ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.มีมติให้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยอาร์พีอีกร้อยละ 0.25 ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน ธปท.ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันอีกร้อยละ
0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศควรปรับเข้าสู่
ระดับที่สูงขึ้น เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป แม้ว่าแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นมีแนวโน้ม
ผ่อนคลายลง ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่อาจจะเป็นภาวะชั่วคราวต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
รวมถึงการติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นอย่างใกล้ชิดด้วย (ข่าวสด, แนวหน้า, มติชน, เดลินิวส์, ไทยรัฐ,
โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังจัดเก็บรายได้ใน 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 48 สูงกว่าประมาณการร้อยละ 9.8 รอง
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง แถลงผลการจัดเก็บรายได้รวมของ
รัฐบาล 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 48 (ต.ค.-พ.ย.47) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 193,668 ล้านบาท
สูงกว่าประมาณการ 17,321 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.8 คิดเป็นรายได้สุทธิ 174,296 ล้านบาท สูงกว่าประมาณ
การ 11,509 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.1 โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 15.8 กรม
ศุลกากรสูงกว่าประมาณการร้อยละ 7.9 ขณะที่กรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 2.9 เนื่องจากการปรับ
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ (แนวหน้า, เดลินิวส์, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์และ ก.อุตสาหกรรมกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าร่วมกัน ปลัด ก.พาณิชย์ เปิด
เผยภายหลังการประชุมคณะทำงานร่วมกันระหว่าง ก.พาณิชย์ และก.อุตสาหกรรมว่า ได้มีการหารือกันเพื่อแลก
เปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน เนื่องจาก ก.พาณิชย์มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ขณะที่ ก.อุตสาหกรรมมี
ข้อมูลในด้านการผลิต ถ้าหากนำข้อมูลของทั้ง 2 กระทรวงมาใช้ผลักดันการกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าแต่ละ
ประเภทร่วมกันเชื่อว่าจะทำให้การส่งออกของไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ คือ มูลค่าประมาณ 2
แสน ล.ดอลลาร์ สรอ. (8 ล้านล้านบาท) ในปี 51 อย่างไรก็ตาม การส่งออกปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ
96,000-97,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เดลินิวส์)
4. บีโอไอกำหนดเป้าหมายการลงทุนในปี 48 ที่จำนวน 5 แสน ล.บาท ที่ปรึกษาด้านการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนปี 47 และแนวโน้ม
การลงทุนในปี 48 ว่า ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามา 1,146 โครงการ
คิดเป็นมูลค่า 507,000 ล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงาน 202,000 คน ซึ่งเป็นการลงทุนที่มากกว่าเป้าหมายเดิมที่
คาดว่าตลอดทั้งปี 47 จะมีมูลค่าการลงทุน 500,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าในปี 47 จะมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่
510,000 ล้านบาทแน่นอน ทั้งนี้ บีโอไอได้กำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนให้แก่สำนักงานตัวแทนต่างประเทศ
ภายใต้เป้าหมายการลงทุนในปี 48 จะอยู่ที่ 500,000 ล้านบาท โดยเน้น 3 กลุ่มประเทศ คือ เอเชีย ยุโรป
และ สรอ. ซึ่งจะใช้การชักจูงการลงทุนในเชิงลึกและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น
ยานยนต์ ไอที เกษตร สิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
5. สศช.จัดทำแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเสนอ นรม.ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ เลขาธิการคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับปลัด ก.เศรษฐกิจ
11 กระทรวง เพื่อจัดทำแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ (Economic Restructuring) ของไทยว่า ขณะนี้
สศช.ได้จัดทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเสร็จแล้ว เตรียมเสนอ นรม.พิจารณาในการประชุมเชิงปฏิบัติการในวัน
ที่ 17 ธ.ค.นี้ โดยแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจะมีระยะเวลาดำเนินการในช่วง 4 ปีข้างหน้า 5 ด้าน ประกอบ
ด้วย 1) ภาคอุตสาหกรรม 2) เกษตรกรรม 3) ภาคบริการ 4) ด้านสังคม และ 5) ด้านธรรมาภิบาล (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นสำหรับเดือน ธ.ค. 47
ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส รายงานจากโตเกียว เมื่อ 15 ธ.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของธุรกิจ
จำนวน 10,227 แห่งในญี่ปุ่นโดย ธ.กลางญี่ปุ่นปรากฎว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการ
ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นลดลงโดยมาอยู่ที่ระดับ +22 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสหลังจากผลสำรวจครั้งก่อน
ในเดือน ก.ย.47 อยู่ระดับ +26 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 และต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่
ระดับ +23 โดยตัวเลขดัชนีดังกล่าวได้จากการนำจำนวนร้อยละของธุรกิจที่รายงานว่าภาวะทางธุรกิจเลวลงไปลบ
จากจำนวนร้อยละของธุรกิจที่รายงานว่าดีขึ้น ดังนั้นตัวเลขที่มากกว่าศูนย์จึงแสดงว่ามีจำนวนธุรกิจที่รู้สึกว่าภาวะทาง
ธุรกิจดีขึ้นมากกว่าที่รู้สึกว่าเลวลง และผลสำรวจคาดว่าความเชื่อมั่นของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่จะลดลง
อีกในไตรมาสแรกปีหน้ามาอยู่ที่ระดับ +15 โดยเป็นผลจากมาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนทำ
ให้ยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีนที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 ในช่วงปีที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 10 ใน
ปัจจุบันและค่าเงินเยนที่สูงขึ้นโดยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่าน
มา ในขณะที่การบริโภคในประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัวพอที่จะชดเชยกับยอดส่งออกที่ลดลง อย่างไรก็ดีผลสำรวจคาดว่า
ธุรกิจรายใหญ่ซึ่งรวมทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตและที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิตจะลงทุนในช่วงเวลาจนถึงวันที่
31 มี.ค.48 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีบัญชีของธุรกิจในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 มากกว่าร้อยละ 6.1 จากผลสำรวจเมื่อ
เดือน ก.ย.47 โดยธุรกิจรายใหญ่ที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเดียวไม่รวมที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิตมีแผนที่
จะลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 31 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.7 จากผลสำรวจเมื่อเดือน ก.ย.47
(รอยเตอร์)
2. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วง 11 เดือนของปี 47 ชะลอตัว รายงานจากปักกิ่งเมื่อ
วันที่ 15 ธ.ค 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วงเดือน
ม.ค. — พ.ย.47 ขยายตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 28.9 ชะลอตัวจากร้อยละ 29.5 และร้อยละ 29.9 ใน
ช่วง 10 เดือนและช่วง 9 เดือนของปีนี้ หลังจากที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 ได้ขยายตัวถึงร้อยละ 50 จาก
ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อและการจำกัดการลงทุนขนาดใหญ่อาทิในอุตสาหกรรม
เหล็กและอสังหาริมทรัพย์ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวซึ่งอาจจะลดความกดดันสำหรับทางการจีนในการเข้ม
งวดกับการให้สินเชื่อลง ทั้งนี้การจำกัดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนที่รวมทั้งการก่อสร้างและการสร้างถนนซึ่ง
เป็นนโยบายอันดับแรกที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่สมดุล นักเศรษฐศาสตร์จาก
China Securities ในปักกิ่งเห็นว่าการขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
และคาดว่าจะชะลอต่อไปอีกจนถึงปีหน้า แต่ยังคงเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพหลังจากที่การลงทุนลดลงอย่างมากในปีนี้
อนึ่งตัวเลขการลงทุนดังกล่าวครอบคลุมการลงทุนในเขตเมืองเท่านั้นแต่นักวิเคราะห์เห็นว่าสามารถแทนการลงทุน
รวมทั้งประเทศได้ อนึ่งทางการจีนได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ร้อยละ 7.0 จากเดิม
ร้อยละ 8.0 เนื่องจากความพยายามลดความร้อนแรงของการลงทุนดังกล่าว
3. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.47 คงที่ที่ร้อยละ 3.5 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก 2
เดือนก่อน รายงานจากโซลเมื่อ 16 ธ.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า อัตราการว่างงาน(หลังปรับฤดู
กาล)ของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.47 คงที่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.ย.และ ต.ค.47 แต่
ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบปีคือร้อยละ 3.6 ในเดือน ก.ค.และ ส.ค.47 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 3.6 สำหรับจำนวนแรงงาน(หลังปรับฤดูกาล)ในเดือน พ.ย.47 เพิ่ม
ขึ้นเป็น 22.583 ล้านคนจาก 22.577 ล้านคนในเดือนก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าจำนวนสูงสุดในรอบปีคือ 22.702 ล้าน
คนในเดือน ก.พ.47 ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้และบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดการณ์ว่า ตลาดแรงงานของ
เกาหลีใต้จะไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 48 เนื่องจากภาคบริการไม่สามารถจ้างงานได้เพิ่ม
ขึ้นอันเป็นผลจากความต้องการภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว เห็นได้จากดัชนีชี้วัดการดำเนินธุรกิจของภาคบริการ
ในเดือน ต.ค.47 ที่ลดลงร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือน พ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ขยายตัวสุงสุดในรอบ 5
ปี รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 15 ธ.ค.47 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียใน
เดือน พ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เทียบต่อปี เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่การขยายตัวร้อย
ละ 2.5 ในเดือน ธ.ค.42 แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3
หรือ 2.4 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย. มีสาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของราคาเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์และยาสูบ หลังจากที่รัฐบาลปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตสินค้า 2 รายการดังกล่าวในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ประกอบกับมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นเนื่องจากเดือน พ.ย.เป็นช่วงเทศกาลสำคัญของมาเลเซีย
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 11 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ย.47) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ธ.ค.47 15 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.528 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3357/39.6136 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8000-1.90625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.18/ 19.35 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,200/8,300 8,150/8,250 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.5 35.36 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.59*/14.59 19.59*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.มีมติให้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยอาร์พีอีกร้อยละ 0.25 ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการ
เงิน ธปท.ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วันอีกร้อยละ
0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 ต่อปี เป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศควรปรับเข้าสู่
ระดับที่สูงขึ้น เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป แม้ว่าแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นมีแนวโน้ม
ผ่อนคลายลง ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่อาจจะเป็นภาวะชั่วคราวต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
รวมถึงการติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นอย่างใกล้ชิดด้วย (ข่าวสด, แนวหน้า, มติชน, เดลินิวส์, ไทยรัฐ,
โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ก.คลังจัดเก็บรายได้ใน 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 48 สูงกว่าประมาณการร้อยละ 9.8 รอง
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง แถลงผลการจัดเก็บรายได้รวมของ
รัฐบาล 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 48 (ต.ค.-พ.ย.47) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 193,668 ล้านบาท
สูงกว่าประมาณการ 17,321 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.8 คิดเป็นรายได้สุทธิ 174,296 ล้านบาท สูงกว่าประมาณ
การ 11,509 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.1 โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 15.8 กรม
ศุลกากรสูงกว่าประมาณการร้อยละ 7.9 ขณะที่กรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 2.9 เนื่องจากการปรับ
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ (แนวหน้า, เดลินิวส์, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์และ ก.อุตสาหกรรมกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าร่วมกัน ปลัด ก.พาณิชย์ เปิด
เผยภายหลังการประชุมคณะทำงานร่วมกันระหว่าง ก.พาณิชย์ และก.อุตสาหกรรมว่า ได้มีการหารือกันเพื่อแลก
เปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน เนื่องจาก ก.พาณิชย์มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ขณะที่ ก.อุตสาหกรรมมี
ข้อมูลในด้านการผลิต ถ้าหากนำข้อมูลของทั้ง 2 กระทรวงมาใช้ผลักดันการกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าแต่ละ
ประเภทร่วมกันเชื่อว่าจะทำให้การส่งออกของไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ คือ มูลค่าประมาณ 2
แสน ล.ดอลลาร์ สรอ. (8 ล้านล้านบาท) ในปี 51 อย่างไรก็ตาม การส่งออกปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ
96,000-97,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เดลินิวส์)
4. บีโอไอกำหนดเป้าหมายการลงทุนในปี 48 ที่จำนวน 5 แสน ล.บาท ที่ปรึกษาด้านการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนปี 47 และแนวโน้ม
การลงทุนในปี 48 ว่า ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามา 1,146 โครงการ
คิดเป็นมูลค่า 507,000 ล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงาน 202,000 คน ซึ่งเป็นการลงทุนที่มากกว่าเป้าหมายเดิมที่
คาดว่าตลอดทั้งปี 47 จะมีมูลค่าการลงทุน 500,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าในปี 47 จะมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่
510,000 ล้านบาทแน่นอน ทั้งนี้ บีโอไอได้กำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนให้แก่สำนักงานตัวแทนต่างประเทศ
ภายใต้เป้าหมายการลงทุนในปี 48 จะอยู่ที่ 500,000 ล้านบาท โดยเน้น 3 กลุ่มประเทศ คือ เอเชีย ยุโรป
และ สรอ. ซึ่งจะใช้การชักจูงการลงทุนในเชิงลึกและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น
ยานยนต์ ไอที เกษตร สิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น (ไทยรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
5. สศช.จัดทำแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเสนอ นรม.ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ เลขาธิการคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับปลัด ก.เศรษฐกิจ
11 กระทรวง เพื่อจัดทำแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ (Economic Restructuring) ของไทยว่า ขณะนี้
สศช.ได้จัดทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเสร็จแล้ว เตรียมเสนอ นรม.พิจารณาในการประชุมเชิงปฏิบัติการในวัน
ที่ 17 ธ.ค.นี้ โดยแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจะมีระยะเวลาดำเนินการในช่วง 4 ปีข้างหน้า 5 ด้าน ประกอบ
ด้วย 1) ภาคอุตสาหกรรม 2) เกษตรกรรม 3) ภาคบริการ 4) ด้านสังคม และ 5) ด้านธรรมาภิบาล (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นสำหรับเดือน ธ.ค. 47
ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส รายงานจากโตเกียว เมื่อ 15 ธ.ค.47 ผลสำรวจความเห็นของธุรกิจ
จำนวน 10,227 แห่งในญี่ปุ่นโดย ธ.กลางญี่ปุ่นปรากฎว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการ
ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นลดลงโดยมาอยู่ที่ระดับ +22 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสหลังจากผลสำรวจครั้งก่อน
ในเดือน ก.ย.47 อยู่ระดับ +26 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 และต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่
ระดับ +23 โดยตัวเลขดัชนีดังกล่าวได้จากการนำจำนวนร้อยละของธุรกิจที่รายงานว่าภาวะทางธุรกิจเลวลงไปลบ
จากจำนวนร้อยละของธุรกิจที่รายงานว่าดีขึ้น ดังนั้นตัวเลขที่มากกว่าศูนย์จึงแสดงว่ามีจำนวนธุรกิจที่รู้สึกว่าภาวะทาง
ธุรกิจดีขึ้นมากกว่าที่รู้สึกว่าเลวลง และผลสำรวจคาดว่าความเชื่อมั่นของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่จะลดลง
อีกในไตรมาสแรกปีหน้ามาอยู่ที่ระดับ +15 โดยเป็นผลจากมาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนทำ
ให้ยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีนที่เคยเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 ในช่วงปีที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 10 ใน
ปัจจุบันและค่าเงินเยนที่สูงขึ้นโดยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่าน
มา ในขณะที่การบริโภคในประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัวพอที่จะชดเชยกับยอดส่งออกที่ลดลง อย่างไรก็ดีผลสำรวจคาดว่า
ธุรกิจรายใหญ่ซึ่งรวมทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตและที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิตจะลงทุนในช่วงเวลาจนถึงวันที่
31 มี.ค.48 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีบัญชีของธุรกิจในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 มากกว่าร้อยละ 6.1 จากผลสำรวจเมื่อ
เดือน ก.ย.47 โดยธุรกิจรายใหญ่ที่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเดียวไม่รวมที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิตมีแผนที่
จะลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 31 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.7 จากผลสำรวจเมื่อเดือน ก.ย.47
(รอยเตอร์)
2. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วง 11 เดือนของปี 47 ชะลอตัว รายงานจากปักกิ่งเมื่อ
วันที่ 15 ธ.ค 47 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วงเดือน
ม.ค. — พ.ย.47 ขยายตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 28.9 ชะลอตัวจากร้อยละ 29.5 และร้อยละ 29.9 ใน
ช่วง 10 เดือนและช่วง 9 เดือนของปีนี้ หลังจากที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 ได้ขยายตัวถึงร้อยละ 50 จาก
ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อและการจำกัดการลงทุนขนาดใหญ่อาทิในอุตสาหกรรม
เหล็กและอสังหาริมทรัพย์ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวซึ่งอาจจะลดความกดดันสำหรับทางการจีนในการเข้ม
งวดกับการให้สินเชื่อลง ทั้งนี้การจำกัดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนที่รวมทั้งการก่อสร้างและการสร้างถนนซึ่ง
เป็นนโยบายอันดับแรกที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่สมดุล นักเศรษฐศาสตร์จาก
China Securities ในปักกิ่งเห็นว่าการขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
และคาดว่าจะชะลอต่อไปอีกจนถึงปีหน้า แต่ยังคงเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพหลังจากที่การลงทุนลดลงอย่างมากในปีนี้
อนึ่งตัวเลขการลงทุนดังกล่าวครอบคลุมการลงทุนในเขตเมืองเท่านั้นแต่นักวิเคราะห์เห็นว่าสามารถแทนการลงทุน
รวมทั้งประเทศได้ อนึ่งทางการจีนได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ร้อยละ 7.0 จากเดิม
ร้อยละ 8.0 เนื่องจากความพยายามลดความร้อนแรงของการลงทุนดังกล่าว
3. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.47 คงที่ที่ร้อยละ 3.5 ไม่เปลี่ยนแปลงจาก 2
เดือนก่อน รายงานจากโซลเมื่อ 16 ธ.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า อัตราการว่างงาน(หลังปรับฤดู
กาล)ของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.47 คงที่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.ย.และ ต.ค.47 แต่
ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบปีคือร้อยละ 3.6 ในเดือน ก.ค.และ ส.ค.47 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 3.6 สำหรับจำนวนแรงงาน(หลังปรับฤดูกาล)ในเดือน พ.ย.47 เพิ่ม
ขึ้นเป็น 22.583 ล้านคนจาก 22.577 ล้านคนในเดือนก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าจำนวนสูงสุดในรอบปีคือ 22.702 ล้าน
คนในเดือน ก.พ.47 ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้และบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดการณ์ว่า ตลาดแรงงานของ
เกาหลีใต้จะไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 48 เนื่องจากภาคบริการไม่สามารถจ้างงานได้เพิ่ม
ขึ้นอันเป็นผลจากความต้องการภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว เห็นได้จากดัชนีชี้วัดการดำเนินธุรกิจของภาคบริการ
ในเดือน ต.ค.47 ที่ลดลงร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือน พ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ขยายตัวสุงสุดในรอบ 5
ปี รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 15 ธ.ค.47 สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียใน
เดือน พ.ย.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เทียบต่อปี เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่การขยายตัวร้อย
ละ 2.5 ในเดือน ธ.ค.42 แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3
หรือ 2.4 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย. มีสาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของราคาเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์และยาสูบ หลังจากที่รัฐบาลปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตสินค้า 2 รายการดังกล่าวในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ประกอบกับมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นเนื่องจากเดือน พ.ย.เป็นช่วงเทศกาลสำคัญของมาเลเซีย
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคในช่วง 11 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ย.47) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ธ.ค.47 15 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.528 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3357/39.6136 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.8000-1.90625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.18/ 19.35 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,200/8,300 8,150/8,250 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.5 35.36 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.59*/14.59 19.59*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 14 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--