แท็ก
ออสเตรเลีย
อาหารไทยสำเร็จรูปเป็นที่รู้จักกว้างขวางและนิยมสูงในตลาดออสเตรเลีย ในปี 2541 มีภัตตาคารร้านอาหารของคนไทยประมาณ 500 ร้าน แทบทุกเมือง นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารจีน และชาติอื่นๆ ที่ขายอาหารไทยรวมอยู่ในเมนูทั่วไปด้วย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีชนหลายเชื้อชาติเข้ามาอาศัย ประชาชนอพยพจากทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ผสมผสานและหลากหลาย ตลาดสินค้าอาหาร และบริโภคต่าง ๆ จึงค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่าประเทศอื่น ๆ อาหารไทย จึงเป็นรู้จักของผู้บริโภคทั่วไป อีกทั้งรัฐบาล ฯ ได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสัมพันธ์ภาพไทยกับออสเตรเลียในด้านต่าง ๆ มาโดยตลอด อาทิ เช่น ส่งเสริมการขาย ด้านวัฒนธรรม ท่องเที่ยวต่อเนื่องมาตลอด ทำให้อาหารไทยติดตลาดออสเตรเลียภาวะการค้ารูปแบบสินค้าและรสชาดอาหาร
สินค้าอาหารไทยที่เข้าสู่ตลาดแห่งนี้ โดยบริษัทส่งออกของคนไทย จากประเทศไทยนั้น การหีบห่อจะคล้ายคลึงกับที่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย ทั้งรูปแบบ สีสรร ภาชนะ รสชาดต่างๆ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป มักจะมีรสชาติดั้งเดิมแบบไทย ๆ เช่น เครื่องแกงก็ค่อนข้างเผ็ด หรือขนมหวานก็มีความหวานมาก อย่างที่นิยมบริโภคในเมืองไทยมูลค่าการนำเข้า
ปี 2541 สินค้าอาหารไทยที่นำเข้าออสเตรเลีย มีมูลค่านำเข้ารวม 366,847,392 เหรียญออสเตรเลียเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่านำเข้ารวม 328,727,017 เหรียญออสเตรเลีย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.60% สินค้าอาหารไทยมีจำหน่ายในร้านค้าขนาดย่อมของคนเอเซีย ซึ่งขายของชำและเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมกับสินค้าจากประเทศเอเชีย จีน ลาว ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และอื่น ๆ ส่วนที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมีบางสินค้า เช่น สินค้ากระป๋อง เครื่องแกง ผลไม้ ซึ่งการบรรจุหีบห่อจะอยู่ในภาชนะ ได้ขนาดและมาตรฐานรูปแบบสากลมากกว่าตลาดแรกพฤติกรรมตลาดและผู้บริโภค
ตลาดออสเตรเลีย เปิดกว้างสำหรับอาหารไทยและต่างชาติมาก ผู้บริโภคเน้นคุณภาพอาหารที่สะอาดถูกสุขอนามัยเป็นสำคัญก่อนรสชาด และชอบลองผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ คนออสเตรเลีย ให้ความสำคัญกับภาวะแวดล้อมและธรรมชาติสูง ดังนั้น อาหารไทยที่ปราศจากสารกันบูด ภาชนะบรรจุที่ปลอดภัย รวมทั้ง การนำกระดาษที่ใช้แล้ว (recycled paper) มาใช้ต่อ หรือการมีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษความหลากหลายของสินค้า
ในซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ สินค้าอาหารไทยที่เข้ามาจำหน่ายนั้น จะวางอยู่ในแผนกเอเชี่ยน แต่ที่พบว่ามีน้อยเพราะอาหารไทยมักจะกระจาย เนื่องจากอาหารไทย ที่วางขายในตลาดยังมีความหลากหลายไม่พอหรือขาดสินค้าที่เป็นเครื่องปรุงในส่วนประกอบอาหาร จึงทำให้สินค้าอาหรไทยบางครั้ง ไม่สามารถที่จะจัดรวมกลุ่มอยู่ในชั้นจำหน่ายเดียวกันให้ผู้บริโภคสะดวกเลือก จะซื้อได้ เนื่องจาก การบรรจุไม่สะดวกต่อการจัดวาง และการจัดจำหน่ายโดยผู้ขายส่งมาจากคนละบริษัทกันการรณรงค์เข้าตลาด
เนื่องจากระบบการจัดซื้อของซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนมาก ซื้อผ่านผู้นำเข้า (suppliers) ที่ทำหน้าที่ขายส่งมากกว่าจัดซื้อ หรือจ้างผลิตตรงจากไทย ทำให้โอกาสขยายตลาดจึงขึ้นอยู่กับผู้ขายส่งมากกว่าคุณภาพสินค้าเอง
สินค้าใดเข้าตลาดก่อน จะได้เปรียบเป็นที่รู้จักและรสชาดติดตลาดเร็วขึ้น ส่วนอาหารไทยที่ส่งตรงจากไทยโดยผู้ผลิตส่งออกเองมักเป็นธุรกิจขนาดปานกลางหรือค่อนข้างเล็ก ชื่อยี่ห้อแบบไทย ขาดโลโก้แบรนด์เนมที่เป็นสากล จากสภาพการค้าดังกล่าว สินค้าไทยจึงแข่งขันการขายกันเองและแข่งกับสินค้าอาหารไทยที่มีฐานผลิตในประเทศอื่น โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติ (Multinational Companies) รวมทั้ง ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่นในรัฐต่างๆ ของออสเตรเลีย เช่น นิวเซาท์เวลล์ ควีนแลนด์ อีกด้วย ทำให้เสียเปรียบในเรื่องจุดคุ้มทุนการตลาด เพราะบริษัทผู้ค้ารายใหญ่ได้เปรียบต้นทุนขายต่ำกว่าคุณภาพสินค้าและสุขอนามัย
สินค้าที่เข้าสู่ตลาดต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานโดยหน่วยงาน AQIS-Australia Quarantine Inspection ในเรื่องของเทคนิคการผลิต ส่วนประกอบ สิ่งเจือปน มาตรฐานภาชนะต่างๆ
ดังนั้น การนำสินค้าที่จะส่งออกมายังตลาดนี้ ต้องให้กรมวิชาการกระทรวงเกษตรทดสอบออกใบรับรองพร้อมกับขอคำแนะนำด้านกฎระเบียบการค้า เทคนิคการตลาดจากกรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ก่อน จะลดค่าใช้จ่าย การเสียเวลา และโอกาสทางตลาดราคา
ผู้นำเข้ารายใหญ่ และร้านของชำคนเอเชียแจ้งว่า ต้นทุนนำเข้าแพงกว่าของประเทศอื่น แม้อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินจะถูกลงหรือคงที่ แต่ราคาสินค้านำเข้าก็ยังคงแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ขายแข่งขันกับสินค้าประเภทเดียวกันจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะจากจีน เวียตนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ฯ การบรรจุและหีบห่อ
การบรรจุและหีบห่อ ควรปรับปรุงให้มีความสากลและสะดวกต่อการหยิบใช้งาน สามารถจัดวางรวมในชั้นเดียวกันได้ และสินค้าที่ส่งเข้ามา อย่างน้อยควรได้รับการกวดขันให้มีมาตรฐานทัดเทียม กับของที่นำเข้าจากสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย เช่น ควรใช้ถุงกระดาษสูญญากาศทำจากฟรอยด์ หรือบรรจุเครื่องแกงให้เป็นห่อเล็กหลายห่อ แบ่งพอใช้แต่ละครั้ง ภาชนะ กระดาษ สีสรรควรเด่นและจูงใจ ขนาดบรรจุ แยกประมาณมากสำหรับผู้ซื้อใช้ในร้านอาหาร กับครอบครัว มีขนาดทดลองใช้และเลือกภาชนะที่เหมาะกับสิ่งของ สลากและข้อมูลแนะนำควรอ่านง่าย เข้าใจได้ชัดเจน 2-3 ภาษาสรุป
สินค้าอาหารไทย เป็นที่รู้จักติดตลาดออสเครเลียแล้ว แต่ผู้ผลิตและส่งออกไทยที่เข้าตลาดนี้โดยตรง ส่วนมากเป็นรายเล็กและปานกลาง ควรที่จะผู้ส่งออกไทยร่วมมือกับรัฐบาล และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เป็นแกนกลางพัฒนาค้นคว้าวิจัยด้านเทคนิคการผลิต การตลาดต่าง ๆ ส่งเสริมให้ทุกบริษัทยกระดับคุณภาพสินค้าสู่ความเป็นสากล ภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยเร็ว
ขณะนี้เครื่องปรุงรสแบบไทย ภายใต้การโฆษณาการค้า THAI RED CURRY, THAI TOMYUMKUNG, THAI GREEN CURRY โดยผลิตจากออสเตรเลียและแหล่งอื่น สิงคโปร์ มาเลเซีย แม้กระทั่งเม็กซิโก ระบุว่ามีรสชาดไทย โฆษณาการค้าบนภาชนะบรรจุที่ทันสมัย งดงามกว่าไทย แต่เมื่อลองชิมแล้ว รสชาติ คุณภาพสีสรร แตกต่างไปจากของไทยมาก เป็นที่วิตกว่าหากสินค้าต่างชาติแพร่หลายกว่าสินค้าไทยแล้ว นอกจากจะทำให้การส่งออกไทยเสียหาย ชาวต่างชาติอาจมีการเข้าใจผิด เกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินอยู่แบไทย ดังนั้น ควรที่ภาครัฐบาลและภาคเอกชน ฯ ต้องเร่งรัดศึกษาและแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง รณรงค์นำเครื่องหมายสินค้าหรือโลโก้ มาใช้กับอาหารไทยเร็วที่สุด อีกทั้งจดทะเบียนลิขสิทธิ์คำต่าง ๆ ที่บ่งระบุว่าเป็นอาหารไทยดั้งเดิมให้เป็นทรัพย์สินของประเทศไทย เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่น fragance rice และหาทางป้องกันไม่ใช้ชาติอื่น มาใช้ประโยชน์จากมรดกไทย เช่น การใช้คำว่า ต้มยำกุ้งรสชาดไทย แกงเผ็ดแดงแบบไทย ให้ผู้ผลิตสินค้าจากประเทศไทยเท่านั้น ที่สามารถใช้เป็นโฆษณาเพื่อการค้าได้ เพื่อผดุงการส่งออกสินค้าอาหารรสชาดไทยให้ติดตลาดสากล ขยายฐานเศรษฐกิจการค้าไปทั่วโลก
ที่มา : สถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 6/31 มีนาคม 2542--
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีชนหลายเชื้อชาติเข้ามาอาศัย ประชาชนอพยพจากทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ผสมผสานและหลากหลาย ตลาดสินค้าอาหาร และบริโภคต่าง ๆ จึงค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่าประเทศอื่น ๆ อาหารไทย จึงเป็นรู้จักของผู้บริโภคทั่วไป อีกทั้งรัฐบาล ฯ ได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสัมพันธ์ภาพไทยกับออสเตรเลียในด้านต่าง ๆ มาโดยตลอด อาทิ เช่น ส่งเสริมการขาย ด้านวัฒนธรรม ท่องเที่ยวต่อเนื่องมาตลอด ทำให้อาหารไทยติดตลาดออสเตรเลียภาวะการค้ารูปแบบสินค้าและรสชาดอาหาร
สินค้าอาหารไทยที่เข้าสู่ตลาดแห่งนี้ โดยบริษัทส่งออกของคนไทย จากประเทศไทยนั้น การหีบห่อจะคล้ายคลึงกับที่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย ทั้งรูปแบบ สีสรร ภาชนะ รสชาดต่างๆ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป มักจะมีรสชาติดั้งเดิมแบบไทย ๆ เช่น เครื่องแกงก็ค่อนข้างเผ็ด หรือขนมหวานก็มีความหวานมาก อย่างที่นิยมบริโภคในเมืองไทยมูลค่าการนำเข้า
ปี 2541 สินค้าอาหารไทยที่นำเข้าออสเตรเลีย มีมูลค่านำเข้ารวม 366,847,392 เหรียญออสเตรเลียเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่านำเข้ารวม 328,727,017 เหรียญออสเตรเลีย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.60% สินค้าอาหารไทยมีจำหน่ายในร้านค้าขนาดย่อมของคนเอเซีย ซึ่งขายของชำและเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมกับสินค้าจากประเทศเอเชีย จีน ลาว ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และอื่น ๆ ส่วนที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมีบางสินค้า เช่น สินค้ากระป๋อง เครื่องแกง ผลไม้ ซึ่งการบรรจุหีบห่อจะอยู่ในภาชนะ ได้ขนาดและมาตรฐานรูปแบบสากลมากกว่าตลาดแรกพฤติกรรมตลาดและผู้บริโภค
ตลาดออสเตรเลีย เปิดกว้างสำหรับอาหารไทยและต่างชาติมาก ผู้บริโภคเน้นคุณภาพอาหารที่สะอาดถูกสุขอนามัยเป็นสำคัญก่อนรสชาด และชอบลองผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ คนออสเตรเลีย ให้ความสำคัญกับภาวะแวดล้อมและธรรมชาติสูง ดังนั้น อาหารไทยที่ปราศจากสารกันบูด ภาชนะบรรจุที่ปลอดภัย รวมทั้ง การนำกระดาษที่ใช้แล้ว (recycled paper) มาใช้ต่อ หรือการมีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษความหลากหลายของสินค้า
ในซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ สินค้าอาหารไทยที่เข้ามาจำหน่ายนั้น จะวางอยู่ในแผนกเอเชี่ยน แต่ที่พบว่ามีน้อยเพราะอาหารไทยมักจะกระจาย เนื่องจากอาหารไทย ที่วางขายในตลาดยังมีความหลากหลายไม่พอหรือขาดสินค้าที่เป็นเครื่องปรุงในส่วนประกอบอาหาร จึงทำให้สินค้าอาหรไทยบางครั้ง ไม่สามารถที่จะจัดรวมกลุ่มอยู่ในชั้นจำหน่ายเดียวกันให้ผู้บริโภคสะดวกเลือก จะซื้อได้ เนื่องจาก การบรรจุไม่สะดวกต่อการจัดวาง และการจัดจำหน่ายโดยผู้ขายส่งมาจากคนละบริษัทกันการรณรงค์เข้าตลาด
เนื่องจากระบบการจัดซื้อของซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนมาก ซื้อผ่านผู้นำเข้า (suppliers) ที่ทำหน้าที่ขายส่งมากกว่าจัดซื้อ หรือจ้างผลิตตรงจากไทย ทำให้โอกาสขยายตลาดจึงขึ้นอยู่กับผู้ขายส่งมากกว่าคุณภาพสินค้าเอง
สินค้าใดเข้าตลาดก่อน จะได้เปรียบเป็นที่รู้จักและรสชาดติดตลาดเร็วขึ้น ส่วนอาหารไทยที่ส่งตรงจากไทยโดยผู้ผลิตส่งออกเองมักเป็นธุรกิจขนาดปานกลางหรือค่อนข้างเล็ก ชื่อยี่ห้อแบบไทย ขาดโลโก้แบรนด์เนมที่เป็นสากล จากสภาพการค้าดังกล่าว สินค้าไทยจึงแข่งขันการขายกันเองและแข่งกับสินค้าอาหารไทยที่มีฐานผลิตในประเทศอื่น โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติ (Multinational Companies) รวมทั้ง ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่นในรัฐต่างๆ ของออสเตรเลีย เช่น นิวเซาท์เวลล์ ควีนแลนด์ อีกด้วย ทำให้เสียเปรียบในเรื่องจุดคุ้มทุนการตลาด เพราะบริษัทผู้ค้ารายใหญ่ได้เปรียบต้นทุนขายต่ำกว่าคุณภาพสินค้าและสุขอนามัย
สินค้าที่เข้าสู่ตลาดต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานโดยหน่วยงาน AQIS-Australia Quarantine Inspection ในเรื่องของเทคนิคการผลิต ส่วนประกอบ สิ่งเจือปน มาตรฐานภาชนะต่างๆ
ดังนั้น การนำสินค้าที่จะส่งออกมายังตลาดนี้ ต้องให้กรมวิชาการกระทรวงเกษตรทดสอบออกใบรับรองพร้อมกับขอคำแนะนำด้านกฎระเบียบการค้า เทคนิคการตลาดจากกรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ก่อน จะลดค่าใช้จ่าย การเสียเวลา และโอกาสทางตลาดราคา
ผู้นำเข้ารายใหญ่ และร้านของชำคนเอเชียแจ้งว่า ต้นทุนนำเข้าแพงกว่าของประเทศอื่น แม้อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินจะถูกลงหรือคงที่ แต่ราคาสินค้านำเข้าก็ยังคงแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ขายแข่งขันกับสินค้าประเภทเดียวกันจากแหล่งอื่น โดยเฉพาะจากจีน เวียตนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ฯ การบรรจุและหีบห่อ
การบรรจุและหีบห่อ ควรปรับปรุงให้มีความสากลและสะดวกต่อการหยิบใช้งาน สามารถจัดวางรวมในชั้นเดียวกันได้ และสินค้าที่ส่งเข้ามา อย่างน้อยควรได้รับการกวดขันให้มีมาตรฐานทัดเทียม กับของที่นำเข้าจากสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย เช่น ควรใช้ถุงกระดาษสูญญากาศทำจากฟรอยด์ หรือบรรจุเครื่องแกงให้เป็นห่อเล็กหลายห่อ แบ่งพอใช้แต่ละครั้ง ภาชนะ กระดาษ สีสรรควรเด่นและจูงใจ ขนาดบรรจุ แยกประมาณมากสำหรับผู้ซื้อใช้ในร้านอาหาร กับครอบครัว มีขนาดทดลองใช้และเลือกภาชนะที่เหมาะกับสิ่งของ สลากและข้อมูลแนะนำควรอ่านง่าย เข้าใจได้ชัดเจน 2-3 ภาษาสรุป
สินค้าอาหารไทย เป็นที่รู้จักติดตลาดออสเครเลียแล้ว แต่ผู้ผลิตและส่งออกไทยที่เข้าตลาดนี้โดยตรง ส่วนมากเป็นรายเล็กและปานกลาง ควรที่จะผู้ส่งออกไทยร่วมมือกับรัฐบาล และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เป็นแกนกลางพัฒนาค้นคว้าวิจัยด้านเทคนิคการผลิต การตลาดต่าง ๆ ส่งเสริมให้ทุกบริษัทยกระดับคุณภาพสินค้าสู่ความเป็นสากล ภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยเร็ว
ขณะนี้เครื่องปรุงรสแบบไทย ภายใต้การโฆษณาการค้า THAI RED CURRY, THAI TOMYUMKUNG, THAI GREEN CURRY โดยผลิตจากออสเตรเลียและแหล่งอื่น สิงคโปร์ มาเลเซีย แม้กระทั่งเม็กซิโก ระบุว่ามีรสชาดไทย โฆษณาการค้าบนภาชนะบรรจุที่ทันสมัย งดงามกว่าไทย แต่เมื่อลองชิมแล้ว รสชาติ คุณภาพสีสรร แตกต่างไปจากของไทยมาก เป็นที่วิตกว่าหากสินค้าต่างชาติแพร่หลายกว่าสินค้าไทยแล้ว นอกจากจะทำให้การส่งออกไทยเสียหาย ชาวต่างชาติอาจมีการเข้าใจผิด เกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินอยู่แบไทย ดังนั้น ควรที่ภาครัฐบาลและภาคเอกชน ฯ ต้องเร่งรัดศึกษาและแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง รณรงค์นำเครื่องหมายสินค้าหรือโลโก้ มาใช้กับอาหารไทยเร็วที่สุด อีกทั้งจดทะเบียนลิขสิทธิ์คำต่าง ๆ ที่บ่งระบุว่าเป็นอาหารไทยดั้งเดิมให้เป็นทรัพย์สินของประเทศไทย เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่น fragance rice และหาทางป้องกันไม่ใช้ชาติอื่น มาใช้ประโยชน์จากมรดกไทย เช่น การใช้คำว่า ต้มยำกุ้งรสชาดไทย แกงเผ็ดแดงแบบไทย ให้ผู้ผลิตสินค้าจากประเทศไทยเท่านั้น ที่สามารถใช้เป็นโฆษณาเพื่อการค้าได้ เพื่อผดุงการส่งออกสินค้าอาหารรสชาดไทยให้ติดตลาดสากล ขยายฐานเศรษฐกิจการค้าไปทั่วโลก
ที่มา : สถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 6/31 มีนาคม 2542--