คำต่อคำ: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ปิดการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี พรรคประชาธิปัตย์
ก่อนอื่นผมต้องกราบขอบคุณทุกท่านสำหรับความไว้วางใจให้ผมทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค ร่วมกับกรรมการบริหารอีก 48 ท่าน ที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่พรรคตามวิถีทางประชาธิปไตยในวันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งถือว่าทุกท่านมีภาระหน้าที่ที่จะต้องดำเนินงาน ให้สมกับความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่ที่พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ มอบหมายให้ในวันนี้
พี่น้องที่เคารพครับ การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงตามวาระปกติ แต่ว่าเกิดขึ้นจากการที่พรรคของเราประสบความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องขอเรียนว่าท่านอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหารพรรค คณะกรรมการบริหารทั้งชุดเห็นว่า จะต้องร่วมกันแสดงความรับผิดชอบ จากการที่พรรคไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ ผมเรียนกับทุกท่านว่า การตัดสินใจของท่านอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหารพรรค คณะกรรมการบริหารชุดเก่า เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า คนของพรรคเรามีความพร้อมเสมอในการที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะแสดงจิตวิญญาณด้านประชาธิปไตยที่ดี ซึ่งนั่นหมายถึง การแสดงออกว่า เราเป็นแบบอย่างได้ ในการแข่งขัน ในการต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ผมขอให้ท่านทั้งหลาย ชื่นชมต่อท่านอดีตหัวหน้าพรรคที่ได้ตัดสินใจ (ปรบมือ) โดยต้องการให้พรรคของเราเดินไปข้างหน้า ได้อย่างต่อเนื่อง และผมขอถือโอกาสนี้ ที่จะให้กำลังใจบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรค เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ผมก็มีโอกาสได้พบปะกับบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก หลายคนตกใจกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา หลายคนมีความรู้สึกวิตก กังวล ต่ออนาคตของพรรค รวมทั้งอนาคตของชาติบ้านเมือง ที่ผมต้องให้กำลังใจ เพราะว่าผมต้องชื่นชมคนที่ได้แสดงจุดยืน และมีความมั่นคง แน่วแน่ ในอุดมการณ์ และผมทราบดีว่า บรรดาผู้สนับสนุนของพรรค และสมาชิกพรรคนั้น ต้องเผชิญกับอะไร ในช่วงของการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผมเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดในหลายพื้นที่ ต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ว่าสิ่งที่ยังคงเป็นกำลังใจให้พวกเราเสมอคือว่า ยังมีพี่น้องประชาชนกว่า 7 ล้านคนที่ได้ยืนยัน และยืนหยัด สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แม้ในยามที่เราต้องเผชิญกับความเสียเปรียบในทุกสิ่งทุกอย่าง ผมอยากให้พวกเราแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน (ปรบมือ)
ผมเรียนว่า ผมอยู่กรุงเทพฯมาก และผมก็ได้พบกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯเป็นจำนวนไม่น้อย ก็แสดงความหนักใจในผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเพื่อนสมาชิก ส.ส. ของเรา ที่เหลือจำนวนเพียง 90 กว่าท่าน แต่ว่าตัวเลขหนึ่งซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะไม่ได้รับรู้ และอยากถือโอกาสยืนยัน คือว่า คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเลือกตั้งในวันที่ 6 ก.พ. นั้น ใกล้เคียงมากกับคะแนนเสียงที่คุณอภิรักษ์ได้รับ และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. ผมย้ำว่าทุกคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีความหมายทั้งสิ้น และพรรคประชาธิปัตย์พูดมาโดยตลอดว่า เราพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ทำภารกิจที่ประชาชนมอบหมายให้ เมื่อวันนี้ประชาชนมอบหมายให้เราเป็นฝ่ายค้าน ผมยืนยันอีกครั้งว่า เราเป็นฝ่ายค้านด้วยความเต็มใจ และจะปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเข้มแข็งสมกับความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนที่ต้องการให้เราตรวจสอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ผมเรียนว่า ผมทบทวนสิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้กำลังใจ แต่อีกส่วนหนึ่งวันนี้ ผมก็ขอย้ำว่า ตัวเลขเหล่านี้ หรือข้อเท็จจริงเหล่านี้ เป็นข้อคิดสำหรับพรรคของเรา สำหรับการก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับท่านกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ต้องนำพาพรรคไปสู่อนาคต เราอาจจะมีความภูมิใจว่า เจ็ดล้านเสียงยืนอยู่ข้างเรา เราอาจจะยังมีความอุ่นใจว่า เก้าแสนเสียงในกรุงเทพฯก็ยังเป็นคะแนนที่มาก แต่เราต้องยอมรับว่า สำหรับการเมืองวันนี้ และวันข้างหน้า เก้าแสนเสียงในกรุงเทพฯ หรือเจ็ดล้านเสียงทั่วประเทศ ไม่เพียงพอ แล้วเราต้องยอมรับด้วยเช่นเดียวกันว่า ถ้าเราถามหัวใจ ถามตัวเองว่า แม้การเลือกตั้งที่ผ่านมาจะใสสะอาด สุจริต เที่ยงธรรม 100 % เราจะได้รับชัยชนะหรือไม่ เพราะถ้าเราพร้อมที่จะตั้งคำถามตรงนี้ เราจะมองเห็นว่า เราทำอะไรในวันนี้ และวันข้างหน้า ผมคิดว่าคำตอบในใจพวกเราทุกคน บอกเราได้ทันทีว่า อีกสี่ปีข้างหน้า เป็นสี่ปีที่พวกเราทุกคนต้องทำงานหนัก ไม่เพียงเฉพาะกรรมการบริหาร แต่ว่าทั้ง 49 คนนี้ ต้องแสวงความร่วมมือจากทุกท่านที่อยู่ในที่ประชุมนี้ จากผู้สนับสนุนพรรค จากสมาชิกพรรค เพื่อที่จะทำให้เราพลิกฟื้นสถานการณ์ของเรา กลับมาสู่ความเข้มแข็ง เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ในวันนี้ผมดีใจว่า ในสถานการณ์ที่ทุกคนรู้ว่าอนาคตข้างหน้ายังมีความท้าทายอย่างมาก เราและคนของเราก็พร้อมที่จะอาสาตัว เข้ามาทำหน้าที่บริหารพรรคจำนวนมาก บรรยากาศของการเลือกตั้งที่หลายคนอยากมีส่วนร่วมและแข่งขันกัน บนพื้นฐานของการเคารพในการตัดสินใจของที่ประชุมใหญ่ และผมมั่นใจว่าหลังจากการเลือกตั้งวันนี้แล้ว ท่านที่ได้รับความไว้วางใจ จะตระหนักและสำนึกในความยิ่งใหญ่ของภารกิจ และท่านที่ไม่ได้รับโอกาส ก็คงพร้อมที่จะร่วมกันกับพวกเรานำพาพรรคมาสู่ความเข้มแข็ง กลับไปอยู่ในใจพี่น้องประชาชนทุกคน (ปรบมือ)
ความหนักหน่วงของภารกิจในสถานการณ์ปัจจุบันที่เห็นชัด ผมอยากจะขอถือโอกาสนี้ ให้พวกเราได้คิดทิศทางของพรรค และจดหมายปลายทางของพรรคในการทำงาน ในอีกสี่ปีข้างหน้า ผมอยากจะเสนอว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำในสี่ปีข้างหน้า คงไม่ใช่แค่เพียงแค่การปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ แต่ว่าถ้าเราหวังที่จะกลับมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญในทางการเมือง เราต้องพร้อมที่จะเปิดใจกว้าง และต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ในเบื้องต้น ผมอยากเรียนกับทุกท่านว่า เราจำเป็นต้องก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งเรามีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราประสบความสำเร็จมายาวนานในระบบการเมืองที่เป็นระบบตัวแทน ผมยังพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า สำหรับการทำหน้าที่เป็น ส.ส. ในสภาฯ พรรคการเมืองที่จะมาเทียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ในเชิงคุณภาพ แต่วันนี้การเมืองไม่ได้อยู่แค่เพียงสภา เป็นการเมืองที่ต่อสู้แข่งขันผ่านสื่อมวลชน เป็นการเมืองที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของคนและสังคมทั่วไป ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และหากเราจำกัดบทบาทของตัวเองอยู่แต่การทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในสภา วันนี้มันไม่เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่ในสังคม แน่นอนที่สุด เพื่อยืนยันว่าการทำงานในสภาของเรายังเป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เราต้องทำอย่างเข้มแข็ง ยิ่ง ส.ส. ของเรามีน้อย นั่นหมายความว่า ส.ส. ทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น เราสามารถเป็นฝ่ายค้านที่ดี มีคุณภาพและที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณค่าของระบอบประชาธิปไตย คือ การมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และรัฐบาลที่ดีจะดีได้ ต้องพร้อมเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งทำงาน แต่เมื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมของเรา สี่ปีข้างหน้าเราจะคิดแต่เพียงว่า เราเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ เราต้องคิดว่าเราเป็นสถาบันการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง และเราต้องพิสูจน์ว่าสถาบันการเมือนี้ในอีกไม่เกิน สี่ปีข้างหน้าพร้อมที่จะกลับมารับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะฝ่ายบริหารของประเทศ (ปรบมือ) เราจะทำสิ่งนั้นได้ เราต้องมีความเชื่อมั่น เราจะต้องสร้างความเชื่อถือ ทั้งในเรื่องบุคคลกร ทั้งในเรื่องนโยบาย ทั้งในเรื่องของวิถีทางการทำงาน แต่ที่สำคัญที่สุด การที่เราจะพิสูจน์ว่าเราก้าวและพร้อมจะทำสิ่งนั้นได้ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยคำพูด เราต้องพิสูจน์ด้วยการทำงาน พิสูจน์ด้วยการกระทำ เราต้องเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ตั้งแต่วันนี้ แม้ไม่มีอำนาจรัฐ แม้ไม่มีงบประมาณ แต่เราในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมือง ต้องพร้อมที่จะพิสูจน์ว่า เราสามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้
กิจกรรมของเราจึงต้องมีความหลากหลายมากขึ้น เป็นกิจกรรมที่ดึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วน มีการพูดถึงการใช้อุปกรณ์ ซึ่งเราได้จัดไว้แล้วในข้อบังคับ คือ สมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ในการเป็นเวทีในการเป็นส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน แต่เราไม่จำกัดเฉพาะองค์กรใดองค์กรหนึ่ง กิจกรรมที่เราทำ เราทำได้หลายทาง ไม่ใช่ทำแค่ใสภาฯ เราสามารถให้ ส.ส. ของเราทำกิจกรรมต่างๆในพื้นที่ได้ ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นที่สามารถทำงานให้ประชาชนได้ และที่สำคัญพี่น้องที่มาจากสาขาพรรคของเราทั่วประเทศ ท่านต้องสามารถทำงาน พิสูจน์ให้เห็นว่าในพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด แม้ไม่มี ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สาขาของพรรคประชาธิปัตย์พึ่งได้ แก้ปัญหาของพี่น้องในพื้นที่ได้ สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่จะเป็นตัวที่ทำให้พี่น้องประชาชนได้มองเห็นทิศทางการทำงานของเราที่ชัดเจน และเราจะทำสิ่งนี้ เราไม่เพียงแต่จะต้องเปิดกว้างเท่านั้น แต่เราต้องเดินเข้าหาประชาชน แสวงหาแนวร่วมให้ใครมาอยู่กับเรา แต่เดินเข้าหาคนทุกคนในสังคมที่พร้อมจะทำงานเพื่อส่วนรวม บนพื้นฐานอุดมการณ์ ที่สอดคล้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมได้ประกาศเป็นเป้าหมายชัดเจนครับว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ วันนี้จะต้องเริ่มต้นจากตรงนี้ จากคนของเราที่เป็นส.ส. ที่เป็นผู้บริหารสาขา ที่เป็นสมาชิก แต่เราต้องกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคมากเพียงพอที่จะทำให้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1-2 ปี จะมีพี่น้องประชาชนคนไทยอีกจำนวนมากที่อยากจะเข้ามาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ และจะภูมิใจที่ได้สวมเสื้อประชาธิปัตย์ครับ (ปรบมือ)
ผมจึงสรุปว่าหัวใจของการทำงานวันนี้ คือประชาธิปัตย์ต้องเข้าถึงประชาชน ผมเรียนว่าในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคก่อนหน้านี้ ผมได้ริเริ่มแนวทางการทำงาน ที่พอจะเป็นภาพให้พี่น้องได้มองเห็นว่า ประชาธิปัตย์อยากจะทำงานอย่างไร หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้รับรองส.ส.ด้วยซ้ำ ผมเห็นผลการเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมเห็นชัดว่า พี่น้องประชาชนที่นั่น ได้แสดงออกถึงวิธีที่สันติผ่านกระบวนการประชาธิปไตย ส่งสัญญาณอย่างงดงามที่สุดว่า เขาต้องการความเปลี่ยนแปลง ในแนวทางการบริหารพื้นที่ที่นั่น เขามีความทุกข์ เขามีปัญหา ที่สำคัญก็คือว่า จาก 11 เขตเลือกตั้ง เขามอบความไว้วางใจให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ถึง 10 เขตเลือกตั้ง (ปรบมือ) ผมเชิญส.ส.ในพื้นที่ และส.ส.ที่สนใจในเรื่องนี้มาประชุมทันที เพื่อจะบอกว่าการแสดงออกเพื่อขอบคุณคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์นี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่จะไม่มีคำขอบคุณใดที่ดีไปกว่าการพิสูจน์ให้เห็นว่าเราจะทำทุกวิถีทางให้บรรลุเจตนารมย์ของเขา จากนั้นเราจึงเดินหน้า พบปะกับพี่น้องประชาชน ซึ่งได้ดำเนินไปแล้วที่ยะลา ที่ปัตตานี และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ก็คงจะเดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนที่นั่น ซึ่งความจริงเราได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการของร่างคำประกาศปัตตานี และเมื่อเราได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ผมก็ได้ประกาศชัดเจนเช่นเดียวกันว่า เราพร้อมที่จะเสนอแนะรัฐบาล ในรูปแบบในวิธีการใดก็ตาม ที่รัฐบาลสบายใจในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมคิดว่าใต้ภายในเดือนนี้ พวกเราในฐานะส.ส.จะมีโอกาสแสดงความคิดเห็น ในโอกาส สำคัญของสภาอีก 2 ครั้ง คือ การแถงนโยบาย และก่อนปิดประชุมรัฐสภาเป็นกรณีพิเศษในเรื่องนี้ ซึ่งเราก็เตรียมความพร้อมในการที่จะเสนอแนะรัฐบาล และวันนี้เมื่อรัฐบาลตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ และให้ท่านอดีตนายกฯอานันท์ เป็นประธาน
ผมก็ขอยืนยันบนเวทีนี้อีกครั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกรรมการชุดนั้นเต็มที่ ไม่มีข้อแม้ (ปรบมือ) ผมขอเชิญชวนท่านนายกฯด้วยว่าวันนี้เรามาพูดภาษาสมานฉันท์ เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการรับรู้ของพวกเราไม่ค่อยจะผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจากการไปในพื้นที่ ที่เราเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุด คือ คงวามแตกแยกทางความคิด และช่องว่างระหว่างคน ซึ่งนับวันกว้างขึ้น ดีที่สุดคือการทำให้ ทุกคนร่วมกันส่งเสริมการแก้ปัญหาบนความสมานฉันท์ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในการที่พลิกแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นเป็นเรื่องที่เราได้เดินหน้าทำไปแล้ว เรื่องที่สองที่ทำไปแล้วเช่นเดียวกันคือว่า กรณีของพี่น้องพื้นที่สึนามิที่ประสบภัยจากสึนามิ ผมได้ขอให้ท่านอดีตรัฐมนตรีพิเชษฐ และอดีตรัฐมนตรีจุรินทร์ ร่วมกับ ส.ส. และผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ ได้เตรียมการในการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปัญหาการช่วยเหลือที่ยังตกหล่น หรือยังมีปัญหาที่ท้าทายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือผู้ประกอบการ ไปจนถึงเรื่องของการช่วยทางความคิดว่าการฟื้นฟูต่อจากนี้ไป ต้องเป็นการฟื้นฟูที่เป็นระบบ คำว่าเป็นระบบนั้นคือ คำนึงถึงประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชุมชนดั้งเดิมที่นั่น และอุสาหกรรมการท่องเที่ยว หรือภาคธุรกิจพร้อมๆกันไป เราเริ่มมองเห็นว่ากระบวนการตรงนี้ ถ้าทำโดยขาดความระมัดระวัง ขาดการมีส่วนร่วมก็กำลังจะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ อย่างน้อยที่สุดก็คือการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในบริเวณนั้น นี่ก็เป็นงานสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราเร่งเดินหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคก็คงจะได้เดินทางไปที่ 6 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิเช่นเดียวกัน
พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่เคารพครับ แนวทางนี้เป็นแนวทางที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง และการทำงานแบบที่มีความหลากหลาย ต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น ต้องการการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ยึดถืออุดมการณ์มาโดยตลอด แต่หลายครั้งก็ประสบกับข้อจำกัดกับการบริหารจัดการ ท้ายที่สุดเราไม่สามารถพาบ้านเมืองและสังคมให้บรรลุอุดมการณ์ของเราได้ แต่การเมืองที่มีแต่การบริหาร แต่ปราศจากอุดมการณ์ก็เป็นการเมืองที่นำพาประเทศหลงทางไปสู่ความเสี่ยง และความเสื่อมได้ วันนี้ประชาธิปัตย์ จึงต้องแสดงให้เห็นว่า เราเข้าใจเงื่อนไขของความเปลี่ยนแปลงในโลก เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เรารู้จักและเข้าใจบทบาทของคนกลุ่มต่างๆในสังคม เพื่อยืนยันว่าอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย อุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจเสรี และเศรษฐกิจที่เป็นธรรมได้ ต้องผนวกกับการบริหารจัดการที่ดี มันจึงจะทำให้ การเมืองประเทศชาติ เศรษฐกิจ และสังคม เดินไปสู่ความก้าวหน้าได้ เราต้องให้ความมั่นใจกับทุกภาคส่วน ให้ความมั่นใจกับภาคธุรกิจว่า เราเข้าใจดีว่าผลประโยชน์ของเขากับผลประโยชน์ของชาติโดยปกติเป็นเรื่องที่สอดคล้องกัน เราต้องเข้าใจเช่นกันว่า ประชาชนจำนวนมากมีความต้องการที่หลากหลาย ไม่ได้เพียงแต่ต้องการที่จะมีรายได้สูงเท่านั้น แต่ต้องการชีวิต สังคม ที่ดี ที่สงบสุข และที่สำคัญคือ เป็นสังคมที่ยังยึดมั่นในเรื่องของความถูกต้องทางศีลธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ท้าทาย ท้าทายพวกเรา และพวกเราจะต้องไปอยู่ในแถวหน้า ในฐานะพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ชัดเจนว่า เมื่อเรามีการบริหารจัดการที่ดีแล้ว สิ่งที่เป็นผลประโยชน์ตกถึงมือพี่น้องประชาชนจะตามมา เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำที่เข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำที่เผด็จการ เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการบริหารเศรษฐกิจที่ดีสามารถทำได้ โดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และวันนี้เราจะทำสิ่งเหล่านี้ โดยการสร้างกระบวนการทางการเมืองยุคใหม่ วันนี้เราประกาศว่า เราจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะเร่งสร้างการเมืองยุคใหม่และเชิญชวนสมาชิกและประชาชนทุกคน เดินหน้าทำงานการเมืองโดยมีเป้าหมายที่จะเห็นสังคมไทยที่ปกติเข้มแข็ง และเป็นธรรม เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
ก่อนอื่นผมต้องกราบขอบคุณทุกท่านสำหรับความไว้วางใจให้ผมทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค ร่วมกับกรรมการบริหารอีก 48 ท่าน ที่ได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่พรรคตามวิถีทางประชาธิปไตยในวันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งถือว่าทุกท่านมีภาระหน้าที่ที่จะต้องดำเนินงาน ให้สมกับความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่ที่พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ มอบหมายให้ในวันนี้
พี่น้องที่เคารพครับ การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงตามวาระปกติ แต่ว่าเกิดขึ้นจากการที่พรรคของเราประสบความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องขอเรียนว่าท่านอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหารพรรค คณะกรรมการบริหารทั้งชุดเห็นว่า จะต้องร่วมกันแสดงความรับผิดชอบ จากการที่พรรคไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ ผมเรียนกับทุกท่านว่า การตัดสินใจของท่านอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหารพรรค คณะกรรมการบริหารชุดเก่า เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า คนของพรรคเรามีความพร้อมเสมอในการที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะแสดงจิตวิญญาณด้านประชาธิปไตยที่ดี ซึ่งนั่นหมายถึง การแสดงออกว่า เราเป็นแบบอย่างได้ ในการแข่งขัน ในการต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ผมขอให้ท่านทั้งหลาย ชื่นชมต่อท่านอดีตหัวหน้าพรรคที่ได้ตัดสินใจ (ปรบมือ) โดยต้องการให้พรรคของเราเดินไปข้างหน้า ได้อย่างต่อเนื่อง และผมขอถือโอกาสนี้ ที่จะให้กำลังใจบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรค เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ผมก็มีโอกาสได้พบปะกับบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก หลายคนตกใจกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา หลายคนมีความรู้สึกวิตก กังวล ต่ออนาคตของพรรค รวมทั้งอนาคตของชาติบ้านเมือง ที่ผมต้องให้กำลังใจ เพราะว่าผมต้องชื่นชมคนที่ได้แสดงจุดยืน และมีความมั่นคง แน่วแน่ ในอุดมการณ์ และผมทราบดีว่า บรรดาผู้สนับสนุนของพรรค และสมาชิกพรรคนั้น ต้องเผชิญกับอะไร ในช่วงของการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผมเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดในหลายพื้นที่ ต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ว่าสิ่งที่ยังคงเป็นกำลังใจให้พวกเราเสมอคือว่า ยังมีพี่น้องประชาชนกว่า 7 ล้านคนที่ได้ยืนยัน และยืนหยัด สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แม้ในยามที่เราต้องเผชิญกับความเสียเปรียบในทุกสิ่งทุกอย่าง ผมอยากให้พวกเราแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน (ปรบมือ)
ผมเรียนว่า ผมอยู่กรุงเทพฯมาก และผมก็ได้พบกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯเป็นจำนวนไม่น้อย ก็แสดงความหนักใจในผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเพื่อนสมาชิก ส.ส. ของเรา ที่เหลือจำนวนเพียง 90 กว่าท่าน แต่ว่าตัวเลขหนึ่งซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะไม่ได้รับรู้ และอยากถือโอกาสยืนยัน คือว่า คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเลือกตั้งในวันที่ 6 ก.พ. นั้น ใกล้เคียงมากกับคะแนนเสียงที่คุณอภิรักษ์ได้รับ และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. ผมย้ำว่าทุกคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีความหมายทั้งสิ้น และพรรคประชาธิปัตย์พูดมาโดยตลอดว่า เราพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ทำภารกิจที่ประชาชนมอบหมายให้ เมื่อวันนี้ประชาชนมอบหมายให้เราเป็นฝ่ายค้าน ผมยืนยันอีกครั้งว่า เราเป็นฝ่ายค้านด้วยความเต็มใจ และจะปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเข้มแข็งสมกับความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนที่ต้องการให้เราตรวจสอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ผมเรียนว่า ผมทบทวนสิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้กำลังใจ แต่อีกส่วนหนึ่งวันนี้ ผมก็ขอย้ำว่า ตัวเลขเหล่านี้ หรือข้อเท็จจริงเหล่านี้ เป็นข้อคิดสำหรับพรรคของเรา สำหรับการก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับท่านกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ต้องนำพาพรรคไปสู่อนาคต เราอาจจะมีความภูมิใจว่า เจ็ดล้านเสียงยืนอยู่ข้างเรา เราอาจจะยังมีความอุ่นใจว่า เก้าแสนเสียงในกรุงเทพฯก็ยังเป็นคะแนนที่มาก แต่เราต้องยอมรับว่า สำหรับการเมืองวันนี้ และวันข้างหน้า เก้าแสนเสียงในกรุงเทพฯ หรือเจ็ดล้านเสียงทั่วประเทศ ไม่เพียงพอ แล้วเราต้องยอมรับด้วยเช่นเดียวกันว่า ถ้าเราถามหัวใจ ถามตัวเองว่า แม้การเลือกตั้งที่ผ่านมาจะใสสะอาด สุจริต เที่ยงธรรม 100 % เราจะได้รับชัยชนะหรือไม่ เพราะถ้าเราพร้อมที่จะตั้งคำถามตรงนี้ เราจะมองเห็นว่า เราทำอะไรในวันนี้ และวันข้างหน้า ผมคิดว่าคำตอบในใจพวกเราทุกคน บอกเราได้ทันทีว่า อีกสี่ปีข้างหน้า เป็นสี่ปีที่พวกเราทุกคนต้องทำงานหนัก ไม่เพียงเฉพาะกรรมการบริหาร แต่ว่าทั้ง 49 คนนี้ ต้องแสวงความร่วมมือจากทุกท่านที่อยู่ในที่ประชุมนี้ จากผู้สนับสนุนพรรค จากสมาชิกพรรค เพื่อที่จะทำให้เราพลิกฟื้นสถานการณ์ของเรา กลับมาสู่ความเข้มแข็ง เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ในวันนี้ผมดีใจว่า ในสถานการณ์ที่ทุกคนรู้ว่าอนาคตข้างหน้ายังมีความท้าทายอย่างมาก เราและคนของเราก็พร้อมที่จะอาสาตัว เข้ามาทำหน้าที่บริหารพรรคจำนวนมาก บรรยากาศของการเลือกตั้งที่หลายคนอยากมีส่วนร่วมและแข่งขันกัน บนพื้นฐานของการเคารพในการตัดสินใจของที่ประชุมใหญ่ และผมมั่นใจว่าหลังจากการเลือกตั้งวันนี้แล้ว ท่านที่ได้รับความไว้วางใจ จะตระหนักและสำนึกในความยิ่งใหญ่ของภารกิจ และท่านที่ไม่ได้รับโอกาส ก็คงพร้อมที่จะร่วมกันกับพวกเรานำพาพรรคมาสู่ความเข้มแข็ง กลับไปอยู่ในใจพี่น้องประชาชนทุกคน (ปรบมือ)
ความหนักหน่วงของภารกิจในสถานการณ์ปัจจุบันที่เห็นชัด ผมอยากจะขอถือโอกาสนี้ ให้พวกเราได้คิดทิศทางของพรรค และจดหมายปลายทางของพรรคในการทำงาน ในอีกสี่ปีข้างหน้า ผมอยากจะเสนอว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำในสี่ปีข้างหน้า คงไม่ใช่แค่เพียงแค่การปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ แต่ว่าถ้าเราหวังที่จะกลับมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญในทางการเมือง เราต้องพร้อมที่จะเปิดใจกว้าง และต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ในเบื้องต้น ผมอยากเรียนกับทุกท่านว่า เราจำเป็นต้องก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งเรามีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราประสบความสำเร็จมายาวนานในระบบการเมืองที่เป็นระบบตัวแทน ผมยังพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า สำหรับการทำหน้าที่เป็น ส.ส. ในสภาฯ พรรคการเมืองที่จะมาเทียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ในเชิงคุณภาพ แต่วันนี้การเมืองไม่ได้อยู่แค่เพียงสภา เป็นการเมืองที่ต่อสู้แข่งขันผ่านสื่อมวลชน เป็นการเมืองที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของคนและสังคมทั่วไป ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และหากเราจำกัดบทบาทของตัวเองอยู่แต่การทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในสภา วันนี้มันไม่เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่ในสังคม แน่นอนที่สุด เพื่อยืนยันว่าการทำงานในสภาของเรายังเป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เราต้องทำอย่างเข้มแข็ง ยิ่ง ส.ส. ของเรามีน้อย นั่นหมายความว่า ส.ส. ทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น เราสามารถเป็นฝ่ายค้านที่ดี มีคุณภาพและที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณค่าของระบอบประชาธิปไตย คือ การมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และรัฐบาลที่ดีจะดีได้ ต้องพร้อมเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งทำงาน แต่เมื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมของเรา สี่ปีข้างหน้าเราจะคิดแต่เพียงว่า เราเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ เราต้องคิดว่าเราเป็นสถาบันการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง และเราต้องพิสูจน์ว่าสถาบันการเมือนี้ในอีกไม่เกิน สี่ปีข้างหน้าพร้อมที่จะกลับมารับใช้พี่น้องประชาชนในฐานะฝ่ายบริหารของประเทศ (ปรบมือ) เราจะทำสิ่งนั้นได้ เราต้องมีความเชื่อมั่น เราจะต้องสร้างความเชื่อถือ ทั้งในเรื่องบุคคลกร ทั้งในเรื่องนโยบาย ทั้งในเรื่องของวิถีทางการทำงาน แต่ที่สำคัญที่สุด การที่เราจะพิสูจน์ว่าเราก้าวและพร้อมจะทำสิ่งนั้นได้ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยคำพูด เราต้องพิสูจน์ด้วยการทำงาน พิสูจน์ด้วยการกระทำ เราต้องเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ตั้งแต่วันนี้ แม้ไม่มีอำนาจรัฐ แม้ไม่มีงบประมาณ แต่เราในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมือง ต้องพร้อมที่จะพิสูจน์ว่า เราสามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้
กิจกรรมของเราจึงต้องมีความหลากหลายมากขึ้น เป็นกิจกรรมที่ดึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วน มีการพูดถึงการใช้อุปกรณ์ ซึ่งเราได้จัดไว้แล้วในข้อบังคับ คือ สมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ในการเป็นเวทีในการเป็นส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน แต่เราไม่จำกัดเฉพาะองค์กรใดองค์กรหนึ่ง กิจกรรมที่เราทำ เราทำได้หลายทาง ไม่ใช่ทำแค่ใสภาฯ เราสามารถให้ ส.ส. ของเราทำกิจกรรมต่างๆในพื้นที่ได้ ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นที่สามารถทำงานให้ประชาชนได้ และที่สำคัญพี่น้องที่มาจากสาขาพรรคของเราทั่วประเทศ ท่านต้องสามารถทำงาน พิสูจน์ให้เห็นว่าในพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด แม้ไม่มี ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สาขาของพรรคประชาธิปัตย์พึ่งได้ แก้ปัญหาของพี่น้องในพื้นที่ได้ สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่จะเป็นตัวที่ทำให้พี่น้องประชาชนได้มองเห็นทิศทางการทำงานของเราที่ชัดเจน และเราจะทำสิ่งนี้ เราไม่เพียงแต่จะต้องเปิดกว้างเท่านั้น แต่เราต้องเดินเข้าหาประชาชน แสวงหาแนวร่วมให้ใครมาอยู่กับเรา แต่เดินเข้าหาคนทุกคนในสังคมที่พร้อมจะทำงานเพื่อส่วนรวม บนพื้นฐานอุดมการณ์ ที่สอดคล้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมได้ประกาศเป็นเป้าหมายชัดเจนครับว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ วันนี้จะต้องเริ่มต้นจากตรงนี้ จากคนของเราที่เป็นส.ส. ที่เป็นผู้บริหารสาขา ที่เป็นสมาชิก แต่เราต้องกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคมากเพียงพอที่จะทำให้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1-2 ปี จะมีพี่น้องประชาชนคนไทยอีกจำนวนมากที่อยากจะเข้ามาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ และจะภูมิใจที่ได้สวมเสื้อประชาธิปัตย์ครับ (ปรบมือ)
ผมจึงสรุปว่าหัวใจของการทำงานวันนี้ คือประชาธิปัตย์ต้องเข้าถึงประชาชน ผมเรียนว่าในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคก่อนหน้านี้ ผมได้ริเริ่มแนวทางการทำงาน ที่พอจะเป็นภาพให้พี่น้องได้มองเห็นว่า ประชาธิปัตย์อยากจะทำงานอย่างไร หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้รับรองส.ส.ด้วยซ้ำ ผมเห็นผลการเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมเห็นชัดว่า พี่น้องประชาชนที่นั่น ได้แสดงออกถึงวิธีที่สันติผ่านกระบวนการประชาธิปไตย ส่งสัญญาณอย่างงดงามที่สุดว่า เขาต้องการความเปลี่ยนแปลง ในแนวทางการบริหารพื้นที่ที่นั่น เขามีความทุกข์ เขามีปัญหา ที่สำคัญก็คือว่า จาก 11 เขตเลือกตั้ง เขามอบความไว้วางใจให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ถึง 10 เขตเลือกตั้ง (ปรบมือ) ผมเชิญส.ส.ในพื้นที่ และส.ส.ที่สนใจในเรื่องนี้มาประชุมทันที เพื่อจะบอกว่าการแสดงออกเพื่อขอบคุณคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์นี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่จะไม่มีคำขอบคุณใดที่ดีไปกว่าการพิสูจน์ให้เห็นว่าเราจะทำทุกวิถีทางให้บรรลุเจตนารมย์ของเขา จากนั้นเราจึงเดินหน้า พบปะกับพี่น้องประชาชน ซึ่งได้ดำเนินไปแล้วที่ยะลา ที่ปัตตานี และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ก็คงจะเดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนที่นั่น ซึ่งความจริงเราได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระบวนการของร่างคำประกาศปัตตานี และเมื่อเราได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ผมก็ได้ประกาศชัดเจนเช่นเดียวกันว่า เราพร้อมที่จะเสนอแนะรัฐบาล ในรูปแบบในวิธีการใดก็ตาม ที่รัฐบาลสบายใจในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมคิดว่าใต้ภายในเดือนนี้ พวกเราในฐานะส.ส.จะมีโอกาสแสดงความคิดเห็น ในโอกาส สำคัญของสภาอีก 2 ครั้ง คือ การแถงนโยบาย และก่อนปิดประชุมรัฐสภาเป็นกรณีพิเศษในเรื่องนี้ ซึ่งเราก็เตรียมความพร้อมในการที่จะเสนอแนะรัฐบาล และวันนี้เมื่อรัฐบาลตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ และให้ท่านอดีตนายกฯอานันท์ เป็นประธาน
ผมก็ขอยืนยันบนเวทีนี้อีกครั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกรรมการชุดนั้นเต็มที่ ไม่มีข้อแม้ (ปรบมือ) ผมขอเชิญชวนท่านนายกฯด้วยว่าวันนี้เรามาพูดภาษาสมานฉันท์ เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการรับรู้ของพวกเราไม่ค่อยจะผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจากการไปในพื้นที่ ที่เราเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุด คือ คงวามแตกแยกทางความคิด และช่องว่างระหว่างคน ซึ่งนับวันกว้างขึ้น ดีที่สุดคือการทำให้ ทุกคนร่วมกันส่งเสริมการแก้ปัญหาบนความสมานฉันท์ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในการที่พลิกแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นเป็นเรื่องที่เราได้เดินหน้าทำไปแล้ว เรื่องที่สองที่ทำไปแล้วเช่นเดียวกันคือว่า กรณีของพี่น้องพื้นที่สึนามิที่ประสบภัยจากสึนามิ ผมได้ขอให้ท่านอดีตรัฐมนตรีพิเชษฐ และอดีตรัฐมนตรีจุรินทร์ ร่วมกับ ส.ส. และผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ ได้เตรียมการในการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปัญหาการช่วยเหลือที่ยังตกหล่น หรือยังมีปัญหาที่ท้าทายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือผู้ประกอบการ ไปจนถึงเรื่องของการช่วยทางความคิดว่าการฟื้นฟูต่อจากนี้ไป ต้องเป็นการฟื้นฟูที่เป็นระบบ คำว่าเป็นระบบนั้นคือ คำนึงถึงประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชุมชนดั้งเดิมที่นั่น และอุสาหกรรมการท่องเที่ยว หรือภาคธุรกิจพร้อมๆกันไป เราเริ่มมองเห็นว่ากระบวนการตรงนี้ ถ้าทำโดยขาดความระมัดระวัง ขาดการมีส่วนร่วมก็กำลังจะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ อย่างน้อยที่สุดก็คือการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในบริเวณนั้น นี่ก็เป็นงานสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราเร่งเดินหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคก็คงจะได้เดินทางไปที่ 6 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิเช่นเดียวกัน
พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่เคารพครับ แนวทางนี้เป็นแนวทางที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง และการทำงานแบบที่มีความหลากหลาย ต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น ต้องการการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ยึดถืออุดมการณ์มาโดยตลอด แต่หลายครั้งก็ประสบกับข้อจำกัดกับการบริหารจัดการ ท้ายที่สุดเราไม่สามารถพาบ้านเมืองและสังคมให้บรรลุอุดมการณ์ของเราได้ แต่การเมืองที่มีแต่การบริหาร แต่ปราศจากอุดมการณ์ก็เป็นการเมืองที่นำพาประเทศหลงทางไปสู่ความเสี่ยง และความเสื่อมได้ วันนี้ประชาธิปัตย์ จึงต้องแสดงให้เห็นว่า เราเข้าใจเงื่อนไขของความเปลี่ยนแปลงในโลก เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เรารู้จักและเข้าใจบทบาทของคนกลุ่มต่างๆในสังคม เพื่อยืนยันว่าอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตย อุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจเสรี และเศรษฐกิจที่เป็นธรรมได้ ต้องผนวกกับการบริหารจัดการที่ดี มันจึงจะทำให้ การเมืองประเทศชาติ เศรษฐกิจ และสังคม เดินไปสู่ความก้าวหน้าได้ เราต้องให้ความมั่นใจกับทุกภาคส่วน ให้ความมั่นใจกับภาคธุรกิจว่า เราเข้าใจดีว่าผลประโยชน์ของเขากับผลประโยชน์ของชาติโดยปกติเป็นเรื่องที่สอดคล้องกัน เราต้องเข้าใจเช่นกันว่า ประชาชนจำนวนมากมีความต้องการที่หลากหลาย ไม่ได้เพียงแต่ต้องการที่จะมีรายได้สูงเท่านั้น แต่ต้องการชีวิต สังคม ที่ดี ที่สงบสุข และที่สำคัญคือ เป็นสังคมที่ยังยึดมั่นในเรื่องของความถูกต้องทางศีลธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ท้าทาย ท้าทายพวกเรา และพวกเราจะต้องไปอยู่ในแถวหน้า ในฐานะพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ชัดเจนว่า เมื่อเรามีการบริหารจัดการที่ดีแล้ว สิ่งที่เป็นผลประโยชน์ตกถึงมือพี่น้องประชาชนจะตามมา เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำที่เข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำที่เผด็จการ เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการบริหารเศรษฐกิจที่ดีสามารถทำได้ โดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และวันนี้เราจะทำสิ่งเหล่านี้ โดยการสร้างกระบวนการทางการเมืองยุคใหม่ วันนี้เราประกาศว่า เราจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะเร่งสร้างการเมืองยุคใหม่และเชิญชวนสมาชิกและประชาชนทุกคน เดินหน้าทำงานการเมืองโดยมีเป้าหมายที่จะเห็นสังคมไทยที่ปกติเข้มแข็ง และเป็นธรรม เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-