แท็ก
เกษตรกร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--19 ก.ค.--บิสนิวส์
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
น้ำนมดิบ : เห็นควรมีการปรับราคารับซื้อน้ำนมดิบข้อเท็จจริง
สืบเนื่องจากปัญหาขาดสภาพคล่อง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2542 เป็นต้นมา ทำให้ อ.ส.ค. ไม่สามารถจะหาเงินมารับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร เพื่อนำมาแปรรูปในโรงงานของ อ.ส.ค.ได้ ซึ่งจำนวนน้ำนมดิบที่ อ.ส.ค. เคยรับซื้อประมาณวันละ 200 ตัน ในจำนวนนี้ประมาณ 27 ตัน อ.ส.ค. สามารถจำหน่ายต่อไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นได้ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 173 ตัน คณะรัฐมนตรีได้มีมติ อนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยืมเงินปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรใช้แก้ปัญหาในการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร และขอร้องให้สหกรณ์โคนมและบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ ที่ใช้นมผงขาดมันเนยเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตเปลี่ยนมาใช้น้ำนมดิบส่วนนี้แทน ในสัดส่วนที่แต่ละบริษัทสามารถรับได้ โดยกำหนดราคาจำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ 9 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการนำนมผงขาดมันเนยมาผลิตเป็นนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการผลิตของผู้ประกอบการที่ได้ให้ความร่วมมือในการรับซื้อน้ำนมดิบเพิ่ม
ปัญหา
แม้ว่ารัฐบาลจะได้แก้ปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบจำนวน 200 ตัน ดังกล่าวข้างต้นไปได้แล้ว แต่ปัญหายังมิได้หมดไป เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 บางบริษัทที่เคยรับซื้อน้ำนมดิบจาก อ.ส.ค.จะปิดกิจการ ส่งผลให้น้ำนมดิบที่เคยส่งให้แก่บริษัทดังกล่าวเหลือค้างอยู่ที่ อ.ส.ค. อีกประมาณวันละ 80 ตัน ซึ่งจำเป็นต้องเร่งหาทางระบายน้ำนมดิบส่วนนี้ให้ได้โดยเร็ว
อนึ่ง มาตรการในการจัดสรรน้ำนมดิบครั้งใหม่นี้ ไม่สามารถจะนำมาตรการเช่นเดียวกับครั้งแรกมาใช้ได้ เนื่องจากเงินยืมที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาครั้งก่อน เหลือไม่มากพอที่จะนำมาใช้ในครั้งนี้ได้ และไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขออนุมัติกู้ยืมเงินจากกองทุนฯ ได้อีก
การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ อ.ส.ค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่ยังพอมีความสามารถรับซื้อน้ำนมดิบได้อีก โดยกำหนดราคาจำหน่ายตามปกติ 12.50 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาที่ อ.ส.ค. ได้เคยกำหนดไว้ในกรณีที่ขอความร่วมมือจากบริษัทกิโลกรัมละ 9 บาทนั้น ทำให้ อ.ส.ค. ต้องรับภาระในการชำระคืนส่วนเกินนี้ ซึ่ง อ.ส.ค. ไม่สามารถจะแบกรับภาระต่อไปได้ เพราะขณะนี้ อ.ส.ค.กำลังประสบปัญหาการขาดทุนอย่างมาก ดังนั้นบริษัทต่าง ๆ จึงยังไม่ตอบตกลงที่จะรับซื้อน้ำนมดิบส่วนนี้ เพราะหากต้องรับซื้อในราคาปกติบริษัทต้องรับภาระด้านต้นทุนสูงขึ้น จึงขอเวลาในการพิจารณาก่อนข้อคิดเห็น
หากจะให้ปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบดังเช่นที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้วข้างต้นหมดสิ้นไป รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำให้บริษัทที่แปรรูปนมหันมาใช้น้ำนมดิบด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง ด้วยการปรับลดราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานลงให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากราคารับซื้อน้ำนมดิบที่ใช้อยู่ขณะนี้ (กิโลกรัมละ 12.50 บาท) สูงกว่าความเป็นจริง เพราะเป็นราคาที่กำหนดขึ้นในปี 2541 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และค่าเงินบาทในขณะนั้นอ่อนตัวมาก แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นแล้ว และสภาพเศรษฐกิจมีการปรับตัวได้ดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานที่ราคากิโลกรัมละ 12.50 บาท จึงนับว่าสูงกว่าสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ควรจะได้มีการปรับลดราคาลงให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งนอกจากจะทำให้บริษัทแปรรูปนมหันมาใช้น้ำนมดิบภายในประเทศมากขึ้นเพราะต้นทุนการผลิตลดลงแล้ว ยังอาจทำให้การนำเข้านมผงขาดมันเนยลดลงอีกด้วย หากการปรับลดราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานใกล้เคียงกับต้นทุนการนำนมผงขาดมันเนยมาผลิตเป็นนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้จะต้องปรับลดราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรลงตามความเป็นจริงด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
ไก่เนื้อ : การส่งออกเนื้อไก่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2542
ในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา (มค.-เมย. 2542) มีการส่งออกไก่สดแช่แข็งและผลิตภัณฑ์ปริมาณ 90,080 ตัน ในขณะที่เป้าหมายส่งออกตั้งไว้ 270,000 ตัน ซึ่งช่วงที่เหลือของปีจะต้องส่งออกอีก 179,920 ตัน จึงจะได้ตามเป้าหมายส่งออก การค้าในช่วงต้นปีค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากตลาดที่สำคัญ คือญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปยังมีสินค้าคงเหลืออยู่มาก ขณะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ไม่สามารถส่งไปขายรัสเซียได้ส่งน่องไก่มาตลาดญี่ปุ่นในราคาที่ถูกมาก คาดว่าการค้าในระยะครึ่งหลังของปีจะคึกคักมากขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะสั่งซื้อสินค้าเพื่อเก็บสต็อกไว้ใช้ในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงปลายปี แต่การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงมากขึ้น เพราะผู้นำเข้าต่างหันมาใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี เช่น Animal Welfare การห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเติบโตของสัตว์ การตัดต่อยีนในสารพันธุกรรมพืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงไก่ ซึ่งเนื้อไก่ที่นำไปขายในสหภาพยุโรป เริ่มมีการติดฉลากให้ผู้บริโภคทราบแล้ว และจากการตรวจพบสารพิษไดออกซินในเนื้อสัตว์ของเบลเยี่ยม ทำให้หลายประเทศระงับการนำเข้าเนื้อสัตว์จากเบลเยี่ยมและสหภาพยุโรป นับว่าเป็นโอกาสดีของไทยที่จะสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีถ้าหากว่าสามารถหาตลาดได้เพิ่มขึ้นผู้ผลิตของไทยก็ขยายการผลิตเพิ่มขึ้นได้
สำหรับราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว กล่าวคือราคาเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกกิโลกรัมละ 31.05 บาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันในปี 2541 ซึ่งราคากิโลกรัมละ 31.02 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 ส่วนราคาส่งออก เอฟ โอ บี ไก่สดแช่แข็ง เฉลี่ยตันละ 71,552 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันในปี 2541 ประมาณร้อยละ 12.79 เนื่องจากปัญหาการส่งออกที่ซบเซา การแข่งขันระหว่างประเทศคู่แข่งขันที่สำคัญทั้งสหรัฐอเมริกา จีนและบราซิล คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังราคาส่งออก เอฟ โอ บี จะโน้มสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 28 มิ.ย.- 4 ก.ค. 2542--
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
น้ำนมดิบ : เห็นควรมีการปรับราคารับซื้อน้ำนมดิบข้อเท็จจริง
สืบเนื่องจากปัญหาขาดสภาพคล่อง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2542 เป็นต้นมา ทำให้ อ.ส.ค. ไม่สามารถจะหาเงินมารับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร เพื่อนำมาแปรรูปในโรงงานของ อ.ส.ค.ได้ ซึ่งจำนวนน้ำนมดิบที่ อ.ส.ค. เคยรับซื้อประมาณวันละ 200 ตัน ในจำนวนนี้ประมาณ 27 ตัน อ.ส.ค. สามารถจำหน่ายต่อไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นได้ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 173 ตัน คณะรัฐมนตรีได้มีมติ อนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยืมเงินปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรใช้แก้ปัญหาในการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร และขอร้องให้สหกรณ์โคนมและบริษัทแปรรูปผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ ที่ใช้นมผงขาดมันเนยเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตเปลี่ยนมาใช้น้ำนมดิบส่วนนี้แทน ในสัดส่วนที่แต่ละบริษัทสามารถรับได้ โดยกำหนดราคาจำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ 9 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการนำนมผงขาดมันเนยมาผลิตเป็นนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการผลิตของผู้ประกอบการที่ได้ให้ความร่วมมือในการรับซื้อน้ำนมดิบเพิ่ม
ปัญหา
แม้ว่ารัฐบาลจะได้แก้ปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบจำนวน 200 ตัน ดังกล่าวข้างต้นไปได้แล้ว แต่ปัญหายังมิได้หมดไป เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 บางบริษัทที่เคยรับซื้อน้ำนมดิบจาก อ.ส.ค.จะปิดกิจการ ส่งผลให้น้ำนมดิบที่เคยส่งให้แก่บริษัทดังกล่าวเหลือค้างอยู่ที่ อ.ส.ค. อีกประมาณวันละ 80 ตัน ซึ่งจำเป็นต้องเร่งหาทางระบายน้ำนมดิบส่วนนี้ให้ได้โดยเร็ว
อนึ่ง มาตรการในการจัดสรรน้ำนมดิบครั้งใหม่นี้ ไม่สามารถจะนำมาตรการเช่นเดียวกับครั้งแรกมาใช้ได้ เนื่องจากเงินยืมที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาครั้งก่อน เหลือไม่มากพอที่จะนำมาใช้ในครั้งนี้ได้ และไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขออนุมัติกู้ยืมเงินจากกองทุนฯ ได้อีก
การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ อ.ส.ค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่ยังพอมีความสามารถรับซื้อน้ำนมดิบได้อีก โดยกำหนดราคาจำหน่ายตามปกติ 12.50 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาที่ อ.ส.ค. ได้เคยกำหนดไว้ในกรณีที่ขอความร่วมมือจากบริษัทกิโลกรัมละ 9 บาทนั้น ทำให้ อ.ส.ค. ต้องรับภาระในการชำระคืนส่วนเกินนี้ ซึ่ง อ.ส.ค. ไม่สามารถจะแบกรับภาระต่อไปได้ เพราะขณะนี้ อ.ส.ค.กำลังประสบปัญหาการขาดทุนอย่างมาก ดังนั้นบริษัทต่าง ๆ จึงยังไม่ตอบตกลงที่จะรับซื้อน้ำนมดิบส่วนนี้ เพราะหากต้องรับซื้อในราคาปกติบริษัทต้องรับภาระด้านต้นทุนสูงขึ้น จึงขอเวลาในการพิจารณาก่อนข้อคิดเห็น
หากจะให้ปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบดังเช่นที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้วข้างต้นหมดสิ้นไป รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำให้บริษัทที่แปรรูปนมหันมาใช้น้ำนมดิบด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง ด้วยการปรับลดราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานลงให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากราคารับซื้อน้ำนมดิบที่ใช้อยู่ขณะนี้ (กิโลกรัมละ 12.50 บาท) สูงกว่าความเป็นจริง เพราะเป็นราคาที่กำหนดขึ้นในปี 2541 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และค่าเงินบาทในขณะนั้นอ่อนตัวมาก แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นแล้ว และสภาพเศรษฐกิจมีการปรับตัวได้ดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานที่ราคากิโลกรัมละ 12.50 บาท จึงนับว่าสูงกว่าสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ควรจะได้มีการปรับลดราคาลงให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งนอกจากจะทำให้บริษัทแปรรูปนมหันมาใช้น้ำนมดิบภายในประเทศมากขึ้นเพราะต้นทุนการผลิตลดลงแล้ว ยังอาจทำให้การนำเข้านมผงขาดมันเนยลดลงอีกด้วย หากการปรับลดราคารับซื้อน้ำนมดิบหน้าโรงงานใกล้เคียงกับต้นทุนการนำนมผงขาดมันเนยมาผลิตเป็นนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้จะต้องปรับลดราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรลงตามความเป็นจริงด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
ไก่เนื้อ : การส่งออกเนื้อไก่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2542
ในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา (มค.-เมย. 2542) มีการส่งออกไก่สดแช่แข็งและผลิตภัณฑ์ปริมาณ 90,080 ตัน ในขณะที่เป้าหมายส่งออกตั้งไว้ 270,000 ตัน ซึ่งช่วงที่เหลือของปีจะต้องส่งออกอีก 179,920 ตัน จึงจะได้ตามเป้าหมายส่งออก การค้าในช่วงต้นปีค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากตลาดที่สำคัญ คือญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปยังมีสินค้าคงเหลืออยู่มาก ขณะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ไม่สามารถส่งไปขายรัสเซียได้ส่งน่องไก่มาตลาดญี่ปุ่นในราคาที่ถูกมาก คาดว่าการค้าในระยะครึ่งหลังของปีจะคึกคักมากขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะสั่งซื้อสินค้าเพื่อเก็บสต็อกไว้ใช้ในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงปลายปี แต่การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงมากขึ้น เพราะผู้นำเข้าต่างหันมาใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี เช่น Animal Welfare การห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเติบโตของสัตว์ การตัดต่อยีนในสารพันธุกรรมพืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงไก่ ซึ่งเนื้อไก่ที่นำไปขายในสหภาพยุโรป เริ่มมีการติดฉลากให้ผู้บริโภคทราบแล้ว และจากการตรวจพบสารพิษไดออกซินในเนื้อสัตว์ของเบลเยี่ยม ทำให้หลายประเทศระงับการนำเข้าเนื้อสัตว์จากเบลเยี่ยมและสหภาพยุโรป นับว่าเป็นโอกาสดีของไทยที่จะสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีถ้าหากว่าสามารถหาตลาดได้เพิ่มขึ้นผู้ผลิตของไทยก็ขยายการผลิตเพิ่มขึ้นได้
สำหรับราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว กล่าวคือราคาเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกกิโลกรัมละ 31.05 บาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันในปี 2541 ซึ่งราคากิโลกรัมละ 31.02 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 ส่วนราคาส่งออก เอฟ โอ บี ไก่สดแช่แข็ง เฉลี่ยตันละ 71,552 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันในปี 2541 ประมาณร้อยละ 12.79 เนื่องจากปัญหาการส่งออกที่ซบเซา การแข่งขันระหว่างประเทศคู่แข่งขันที่สำคัญทั้งสหรัฐอเมริกา จีนและบราซิล คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังราคาส่งออก เอฟ โอ บี จะโน้มสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 28 มิ.ย.- 4 ก.ค. 2542--