำความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญา สนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย - รวบรวมความตกลงทวิภาคีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องอาญาและระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศอื่นๆ - ระบุประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศเรื่องทางอาญา - ระบุและวิเคราะห์เอกสารและกลไกที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการก่อการร้าย และ - จัดตั้งคณะผู้จัดทำร่างร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนและเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน ว่าด้วยอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อจัดทำอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการ ก่อการร้าย1.2.6 ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามที่ปรากฎในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ปี 2519 - ให้มีเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อให้มีการจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และ - จัดตั้งคณะทำงานเรื่องการจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย 1.2.7 ส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลของอาเซียน - หาลู่ทางในการจัดตั้งกรอบความร่วมมือทางทะเลในอาเซียน 1.3 การป้องกันการเกิดข้อพิพาท 1.3.1 ส่งเสริมมาตรการการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจโดยเพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน - ศึกษาวิธีที่จะจัดการและให้มีการแลกเปลี่ยนดังกล่าว - หาลู่ทางในการจัดการประชุมประจำปีของรัฐมนตรีกลาโหม และ - ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเข้าสังเกตการณ์ในการฝึกซ้อมทางทหาร 1.3.2 ส่งเสริมให้มีความโปร่งใสและความเข้าใจในนโยบายกลาโหมและมุมมองภัยคุกคามโดยการ ตีพิมพ์และการแลกเปลี่ยนรายงานบทความการประเมินแนวโน้มความมั่นคงของประเทศสมาชิกอาเซียนและการบรรยายสรุปเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงของแต่ประเทศใน ภูมิภาค - การตีพิมพ์รายงานบทความการประเมินแนวโน้มความมั่นคงของประเทศสมาชิกอาเซียน และ - การจัดการบรรยายสรุปเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงของแต่ละประเทศตามความสมัครใจ 1.3.3 จัดตั้งกลไกในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมกระบวนการการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพื่อเป็นการสนับสนุนประชาคม ความมั่นคงอาเซียน - จัดให้มีกาส่งเจ้าหน้าที่จากประเทศสมาชิกอาเซียนไปช่วยทำงานในสำนักเลขาธิการ อาเซียน และ - สนับสนุนการปฏิบัติตามตามแนวคิดในการส่งเสริมบทบาทของประธานของการประชุม อาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย -แปซิฟิก 1.3.4 ส่งเสริมความร่วมมือในการรับมือกับประเด็นความมั่นคงแบบใหม่ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาข้ามเขตแดนต่างๆ - ทบทวนและจัดลำดับความสำคัญกับประเด็นต่างๆ ภายใต้แผนงานของภูมิภาคในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และ - จัดตั้งกลไกการประสานงานระหว่างหน่วยงานในอาเซียนที่เกี่ยวข้อง 1.4 การยุติข้อพิพาท 1.4.1 ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติที่มีอยู่และหาลู่ทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้วิธี เหล่านั้นด้วยกลไกอื่นๆ ที่จำเป็น - ศึกษาและวิเคราะห์วิธีในการแก้ไขข้อพิพาทให้แล้วเสร็จ - รวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับกลไกเพิ่มเติมอื่นๆ - ให้รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจัดทำขอบเขตและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำและกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ - แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตัวสำรองไว้ และ - ให้มีการใช้คณะอัครมนตรีของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการยุติข้อพิพาท เมื่อประเทศภาคีร้องขอ 1.4.2 ศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อพิพาทและการยุติข้อพิพาทและให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างศูนย์การศึกษาเพื่อสันติภาพ - รวบรวมและจัดทำรายชื่อศูนย์การศึกษาเพื่อสันติภาพต่างๆ - จัดลำดับความสำคัญของหัวข้อการค้นคว้าวิจัย - จัดการสัมมนาระหว่างศูนย์การศึกษาเพื่อสันติภาพ และ - จัดการฝึกอบรมเรื่องการยุติข้อพิพาทเป็นประจำกับแผนกการเมืองของสหประชาชาติ 1.5 การส่งเสริมสันติภาพหลังการยุติข้อพิพาท 1.5.1 ส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน เช่นการกำหนดเขตปลอดการใช้กำลังในบริเวณที่มีการสู้รบ - ให้การรับรองขั้นตอนการดำเนินการในการจัดตั้งเขตปลอดการใช้กำลังในบริเวณที่มีการ สู้รบที่เป็นมาตรฐานร่วมกัน 1.5.2 พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และโครงการสร้างขีดความสามารถในบริเวณที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการยุติข้อพิพาทและการฟื้นฟู - จัดการสำรวจพื้นที่ที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูหลังการยุติความขัดแย้ง - ประเมินสิ่งที่จำเป็นสำหรับการฝึกอบรมและการเสริมสร้างขีดความสามารถให้แล้วเสร็จ - ระบุหัวข้อในการฝึกอบรมตามลำดับความสำคัญ - วางแผนโครงการตามหัวข้อที่ได้จัดลำดับความสำคัญไว้และพัฒนาอุปกรณ์ในการฝึก อบรม และ - ให้มีการปฏิบัติตามโครงการประจำปีในสาขาต่างๆ ที่กำหนดไว้ 1.5.3 ลดความขัดแย้งระหว่างสังคมต่างๆ โดยการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและการปรับปรุง หลักสูตรการศึกษา แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ ภาคผนวก 2 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เลขที่อ้างอิง ขอบเขตแผนงาน/ผลลัพธ์และกิจกรรม 2.1 การรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญ 11 สาขา รายละเอียดตามที่ปรากฎในกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญและพิธีสารรายสาขาสำหรับการรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญ 2.2 เขตการลงทุนอาเซียน 2.2.1 การเปิดเสรีด้านการลงทุน (ยังมีต่อ)