สรุปสถานการณ์ :
ปัญหาสิ่งทอระหว่าง จีน อียู และสหรัฐอเมริกา กำลังจะกลายเป็นสงครามการค้าข้ามภูมิภาคเมื่ออียูได้ตัดสินใจจะนำประเด็นข้อขัดแย้งให้ WTO เป็นผู้ตัดสินโดยจะให้เวลาจีนเตรียมตัว 15 วันหลังจากนั้นอียูก็จะจำกัดโควตาการนำเข้าสิ่งทอจีน 2 ชนิด ได้แก่ เสื้อยืด และด้ายป่าน ไม่เกิน 7.5% การยื่นเรื่องต่อ WTO ของอียูเป็นเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งจีนเป็นสมาชิกของ WTO โดยที่ประเทศคู่ค้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งทอของจีนได้สร้างความเสียหายให้กับตลาดในประเทศได้ก็สามารถร้องขอให้มีการประชุมหารือทวิภาคี ทั้งนี้ อียูอ้างตัวเลขความเสียหายว่าการนำเข้าสินค้าประเภทเสื้อยืดได้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาได้นำระบบโควตากลับมาใช้กับสินค้าสิ่งทอของจีนหลายรายการ ซึ่งรวมถึงกางเกงผ้าฝ้าย ชุดชั้นใน และเสื้อเชิ้ตใยสังเคราะห์โดยจะมีผลจำกัดสินค้าส่งออกเหล่านี้ไม่ให้เกิน 7.5% ต่อปีซึ่งต่ำกว่าการขยายตัว 45% ของสินค้านี้ในช่วงที่ผ่านมา
จีนโดยเฉพาะรัฐมนตรีการค้า(นายโป ซี ไหล) ได้กล่าวว่าทั้งสหรัฐอเมริกาและอียูยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาดดังกล่าวเกิดจากตลาดการส่งออกของจีนหรือไม่ การที่อียูและสหรัฐฯ ได้นำระบบโควตามาใช้โดยอิงกับข้อมูลเบื้องต้นที่รวบรวมได้ในระยะเวลาอันสั้นแล้วสรุป ถือว่าเป็นการตัดสินที่ไร้ข้อมูลและตัวเลขมารองรับ
ประเด็นวิเคราะห์ :
ผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐและอียู ซึ่งจีนได้ประเมินตัวเลขความเสียหายเบื้องต้นระบุว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอของจีนมีมูลค่าเสียหายถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ และมีคนงานตกงานประมาณ 160,000 คน สำหรับมาตรการจำกัดการนำเข้าของอียู หากนำมาใช้จะกระทบต่อการส่งออกสิ่งทอจีนมีมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ แต่ก็จะยังมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่อาจจะได้รับผลกระทบตามมาอีก 100 รายในขณะที่สหรัฐฯและอียู ได้อ้างถึงผลกระทบที่สิ่งทอจีนเข้าสู่ประเทศว่าจะมีผลต่ออนาคตแรงงานในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เฉพาะในสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้มีแรงงาน 2.5 ล้านคนแต่ปัจจุบันเหลือ 5 แสนคน และโรงงานได้ปิดตัวลง 14 แห่ง
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-