กรุงเทพ--8 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ด้วยกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก ว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจด้านการลงทุนหอการค้าไทย-สหรัฐ ณ นครนิวยอร์ก โดยการสนับสนุนของสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดสัมมนาเรื่อง "Thailand in the New Millennium" ที่โรงแรม Marriott Financial Center นครนิวยอร์กมีผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งประกอบด้วยนักธุรกิจ นักลงทุนและนักการธนาคารทั้งของสหรัฐฯ และไทยประมาณ 150 คน ในการสัมมนา นายนิตย์ พิบูลสงคราม เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้กล่าว ต้อนรับและเปิดการสัมมนา โดยกล่าวถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยรวมทั้งการแก้ไขปฏิรูประเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เป็นสากลและเป็นการส่งเสริมและคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุนต่างๆ ต่อจากนั้น นาย Michael M. Bloomberg ประธานบริหารบริษัท Bloomberg ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้านการให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯและของโลก ได้ร่วมกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการสัมมนา โดยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจตลอดจนความสำคัญของประเทศไทยที่จะเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญของโลก โดยทางบริษัท Bloomberg ได้เน้นโอกาสที่ดีของการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรที่มีระดับการศึกษาสูงอีกทั้งมีความสามารถและทักษะในการปรับตัวดีมากโดยเฉพาะในการแข่งขันซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจเสรี
หลังจากนั้น ได้มีการอภิปรายร่วมกันโดยผู้เข้าร่วมอภิปรายประกอบด้วย ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานหอการค้าไทย Dr. Karl Jackson ประธาน US-Thai Business Council นาย Carton Booth ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเชสแมนฮัตตัน นายวิทยา ไพรสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ (ด้านการลงทุน) ณ นครนิวยอร์ก นางเบญจวรรณ รัตนประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก โดยมี ดร.วัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการบริหารหอการค้าไทย เป็นผู้ดำเนินการอภิปรายเนื้อหาโดยรวมของการอภิปรายเน้นถึงศักยภาพและโอกาสที่ดีของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยโดยเป็นมุมมองจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งของไทยและสหรัฐฯ
ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน ฯพณฯ นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวสุนทรพจน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา โดย ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงโอกาสที่ดีของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย โดยมองถึงความพร้อมของไทยทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนความจริงใจและตั้งใจแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยและได้เน้นบทบาทและความสำคัญทางด้านส่งเสริมการศึกษาและฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบกิจการขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium Enterprise - SME) และได้เน้นประโยชน์ที่นักธุรกิจจากสหรัฐฯ
จะได้จากการมาทำธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย หลังจากนั้น ยังได้ตอบข้อซักถามผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยซึ่ง ฯพณฯ ได้ชี้แจงว่าประเทศไทยมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการซึ่งเป็นกลไกของรัฐ รวมทั้งกฏหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งมีมาตรการเรื่องการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐซึ่งต้องมีความโปร่งใส นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถตรวจสอบการดำเนินการคอรัปชั่นได้ เช่น การถ่ายภาพตำรวจจราจรขณะกำลังกระทำการคอรัปชั่นได้ ทั้งหลายนี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้เบาบางลงได้
การสัมมนาครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จและน่าจะมีประโยชน์ในการชี้ให้นักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯ ได้เห็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และการจากที่นาย Michael M. Bloomberg ซึ่งเป็นนักธุรกิจสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในการแนะนำนักลงทุนสหรัฐฯ ให้เห็นถึงประโยชน์จากการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยได้เข้ามาร่วมกล่าวอภิปรายในการสัมมนาโดยได้เน้นถึงศักยภาพที่ดีของประเทศไทยจะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯได้เป็นอย่างดี--จบ--
ด้วยกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก ว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจด้านการลงทุนหอการค้าไทย-สหรัฐ ณ นครนิวยอร์ก โดยการสนับสนุนของสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดสัมมนาเรื่อง "Thailand in the New Millennium" ที่โรงแรม Marriott Financial Center นครนิวยอร์กมีผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งประกอบด้วยนักธุรกิจ นักลงทุนและนักการธนาคารทั้งของสหรัฐฯ และไทยประมาณ 150 คน ในการสัมมนา นายนิตย์ พิบูลสงคราม เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้กล่าว ต้อนรับและเปิดการสัมมนา โดยกล่าวถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยรวมทั้งการแก้ไขปฏิรูประเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เป็นสากลและเป็นการส่งเสริมและคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุนต่างๆ ต่อจากนั้น นาย Michael M. Bloomberg ประธานบริหารบริษัท Bloomberg ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้านการให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯและของโลก ได้ร่วมกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการสัมมนา โดยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจตลอดจนความสำคัญของประเทศไทยที่จะเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญของโลก โดยทางบริษัท Bloomberg ได้เน้นโอกาสที่ดีของการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรที่มีระดับการศึกษาสูงอีกทั้งมีความสามารถและทักษะในการปรับตัวดีมากโดยเฉพาะในการแข่งขันซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจเสรี
หลังจากนั้น ได้มีการอภิปรายร่วมกันโดยผู้เข้าร่วมอภิปรายประกอบด้วย ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานหอการค้าไทย Dr. Karl Jackson ประธาน US-Thai Business Council นาย Carton Booth ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเชสแมนฮัตตัน นายวิทยา ไพรสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ (ด้านการลงทุน) ณ นครนิวยอร์ก นางเบญจวรรณ รัตนประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก โดยมี ดร.วัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการบริหารหอการค้าไทย เป็นผู้ดำเนินการอภิปรายเนื้อหาโดยรวมของการอภิปรายเน้นถึงศักยภาพและโอกาสที่ดีของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยโดยเป็นมุมมองจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งของไทยและสหรัฐฯ
ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน ฯพณฯ นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวสุนทรพจน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา โดย ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงโอกาสที่ดีของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย โดยมองถึงความพร้อมของไทยทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนความจริงใจและตั้งใจแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยและได้เน้นบทบาทและความสำคัญทางด้านส่งเสริมการศึกษาและฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบกิจการขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium Enterprise - SME) และได้เน้นประโยชน์ที่นักธุรกิจจากสหรัฐฯ
จะได้จากการมาทำธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย หลังจากนั้น ยังได้ตอบข้อซักถามผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยซึ่ง ฯพณฯ ได้ชี้แจงว่าประเทศไทยมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการซึ่งเป็นกลไกของรัฐ รวมทั้งกฏหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งมีมาตรการเรื่องการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐซึ่งต้องมีความโปร่งใส นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถตรวจสอบการดำเนินการคอรัปชั่นได้ เช่น การถ่ายภาพตำรวจจราจรขณะกำลังกระทำการคอรัปชั่นได้ ทั้งหลายนี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้เบาบางลงได้
การสัมมนาครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จและน่าจะมีประโยชน์ในการชี้ให้นักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯ ได้เห็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และการจากที่นาย Michael M. Bloomberg ซึ่งเป็นนักธุรกิจสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในการแนะนำนักลงทุนสหรัฐฯ ให้เห็นถึงประโยชน์จากการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยได้เข้ามาร่วมกล่าวอภิปรายในการสัมมนาโดยได้เน้นถึงศักยภาพที่ดีของประเทศไทยจะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจและนักลงทุนสหรัฐฯได้เป็นอย่างดี--จบ--