2.1.2 ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์
ในปี 2541 ที่ผ่านมา ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเซียได้อ่อนตัวจากปีก่อนหน้านี้ ร้อยละ 2.06 มาอยู่ในระดับ 18.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤติ ทางเศรษฐกิจและการเงิน ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้าน การผลิต ความสามารถในการกลั่นของโรงกลั่นในเอเซียอยู่ในระดับ 20.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าความต้องการใช้ของปี 2541 อยู่ 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน กำลังการกลั่นที่สูงกว่าความต้องการใช้ ทำให้ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปประสบภาวะเดียวกับตลาดน้ำมันดิบ คือ ภาวะน้ำมันล้นตลาดและปริมาณสำรองที่อยู่ในระดับสูง ก่อให้เกิดความตกต่ำของราคาน้ำมันสำเร็จรูป โดยลดลงมากกว่าการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตา ได้ลดลง $ 7, $ 9, $ 9 และ $ 5 ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ราคา น้ำมันเตาได้ลดลงน้อยกว่าน้ำมันสำเร็จรูปชนิดอื่น เนื่องจากในช่วงใดที่โรงกลั่นได้ลดกำลังกลั่นลง โรงกลั่นได้ใช้น้ำมันเตาเป็นวัตถุดิบแทนน้ำมันดิบ ทำให้ราคาน้ำมันเตาในช่วงนั้นแข็งตัว
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตกต่ำได้ส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่น โดยค่าการกลั่นของน้ำมันดูไบ ของโรงกลั่นในสิงคโปร์ (Topping / Reforming) ได้ลดลงจากปี 2540 ถึง $ 0.49 ต่อบาร์เรล มาติดลบ ในระดับ $ 0.09 ต่อบาร์เรล ซึ่งผลของกำลังกลั่นที่มีสูงกว่าความต้องการในย่านภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกล ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันสำเร็จรูป มีลักษณะเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงสลับกัน โดยไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการตามฤดูกาลเช่นที่ผ่านมา เมื่อปริมาณการกลั่นได้มากกว่าความต้องการ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะตกต่ำลง มีผลให้ค่าการกลั่นลดลง ไม่คุ้มต่อการกลั่น โรงกลั่นจะลดกำลังการกลั่นลง และเมื่อปริมาณ น้ำมันในตลาดลดลง ราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะแข็งตัวขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสูงขึ้นของปริมาณน้ำมัน ในตลาดและมีผลให้ราคาลดลงในที่สุด เป็นวัฏจักรสลับกันไปมา
ความสามารถในการกลั่นและความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซีย
หน่วย : ล้านบาร์เรลต่อวัน
2540 2541 2541
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4
ความสามารถในการกลั่น - 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44
- จีน - 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02
- ญี่ปุ่น - 6.44 6.44 6.44 6.44 6.44
- เกาหลีใต้ - 2.92 2.92 2.92 2.92 2.92
- อินเดีย - 1.18 1.18 1.18 1.18 1.18
- สิงคโปร์ - 1.54 1.54 1.54 1.54 1.54
- อื่นๆ - 4.35 4.35 4.35 4.35 4.35
ความต้องการใช้ 18.56 18.17 18.76 17.72 17.59 18.28
- จีน 3.96 3.95 3.91 4.18 3.92 3.64
- ญี่ปุ่น 5.71 5.53 6.1 4.97 5.23 5.78
- เกาหลีใต้ 2.27 1.95 1.98 1.82 1.79 2.11
- อินเดีย 1.76 1.83 1.85 1.81 1.74 1.9
- อื่นๆ 4.86 4.92 4.92 4.95 4.91 4.84
กำลังการกลั่นส่วนเกิน - 2.27 1.68 2.72 2.86 2.17
ค่าการกลั่น * ($/lbbl) 0.4 -0.09 -0.23 0.4 -0.89 0.36
* หมายเหตุ: (1) ไม่รวมกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
(2) * : เฉพาะ Topping/Reforming และเป็นน้ำมันดิบดูไบ
ในไตรมาสแรกของปี 2541 ความต้องการใช้น้ำมันในเอเซียอยู่ในระดับ 18.76 ล้านบาร์เรล ต่อวัน ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เป็นผลจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเงินของประเทศในแถบเอเซีย นอกจากนี้อากาศที่อุ่นก็ทำให้ความต้องการใช้น้ำมัน เพื่อความอบอุ่นไม่สูงเช่นทุกปีที่ผ่านมา ทางด้านการผลิตในไตรมาสนี้ จากการที่ราคาน้ำมันดิบถูกลง ทำให้โรงกลั่นเร่งผลิตน้ำมันสำเร็จรูป ตลาดน้ำมันจึงประสบภาวะน้ำมันล้นตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ ได้ปรับตัวลดลง $ 2-4 ต่อบาร์เรล ตามแต่ชนิดผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีก่อนหน้านี้ ค่าการกลั่นในไตรมาสนี้ ติดลบอยู่ในระดับ $ 0.23 ต่อบาร์เรล
ในไตรมาสที่สอง ความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซียได้อ่อนตัวลง 1.04 ล้าน บาร์เรลต่อวัน เนื่องมาจากการเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อความอบอุ่นลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำมันล้นตลาด และทำให้ปริมาณน้ำมันสำรองของกลุ่มนี้ขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันก๊าดและดีเซลอ่อนตัวลงในระดับ $ 0.5-1.0 ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันเบนซินได้แข็งตัวขึ้นมา $ 1 ต่อ บาร์เรล เนื่องจากความต้องการเพื่อการขับขี่รถยนต์ที่สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ราคาน้ำมันเตาในไตรมาสนี้ อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากมีความต้องการสำหรับเป็นวัตถุดิบ ในช่วงต้นไตรมาสที่โรงกลั่นได้ลดปริมาณการกลั่นลง ราคาน้ำมันเบนซินที่แข็งตัวขึ้น ทำให้ค่าการกลั่นในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้น อยู่ในระดับ $ 0.40 ต่อบาร์เรล
ในไตรมาสที่สามความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซีย ทรงตัวอยู่ในระดับ 17.59 ล้านบาร์เรลต่อวัน ค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่สอง ทำให้โรงกลั่นเพิ่มปริมาณการกลั่นให้สูงขึ้น ผลที่ตามมาทำให้มีน้ำมันสำเร็จรูปออกสู่ตลาดมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณสำรองทางการค้ามีระดับสูงอยู่แล้ว ราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเตาในไตรมาสนี้ จึงอ่อนตัวลงในระดับ $ 1-3 ต่อบาร์เรล มีเพียงน้ำมันก๊าด ที่ราคาอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันก๊าดผูกติดกับราคาน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งในไตรมาสนี้ความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินได้สูงขึ้น การเพิ่มปริมาณการกลั่นทำให้น้ำมันล้นตลาด และได้ส่งผลให้ ค่าการกลั่นลดลงอีกครั้ง ลงมาอยู่ในระดับติดลบที่ $ 0.89 ต่อบาร์เรล แต่การลดกำลังกลั่นลง ได้ส่งผลให้ค่าการกลั่นดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส
ในไตรมาสที่สี่ค่าการกลั่นที่ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่แล้ว และการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อความอบอุ่นที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ทำให้โรงกลั่นในแถบเอเซียได้เพิ่มกำลังการกลั่น ส่งผลให้มีน้ำมันสำเร็จรูปออกมาสู่ตลาดมากขึ้น แต่ทางด้านความต้องการใช้ แม้จะเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ เนื่องจากอากาศที่อุ่นกว่าปกติและประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจในเอเซียยังไม่ ฟื้นตัว นอกจากนี้ในไตรมาสนี้จีนได้ห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันดีเซล เพื่อเป็นการช่วยเหลือโรงกลั่นในประเทศระบายน้ำมันสำรอง และลดค่าใช้จ่ายในการถือสำรอง แม้ความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาสนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 18.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ปริมาณน้ำมันในตลาดและปริมาณสำรองทางการค้า ที่มากกว่าความต้องการ ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันทุกชนิดปรับตัวลดลงหมด ราคาน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตาลดลง $ 1.2, $ 0.7, $ 0.9 และ $ 1.2 ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์
หน่วย : เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 97 25.4 18.14 19.25 20.11 17.16 16.04
เบนซินออกเทน 98 23.87 16.27 17.42 18.23 15.35 14.09
ก๊าด 24.95 16.33 16.96 16.49 16.24 15.61
ดีเซลหมุนเร็ว 24.23 15.41 17.02 16.12 14.64 13.86
เตา (2%S) 16.69 11.32 10.58 11.9 10.99 11.83
เตา (3.5%S) 15.98 10.68 9.95 11.07 10.29 11.4
2.1.3 ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปี 2541 ที่ผ่านมา แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงถึง 18 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยอยู่ ในระดับเฉลี่ย 41.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันสูงขึ้นจากส่วนนี้ แต่ราคาน้ำมันใน ตลาดโลกที่อ่อนตัวลงในระดับ $ 7-9 ต่อบาร์เรล ก็ได้ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันโดยรวมของไทยลดลง ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจึงอ่อนตัวลงจากปีก่อนหน้า 27 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซินแม้ว่าต้นทุนจากผลของค่าเงินบาท และราคาตลาดโลกไม่สูงขึ้น แต่ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้น 1.13|1.40 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐได้ขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาท/ลิตร เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
ในไตรมาสแรกของปี 2541 แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงจากช่วงปลายปีประมาณ 2 บาท/เหรียญสหรัฐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ 47.10 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงในระดับ $ 2-4 ต่อเหรียญสหรัฐ ก็ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันของไทยถูกลง ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวลดลง 43 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซินต้นทุนราคาน้ำมันที่ถูกลง ได้ถูกชดเชยด้วยการขึ้นภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น 19 สตางค์/ลิตร ในไตรมาสนี้
ในไตรมาสที่สอง ค่าเงินบาทได้แข็งตัวขึ้นถึง 6.6 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อยู่ในระดับ 40.5 บาท/เหรียญสหรัฐ เมื่อเสริมกับการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวลงถึง 1.45 บาท/ลิตร และต้นทุนที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นได้มีอิทธิพลมากกว่าต้นทุนที่ สูงขึ้นจากการแข็งตัวของราคาเบนซินในตลาดโลก ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลง 27-47 สตางค์/ลิตร
ในไตรมาสที่สาม ค่าเงินบาทอยู่ในระดับทรงตัวแต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ปรับลดลง 66-79 สตางค์/ลิตร
ในไตรมาสสุดท้าย ค่าเงินบาทของไทยได้แข็งตัวขึ้นอีก 4.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อยู่ในระดับเฉลี่ย 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และเมื่อรวมผลของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงกว่า $ 2 ต่อบาร์เรล มีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยได้ปรับตัวลดลงในระดับ 0.56-1.04 บาท/ลิตร
ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของไทย
หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 10.48 11.86 12.63 12.36 11.69 10.77
เบนซินออกเทน 91 10.09 11.2 12.19 11.72 10.96 9.93
เบนซินออกเทน 87 - 10.5 - 11.45 10.54 9.51
ดีเซลหมุนเร็ว 9.48 9.19 10.87 9.42 8.64 7.82
2.1.4 ค่าการตลาดและค่าการกลั่น
ปี 2541 การแข่งขันในตลาดน้ำมันมีความรุนแรงมาก อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 2 | 3 ปีที่ผ่านมา จากปี 2538 จำนวน 8,014 แห่ง เพิ่มเป็น 14,044 แห่ง ในปี 2541 ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศกลับลดลง จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ในประเทศมีมากเกินความต้องการ ทำให้มีน้ำมันเหลือต้องส่งออก ซึ่งราคาส่งออกน้ำมันมีแนวโน้มจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาในประเทศ เพราะความต้องการน้ำมันในภูมิภาคนี้ถูกจำกัดลง การจำหน่ายในประเทศย่อมดีกว่าการส่งออก ทำให้บริษัทเอสโซ่ฯ ซึ่งเป็นทั้งโรงกลั่นและผู้ค้าส่งน้ำมัน จึงได้นำนโยบายทางด้านราคามาเป็นกลยุทธในธุรกิจค้าปลีก ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ของประเทศอยู่ในระดับ 1.2930 บาท/ลิตร ส่วนค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 0.7672 บาท/ลิตร
ในไตรมาสแรกของปี 2541 ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม พร้อมกับการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันของไทยลดลงอย่างรวดเร็ว การทยอยปรับลดราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันในช่วงนี้ ได้เป็นการทยอยปรับลงครั้งละไม่เกิน 30 สตางค์/ลิตร ทั้งนี้ เพื่อชดเชยกับช่วงที่ทยอยปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2540 ซึ่งปรับขึ้นต่ำกว่าต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้น การทยอยปรับลดลงทำให้ระดับเฉลี่ยค่าการตลาดในไตรมาสนี้อยู่ในระดับสูงที่ 1.6329 บาท/ลิตร
ในไตรมาสที่สอง การปรับราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน ที่เปลี่ยนไป ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันในไตรมาสนี้ จึงอยู่ในระดับปกติ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3789 บาท/ลิตร
ในครึ่งหลังของปี 2541 บริษัท เอสโซ่ฯ ได้นำนโยบายทางด้านราคามาเป็นกลยุทธในธุรกิจ ค้าปลีก โดยปรับราคาขึ้นในระดับต่ำและช้าสุด และปรับลดลงในระดับมากและเร็วที่สุด ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ จำเป็นต้องเดินตามกลยุทธดังกล่าว เพราะไม่ต้องการสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาด ผลของการปรับราคาขายปลีกในลักษณะดังกล่าว ทำให้ค่าการตลาดในไตรมาสที่สามและสี่นี้ได้ลงมาอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.1139 และ 0.9449 บาท/ลิตร ตามลำดับ
ในปี 2541 ที่ผ่านมา ธุรกิจการกลั่นอยู่ในภาวะที่ตกต่ำต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากกำลังการกลั่นในแถบเอเซียมีมากกว่าความต้องการใช้ ค่าการกลั่นในปีนี้จึงยังคงอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ยทั้งปี อยู่ในระดับ 0.7672 บาท/ลิตร โดยค่าการกลั่นไตรมาสที่ 1-4 อยู่ในระดับ 0.9193, 0.8742, 0.5531 และ 0.7223 บาท/ลิตร ตามลำดับ
ค่าการตลาด
หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 1.494 1.703 1.849 1.653 1.717 1.591
เบนซินออกเทน 87-91 1.578 1.734 2.131 1.708 1.683 1.401
ดีเซลหมุนเร็ว 1.053 1.163 1.523 1.327 0.981 0.808
เฉลี่ย 1.141 1.293 1.633 1.379 1.114 0.945
ค่าการกลั่น หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 0.895 0.915 1.111 1.089 0.656 0.805
เบนซินออกเทน 87-91 0.837 0.798 0.982 0.957 0.567 0.685
ดีเซลหมุนเร็ว 0.873 0.807 1.019 0.913 0.577 0.721
เตา 0.619 0.605 0.676 0.679 0.435 0.628
เฉลี่ย 0.792 0.767 0.919 0.874 0.553 0.722
2.2 สถานการณ์การผลิต การใช้และการนำเข้าพลังงานเชิงพาณิชย์
ปี 2541 นับเป็นปีที่ประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง โดยประเทศได้เผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาความมั่นคงของสถาบันการเงิน หนี้ต่างประเทศ และเสถียรภาพค่าเงินบาท เป็นเหตุให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปิดกิจการและบางแห่งต้องลดกำลังการผลิตและมีการปลดพนักงานออก ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบถึงร้อยละ 8
ความต้องการพลังงานเชิงพาณิชย์ของประเทศในปี 2541 ลดลงร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับปี 2540 การผลิตลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้การนำเข้าลดลงร้อยละ 12.8 สัดส่วนการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ลดลงจากร้อยละ 60.6 ในปี 2540 เหลือร้อยละ 57.1
การผลิต การใช้และการนำเข้าพลังงานเชิงพาณิชย์ (1)
หน่วย : เทียบเท่าพันบาร์เรลน้ำมันดิบ/วัน
รายการ 2540 2541 การเปลี่ยนแปลง (%)
2539 2540 2541
การใช้ (2) 1175.7 1089.2 11.2 4.9 -7.4
การผลิต 523.4 522.8 14.6 16.3 -0.1
การนำเข้า (สุทธิ) 712.5 621.3 14.9 -3 -12.8
การเปลี่ยนแปลงสต็อก 22.6 16.3 - - -
การใช้ที่ไม่เป็นพลังงาน (Non-Energy use) 37.6 39.8 14 45.5 5.8
การนำเข้า/การใช้ (%) 60.6 57.1
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) -0.4 -8
(1) พลังงานเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ คอนเดนเสท ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ไฟฟ้าจากพลังน้ำ และถ่านหิน/ลิกไนต์
(2) การใช้ไม่รวมการเปลี่ยนแปลงสต็อก และการใช้ที่ไม่เป็นพลังงาน (Non-Energy use)ได้แก่ การใช้ยางมะตอย NGL Condensate LPG และ Naptha เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
--สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ--
-ยก-
ในปี 2541 ที่ผ่านมา ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเซียได้อ่อนตัวจากปีก่อนหน้านี้ ร้อยละ 2.06 มาอยู่ในระดับ 18.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤติ ทางเศรษฐกิจและการเงิน ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้าน การผลิต ความสามารถในการกลั่นของโรงกลั่นในเอเซียอยู่ในระดับ 20.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าความต้องการใช้ของปี 2541 อยู่ 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน กำลังการกลั่นที่สูงกว่าความต้องการใช้ ทำให้ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปประสบภาวะเดียวกับตลาดน้ำมันดิบ คือ ภาวะน้ำมันล้นตลาดและปริมาณสำรองที่อยู่ในระดับสูง ก่อให้เกิดความตกต่ำของราคาน้ำมันสำเร็จรูป โดยลดลงมากกว่าการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตา ได้ลดลง $ 7, $ 9, $ 9 และ $ 5 ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ราคา น้ำมันเตาได้ลดลงน้อยกว่าน้ำมันสำเร็จรูปชนิดอื่น เนื่องจากในช่วงใดที่โรงกลั่นได้ลดกำลังกลั่นลง โรงกลั่นได้ใช้น้ำมันเตาเป็นวัตถุดิบแทนน้ำมันดิบ ทำให้ราคาน้ำมันเตาในช่วงนั้นแข็งตัว
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตกต่ำได้ส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่น โดยค่าการกลั่นของน้ำมันดูไบ ของโรงกลั่นในสิงคโปร์ (Topping / Reforming) ได้ลดลงจากปี 2540 ถึง $ 0.49 ต่อบาร์เรล มาติดลบ ในระดับ $ 0.09 ต่อบาร์เรล ซึ่งผลของกำลังกลั่นที่มีสูงกว่าความต้องการในย่านภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกล ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันสำเร็จรูป มีลักษณะเปลี่ยนแปลงขึ้นและลงสลับกัน โดยไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการตามฤดูกาลเช่นที่ผ่านมา เมื่อปริมาณการกลั่นได้มากกว่าความต้องการ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะตกต่ำลง มีผลให้ค่าการกลั่นลดลง ไม่คุ้มต่อการกลั่น โรงกลั่นจะลดกำลังการกลั่นลง และเมื่อปริมาณ น้ำมันในตลาดลดลง ราคาน้ำมันสำเร็จรูปจะแข็งตัวขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสูงขึ้นของปริมาณน้ำมัน ในตลาดและมีผลให้ราคาลดลงในที่สุด เป็นวัฏจักรสลับกันไปมา
ความสามารถในการกลั่นและความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซีย
หน่วย : ล้านบาร์เรลต่อวัน
2540 2541 2541
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4
ความสามารถในการกลั่น - 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44
- จีน - 4.02 4.02 4.02 4.02 4.02
- ญี่ปุ่น - 6.44 6.44 6.44 6.44 6.44
- เกาหลีใต้ - 2.92 2.92 2.92 2.92 2.92
- อินเดีย - 1.18 1.18 1.18 1.18 1.18
- สิงคโปร์ - 1.54 1.54 1.54 1.54 1.54
- อื่นๆ - 4.35 4.35 4.35 4.35 4.35
ความต้องการใช้ 18.56 18.17 18.76 17.72 17.59 18.28
- จีน 3.96 3.95 3.91 4.18 3.92 3.64
- ญี่ปุ่น 5.71 5.53 6.1 4.97 5.23 5.78
- เกาหลีใต้ 2.27 1.95 1.98 1.82 1.79 2.11
- อินเดีย 1.76 1.83 1.85 1.81 1.74 1.9
- อื่นๆ 4.86 4.92 4.92 4.95 4.91 4.84
กำลังการกลั่นส่วนเกิน - 2.27 1.68 2.72 2.86 2.17
ค่าการกลั่น * ($/lbbl) 0.4 -0.09 -0.23 0.4 -0.89 0.36
* หมายเหตุ: (1) ไม่รวมกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
(2) * : เฉพาะ Topping/Reforming และเป็นน้ำมันดิบดูไบ
ในไตรมาสแรกของปี 2541 ความต้องการใช้น้ำมันในเอเซียอยู่ในระดับ 18.76 ล้านบาร์เรล ต่อวัน ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เป็นผลจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเงินของประเทศในแถบเอเซีย นอกจากนี้อากาศที่อุ่นก็ทำให้ความต้องการใช้น้ำมัน เพื่อความอบอุ่นไม่สูงเช่นทุกปีที่ผ่านมา ทางด้านการผลิตในไตรมาสนี้ จากการที่ราคาน้ำมันดิบถูกลง ทำให้โรงกลั่นเร่งผลิตน้ำมันสำเร็จรูป ตลาดน้ำมันจึงประสบภาวะน้ำมันล้นตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ ได้ปรับตัวลดลง $ 2-4 ต่อบาร์เรล ตามแต่ชนิดผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีก่อนหน้านี้ ค่าการกลั่นในไตรมาสนี้ ติดลบอยู่ในระดับ $ 0.23 ต่อบาร์เรล
ในไตรมาสที่สอง ความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซียได้อ่อนตัวลง 1.04 ล้าน บาร์เรลต่อวัน เนื่องมาจากการเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อความอบอุ่นลดลง ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำมันล้นตลาด และทำให้ปริมาณน้ำมันสำรองของกลุ่มนี้ขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาน้ำมันก๊าดและดีเซลอ่อนตัวลงในระดับ $ 0.5-1.0 ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันเบนซินได้แข็งตัวขึ้นมา $ 1 ต่อ บาร์เรล เนื่องจากความต้องการเพื่อการขับขี่รถยนต์ที่สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ราคาน้ำมันเตาในไตรมาสนี้ อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากมีความต้องการสำหรับเป็นวัตถุดิบ ในช่วงต้นไตรมาสที่โรงกลั่นได้ลดปริมาณการกลั่นลง ราคาน้ำมันเบนซินที่แข็งตัวขึ้น ทำให้ค่าการกลั่นในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้น อยู่ในระดับ $ 0.40 ต่อบาร์เรล
ในไตรมาสที่สามความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศในเอเซีย ทรงตัวอยู่ในระดับ 17.59 ล้านบาร์เรลต่อวัน ค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่สอง ทำให้โรงกลั่นเพิ่มปริมาณการกลั่นให้สูงขึ้น ผลที่ตามมาทำให้มีน้ำมันสำเร็จรูปออกสู่ตลาดมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณสำรองทางการค้ามีระดับสูงอยู่แล้ว ราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเตาในไตรมาสนี้ จึงอ่อนตัวลงในระดับ $ 1-3 ต่อบาร์เรล มีเพียงน้ำมันก๊าด ที่ราคาอยู่ในระดับทรงตัว ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันก๊าดผูกติดกับราคาน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งในไตรมาสนี้ความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินได้สูงขึ้น การเพิ่มปริมาณการกลั่นทำให้น้ำมันล้นตลาด และได้ส่งผลให้ ค่าการกลั่นลดลงอีกครั้ง ลงมาอยู่ในระดับติดลบที่ $ 0.89 ต่อบาร์เรล แต่การลดกำลังกลั่นลง ได้ส่งผลให้ค่าการกลั่นดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส
ในไตรมาสที่สี่ค่าการกลั่นที่ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่แล้ว และการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อความอบอุ่นที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ทำให้โรงกลั่นในแถบเอเซียได้เพิ่มกำลังการกลั่น ส่งผลให้มีน้ำมันสำเร็จรูปออกมาสู่ตลาดมากขึ้น แต่ทางด้านความต้องการใช้ แม้จะเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ เนื่องจากอากาศที่อุ่นกว่าปกติและประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจในเอเซียยังไม่ ฟื้นตัว นอกจากนี้ในไตรมาสนี้จีนได้ห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันดีเซล เพื่อเป็นการช่วยเหลือโรงกลั่นในประเทศระบายน้ำมันสำรอง และลดค่าใช้จ่ายในการถือสำรอง แม้ความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาสนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 18.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ปริมาณน้ำมันในตลาดและปริมาณสำรองทางการค้า ที่มากกว่าความต้องการ ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันทุกชนิดปรับตัวลดลงหมด ราคาน้ำมันเบนซิน ก๊าด ดีเซล และเตาลดลง $ 1.2, $ 0.7, $ 0.9 และ $ 1.2 ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์
หน่วย : เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 97 25.4 18.14 19.25 20.11 17.16 16.04
เบนซินออกเทน 98 23.87 16.27 17.42 18.23 15.35 14.09
ก๊าด 24.95 16.33 16.96 16.49 16.24 15.61
ดีเซลหมุนเร็ว 24.23 15.41 17.02 16.12 14.64 13.86
เตา (2%S) 16.69 11.32 10.58 11.9 10.99 11.83
เตา (3.5%S) 15.98 10.68 9.95 11.07 10.29 11.4
2.1.3 ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
ในปี 2541 ที่ผ่านมา แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงถึง 18 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยอยู่ ในระดับเฉลี่ย 41.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันสูงขึ้นจากส่วนนี้ แต่ราคาน้ำมันใน ตลาดโลกที่อ่อนตัวลงในระดับ $ 7-9 ต่อบาร์เรล ก็ได้ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันโดยรวมของไทยลดลง ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจึงอ่อนตัวลงจากปีก่อนหน้า 27 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซินแม้ว่าต้นทุนจากผลของค่าเงินบาท และราคาตลาดโลกไม่สูงขึ้น แต่ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้น 1.13|1.40 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐได้ขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาท/ลิตร เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
ในไตรมาสแรกของปี 2541 แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงจากช่วงปลายปีประมาณ 2 บาท/เหรียญสหรัฐ โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ 47.10 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงในระดับ $ 2-4 ต่อเหรียญสหรัฐ ก็ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันของไทยถูกลง ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวลดลง 43 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซินต้นทุนราคาน้ำมันที่ถูกลง ได้ถูกชดเชยด้วยการขึ้นภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น 19 สตางค์/ลิตร ในไตรมาสนี้
ในไตรมาสที่สอง ค่าเงินบาทได้แข็งตัวขึ้นถึง 6.6 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อยู่ในระดับ 40.5 บาท/เหรียญสหรัฐ เมื่อเสริมกับการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวลงถึง 1.45 บาท/ลิตร และต้นทุนที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นได้มีอิทธิพลมากกว่าต้นทุนที่ สูงขึ้นจากการแข็งตัวของราคาเบนซินในตลาดโลก ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลง 27-47 สตางค์/ลิตร
ในไตรมาสที่สาม ค่าเงินบาทอยู่ในระดับทรงตัวแต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ปรับลดลง 66-79 สตางค์/ลิตร
ในไตรมาสสุดท้าย ค่าเงินบาทของไทยได้แข็งตัวขึ้นอีก 4.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อยู่ในระดับเฉลี่ย 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และเมื่อรวมผลของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงกว่า $ 2 ต่อบาร์เรล มีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยได้ปรับตัวลดลงในระดับ 0.56-1.04 บาท/ลิตร
ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของไทย
หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 10.48 11.86 12.63 12.36 11.69 10.77
เบนซินออกเทน 91 10.09 11.2 12.19 11.72 10.96 9.93
เบนซินออกเทน 87 - 10.5 - 11.45 10.54 9.51
ดีเซลหมุนเร็ว 9.48 9.19 10.87 9.42 8.64 7.82
2.1.4 ค่าการตลาดและค่าการกลั่น
ปี 2541 การแข่งขันในตลาดน้ำมันมีความรุนแรงมาก อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 2 | 3 ปีที่ผ่านมา จากปี 2538 จำนวน 8,014 แห่ง เพิ่มเป็น 14,044 แห่ง ในปี 2541 ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศกลับลดลง จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ในประเทศมีมากเกินความต้องการ ทำให้มีน้ำมันเหลือต้องส่งออก ซึ่งราคาส่งออกน้ำมันมีแนวโน้มจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาในประเทศ เพราะความต้องการน้ำมันในภูมิภาคนี้ถูกจำกัดลง การจำหน่ายในประเทศย่อมดีกว่าการส่งออก ทำให้บริษัทเอสโซ่ฯ ซึ่งเป็นทั้งโรงกลั่นและผู้ค้าส่งน้ำมัน จึงได้นำนโยบายทางด้านราคามาเป็นกลยุทธในธุรกิจค้าปลีก ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ของประเทศอยู่ในระดับ 1.2930 บาท/ลิตร ส่วนค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 0.7672 บาท/ลิตร
ในไตรมาสแรกของปี 2541 ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม พร้อมกับการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันของไทยลดลงอย่างรวดเร็ว การทยอยปรับลดราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันในช่วงนี้ ได้เป็นการทยอยปรับลงครั้งละไม่เกิน 30 สตางค์/ลิตร ทั้งนี้ เพื่อชดเชยกับช่วงที่ทยอยปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2540 ซึ่งปรับขึ้นต่ำกว่าต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้น การทยอยปรับลดลงทำให้ระดับเฉลี่ยค่าการตลาดในไตรมาสนี้อยู่ในระดับสูงที่ 1.6329 บาท/ลิตร
ในไตรมาสที่สอง การปรับราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน ที่เปลี่ยนไป ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันในไตรมาสนี้ จึงอยู่ในระดับปกติ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.3789 บาท/ลิตร
ในครึ่งหลังของปี 2541 บริษัท เอสโซ่ฯ ได้นำนโยบายทางด้านราคามาเป็นกลยุทธในธุรกิจ ค้าปลีก โดยปรับราคาขึ้นในระดับต่ำและช้าสุด และปรับลดลงในระดับมากและเร็วที่สุด ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ จำเป็นต้องเดินตามกลยุทธดังกล่าว เพราะไม่ต้องการสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาด ผลของการปรับราคาขายปลีกในลักษณะดังกล่าว ทำให้ค่าการตลาดในไตรมาสที่สามและสี่นี้ได้ลงมาอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.1139 และ 0.9449 บาท/ลิตร ตามลำดับ
ในปี 2541 ที่ผ่านมา ธุรกิจการกลั่นอยู่ในภาวะที่ตกต่ำต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากกำลังการกลั่นในแถบเอเซียมีมากกว่าความต้องการใช้ ค่าการกลั่นในปีนี้จึงยังคงอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ยทั้งปี อยู่ในระดับ 0.7672 บาท/ลิตร โดยค่าการกลั่นไตรมาสที่ 1-4 อยู่ในระดับ 0.9193, 0.8742, 0.5531 และ 0.7223 บาท/ลิตร ตามลำดับ
ค่าการตลาด
หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 1.494 1.703 1.849 1.653 1.717 1.591
เบนซินออกเทน 87-91 1.578 1.734 2.131 1.708 1.683 1.401
ดีเซลหมุนเร็ว 1.053 1.163 1.523 1.327 0.981 0.808
เฉลี่ย 1.141 1.293 1.633 1.379 1.114 0.945
ค่าการกลั่น หน่วย : บาทต่อลิตร
ชนิดน้ำมัน 2540 2541 2541
ไตรมาส1 ไตรมาส2 ไตรมาส3 ไตรมาส4
เบนซินออกเทน 95 0.895 0.915 1.111 1.089 0.656 0.805
เบนซินออกเทน 87-91 0.837 0.798 0.982 0.957 0.567 0.685
ดีเซลหมุนเร็ว 0.873 0.807 1.019 0.913 0.577 0.721
เตา 0.619 0.605 0.676 0.679 0.435 0.628
เฉลี่ย 0.792 0.767 0.919 0.874 0.553 0.722
2.2 สถานการณ์การผลิต การใช้และการนำเข้าพลังงานเชิงพาณิชย์
ปี 2541 นับเป็นปีที่ประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง โดยประเทศได้เผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาความมั่นคงของสถาบันการเงิน หนี้ต่างประเทศ และเสถียรภาพค่าเงินบาท เป็นเหตุให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปิดกิจการและบางแห่งต้องลดกำลังการผลิตและมีการปลดพนักงานออก ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบถึงร้อยละ 8
ความต้องการพลังงานเชิงพาณิชย์ของประเทศในปี 2541 ลดลงร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับปี 2540 การผลิตลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้การนำเข้าลดลงร้อยละ 12.8 สัดส่วนการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ลดลงจากร้อยละ 60.6 ในปี 2540 เหลือร้อยละ 57.1
การผลิต การใช้และการนำเข้าพลังงานเชิงพาณิชย์ (1)
หน่วย : เทียบเท่าพันบาร์เรลน้ำมันดิบ/วัน
รายการ 2540 2541 การเปลี่ยนแปลง (%)
2539 2540 2541
การใช้ (2) 1175.7 1089.2 11.2 4.9 -7.4
การผลิต 523.4 522.8 14.6 16.3 -0.1
การนำเข้า (สุทธิ) 712.5 621.3 14.9 -3 -12.8
การเปลี่ยนแปลงสต็อก 22.6 16.3 - - -
การใช้ที่ไม่เป็นพลังงาน (Non-Energy use) 37.6 39.8 14 45.5 5.8
การนำเข้า/การใช้ (%) 60.6 57.1
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) -0.4 -8
(1) พลังงานเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ คอนเดนเสท ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ไฟฟ้าจากพลังน้ำ และถ่านหิน/ลิกไนต์
(2) การใช้ไม่รวมการเปลี่ยนแปลงสต็อก และการใช้ที่ไม่เป็นพลังงาน (Non-Energy use)ได้แก่ การใช้ยางมะตอย NGL Condensate LPG และ Naptha เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
--สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ--
-ยก-