การค้าไทยกับสหภาพยุโรปในปี 2539 ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรป มีมูลค่า 225,980 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2538 ร้อยละ 6 ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าปี 2538 เนื่องจากเศรษฐกิจของหลายประเทศในสหภาพยุโรปอยู่ในภาวะซบเซา
ปัญหาและอุปสรรคของการส่งออกไปสหภาพยุโรปที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าไทยหลายชนิด เช่น อาหารทะเลกระป๋อง ข้อต่อท่อเหล็ก ไฟแช็ค และปัญหาศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าของไทยบางรายการลดลง เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ผ้าผืน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ทางสหภาพยุโรปได้ประกาศใช้ระบบ GSP ใหม่ ซึ่งไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษ GSP ร้อยละ 50 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็นต้นไป และจะมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประมง กลุ่มสินค้าพืชผักและผลไม้ กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่ม ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้าสูงขึ้น อาจทำให้สินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าภายในกลุ่มสหภาพยุโรปได้
ด้านการนำเข้า ไทยนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปมีมูลค่า 276,140 ล้านบาท ในปี 2539 ลดลงจากปี 2538 ร้อยละ 2 เนื่องจากการนำเข้าเครื่องบิน เรือ และ อุปกรณ์มีมูลค่าลดลงค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามไทยยังคงเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรปเป็นมูลค่า 50,160 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 28
สหภาพยุโรป เคยเป็นตลาดส่งออกที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันได้กลายเป็นตลาดส่งออกที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 4 รองจากอาเซียน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น นับจากปี 2537 เป็นต้นมา จากการที่อุปสรรคทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ส่งออกไทยจึงต้องเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และหาลู่ทางการเจาะตลาดสินค้าขึ้นใหม่ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและขยายตลาดในสหภาพยุโรปให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
--ข่าวเศรษฐกิจการพาณิชย์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ / 31 มีนาคม 2540--
ปัญหาและอุปสรรคของการส่งออกไปสหภาพยุโรปที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าไทยหลายชนิด เช่น อาหารทะเลกระป๋อง ข้อต่อท่อเหล็ก ไฟแช็ค และปัญหาศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าของไทยบางรายการลดลง เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ผ้าผืน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ทางสหภาพยุโรปได้ประกาศใช้ระบบ GSP ใหม่ ซึ่งไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษ GSP ร้อยละ 50 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2540 เป็นต้นไป และจะมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประมง กลุ่มสินค้าพืชผักและผลไม้ กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่ม ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้าสูงขึ้น อาจทำให้สินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าภายในกลุ่มสหภาพยุโรปได้
ด้านการนำเข้า ไทยนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปมีมูลค่า 276,140 ล้านบาท ในปี 2539 ลดลงจากปี 2538 ร้อยละ 2 เนื่องจากการนำเข้าเครื่องบิน เรือ และ อุปกรณ์มีมูลค่าลดลงค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามไทยยังคงเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรปเป็นมูลค่า 50,160 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 28
สหภาพยุโรป เคยเป็นตลาดส่งออกที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันได้กลายเป็นตลาดส่งออกที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 4 รองจากอาเซียน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น นับจากปี 2537 เป็นต้นมา จากการที่อุปสรรคทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ส่งออกไทยจึงต้องเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และหาลู่ทางการเจาะตลาดสินค้าขึ้นใหม่ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและขยายตลาดในสหภาพยุโรปให้เพิ่มมากขึ้นต่อไป
--ข่าวเศรษฐกิจการพาณิชย์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ / 31 มีนาคม 2540--