นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกรณีที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีมติว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำความผิดต่อหน้าที่กรณีออกระเบียบขึ้นเงินเดือนตัวเองว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมาย เมื่อศาลรับไว้ก็ต้องไปต่อสู้ทางคดีกัน แต่ป.ป.ช.ยังทำงานไม่ได้ ส่วนป.ป.ช.จะตัดสินใจดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ ถือเป็นสิทธิของป.ป.ช. อย่างไรก็ตามกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ายังมีกลไกของรัฐธรรมนูญอีกหลายส่วนที่จะตรวจสอบถ่วงดุลอยู่ได้บ้าง เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าทุกคนหวั่นไหวกับปัญหาขององค์กรอิสระว่า ยังสามารถเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลได้มากน้อยแค่ไหน และการที่ศาลรับเรื่องนี้ไป ก็เป็นการเตือนองค์กรอิสระว่าองค์กรอิสระก็ถูกตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งเช่นเดียวกัน
สำหรับกรณีของป.ป.ช.จะมีผลต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ปฏิบัติในทำนองเดียวกันหรือไม่นั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องว่ากันไปเป็นคดี ๆ โดยเบื้องต้นคงจะต้องดูว่าคดีนี้ศาลจะพิพากษาอย่างไร ซึ่งตนเข้าใจว่าในแต่ละองค์กรอาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับระเบียบที่ไปออกค่าตอบแทนด้วยว่าเป็นลักษณะที่เป็นเงินเดือนหรือไม่ ดังนั้นคงต้องรอดูคดีของป.ป.ช.ว่ามีบรรทัดฐานของการวินิจฉัยว่าอย่างไรก่อน หากคำพิพากษาออกมาและพอจะเป็นแนวได้ ก็คงจะดูออกว่ากรณีอื่น ๆ จะต้องดำเนินการอย่างไรหรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
สำหรับกรณีของป.ป.ช.จะมีผลต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ปฏิบัติในทำนองเดียวกันหรือไม่นั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องว่ากันไปเป็นคดี ๆ โดยเบื้องต้นคงจะต้องดูว่าคดีนี้ศาลจะพิพากษาอย่างไร ซึ่งตนเข้าใจว่าในแต่ละองค์กรอาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับระเบียบที่ไปออกค่าตอบแทนด้วยว่าเป็นลักษณะที่เป็นเงินเดือนหรือไม่ ดังนั้นคงต้องรอดูคดีของป.ป.ช.ว่ามีบรรทัดฐานของการวินิจฉัยว่าอย่างไรก่อน หากคำพิพากษาออกมาและพอจะเป็นแนวได้ ก็คงจะดูออกว่ากรณีอื่น ๆ จะต้องดำเนินการอย่างไรหรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-