กรุงเทพ--1 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่นาย Pascal Couchepin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เดินทางมาเยือนไทย ระหว่างวันที่ 2-7 สิงหาคม ศกนี้ นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น ได้สรุปผลการเยือนดังกล่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในสวิตเซอร์แลนด์ ดังต่อไปนี้
1. การเข้าเฝ้าฯ และการเข้าพบบุคคลสำคัญต่าง ๆ
ในระหว่างการเยือน นาย Couchepin ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สื่อมวลชนสวิสเห็นว่าเป็นโอกาสที่พิเศษยิ่ง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นที่เทิดทูนและเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวไทยและทรงเจริญพระชันษาศึกษาในสวิตฯ มาก่อน ซึ่งโดยปกติแขกต่างประเทศที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้าจะเป็นระดับประมุขของประเทศ สำหรับการพบปะหารือกับผู้นำของไทย นั้น ฝ่ายสวิสมีความประทับใจในการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฝ่ายไทย ในฐานะที่เป็นแขกของ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ซึ่งสื่อมวลชนสวิสเห็นว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสอันดีที่อาจจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก และเห็นว่าเป็นโอกาสที่ทำให้ได้รับทราบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการคลังของไทย รวมทั้งติดตามเกี่ยวกับนโยบายเปิดเสรีทางการค้าของประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ นักธุรกิจชั้นนำของสวิสที่ร่วมเดินทางมาเยือนไทยกับนาย Couchepin จำนวน 18 ราย เห็นว่า การได้มีโอกาสร่วมคณะไปกับรัฐมนตรี Couchepin นับเป็นโอกาสอันสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูให้นักธุรกิจเหล่านี้สามารถขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะช่วยปูพื้นฐานสร้างการติดต่อระหว่างนักธุรกิจสวิสกับนักธุรกิจในภูมิภาคนี้ต่อไป
2. ประเด็นที่เป็นผลจากการหารือกับฝ่ายไทย
2.1 ภาวะเศรษฐกิจไทยและผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสวิตฯ หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ในสวิตฯ ต่างรายงานว่า นาย Couchepin ได้ยืนยันว่า สวิตเซอร์แลนด์จะยังคงอยู่เคียงข้างกับฝ่ายไทยในช่วงที่ไทยกำลังฝ่าฟันกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ความสนใจของสวิตเซอร์แลนด์ต่อประเทศไทยทั้งในส่วนของภาครัฐบาลและภาคเอกชนจะไม่ลดลง และนาย Couchepin เชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นกับไทยเช่นนี้จะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น และมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินอยู่จะช่วยให้ไทยเอาชนะวิกฤตการณ์นี้ไปได้ ทั้งนี้ สื่อมวลชนสวิสมีความเห็นว่า แม้ว่าวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในไทยจะยังคงมีอยู่ แต่นักธุรกิจรายใหญ่ของสวิสต่างก็เชื่อมั่นว่า สภาพการณ์เช่นนี้เป็นสภาวะชั่วคราวเท่านั้น และสาระ (Message) ที่ฝ่ายสวิสได้รับจากผู้กำหนดนโยบายไทยในการเยือนครั้งนี้คือประเทศไทยกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากสภาพเสือที่กำลังป่วย (Sick tiger) สำหรับในด้านความสัมพันธ์เศรษฐกิจทวิภาคีกับไทยนั้น รัฐมนตรี Couchepin ให้ความเห็นว่าไทยและสวิตฯ มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันในทุกเรื่อง และในโอกาสที่พบปะกับผู้นำของไทย ก็ได้ยืนยันต่อฝ่ายไทยว่า แม้ว่านักลงทุนสวิสจะมีลักษณะที่ค่อนข้างมีความระมัดระวัง แต่ก็เป็นหุ้นส่วนที่สามารถไว้วางใจได้ โดยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ นักลงทุนสวิสจะไม่ทอดทิ้งหุ้นส่วนของตนไปที่อื่น ซึ่งนาย Couchepin ก็ได้กล่าวย้ำท่าทีเช่นนี้อีกครั้งหนึ่งในโอกาสที่ได้พบปะกับนักธุรกิจสวิสที่ประกอบการในไทยในระหว่างการเยือนด้วย อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนสวิสเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับไทยจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและสวิส เนื่องจากไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสวิตฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์
2.2 การส่งออกสินค้านาฬิกามายังประเทศไทย สวิตฯ ให้ความสนใจอย่างมากกับการส่งออกนาฬิกาและส่วนประกอบมายังไทยซึ่งเป็นสินค้ามีมูลค่าสูง ซึ่งทั้งสวิตฯ และไทยต่างส่งออกและนำเข้าซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริษัทสวิสคือ SMH ได้เปิดโรงงานในประเทศไทยเพื่อผลิตชิ้นส่วนก่อนจะส่งออกไปประกอบตัวเรือนในสวิตฯ นาย Couchepin เห็นว่า เป็นตัวอย่างที่ดีแสดงให้เห็นถึงการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งต่างก็เกื้อกูลต่อผลประโยชน์ต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนสวิสมีความเห็นว่า น่าจะมีการกวดขันควบคุมการลอกเลียนแบบและปลอมแปลงผลิตภัณฑ์นาฬิกาสวิสยี่ห้อดังต่าง ๆ และฝ่ายสวิสมีความกังวลต่อการที่รัฐบาลไทยประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้านาฬิกาหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกสินค้าประเภทนี้จากสวิตฯ มายังไทย ฝ่ายสวิสจึงต้องการที่ขอให้ไทยลดภาษีนำเข้าสินค้านาฬิกา เพื่อที่สวิสจะยังสามารถรักษายอดส่งออกไว้ได้อย่างน้อยเท่ากับที่ผ่านมา
2.3 ธุรกิจสวิสอื่น ๆ ในไทย สวิตฯ เห็นว่าอุตสาหกรรมสวิสที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจของไทย คืออุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เพราะมูลค่าการส่งออกมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย ได้ลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ประมาณ 22 % ธุรกิจประเภทอื่น ๆ ของบริษัทขนาดใหญ่ของสวิส เช่น ABB ก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมและธุรกิจที่ต้องอาศัยวัตถุดิบภายในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศกลับมีรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไปและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างมาก เช่น ธุรกิจของบริษัท Nestle ทั้งนี้ การลงทุนของสวิสในไทยที่สำคัญ คือ บริษัท SIG Combi Block ซึ่งผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับของเหลวชนิดต่าง ๆ และบริษัท Novartis Nutrition ซึ่งผลิตเครื่องดื่ม Ovomaltine (โอวัลติน) ซึ่งโรงงานในประเทศไทยเป็นโรงงานในต่างประเทศของบริษัทฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2.4 การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ สื่อมวลชนสวิสให้ความสำคัญต่อความคืบหน้าของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของไทย การปฏิรูปกฏหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร และโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าไปถือหุ้นกิจการในประเทศไทย สื่อมวลชนสวิสรายงานว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยได้เร่งรัดให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างจริงจัง ฯพณฯ ดร.ศุภชัย ฯ ได้เน้นแก่ฝ่ายสวิสว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น และบริษัทการบินไทยจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่จะได้รับการแปรรูป ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลไทยจะให้โอกาสแก่ประชาชนไทยในการซื้อหุ้นบริษัทฯ แต่ก็จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าไปถือหุ้นได้ไม่เกิน 30% ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นผลดีต่อธุรกิจการบินของสวิส คือสายการบินสวิสแอร์ ซึ่งได้แสดงความสนใจอย่างแข็งขันที่จะเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจการบินในเอเชีย นอกเหนือไปจากการลงนามความตกลงเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับสายการบินของมาเลเซียเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ส่วนในเรื่องกฏหมายด้านสิทธิบัตรนั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนของบริษัทสวิสในด้านเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธุรกิจสวิสขนาดใหญ่ในไทย
2.5 อื่น ๆ สื่อมวลชนสวิสเห็นว่า ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจของชาวสวิสอย่างมาก คนสวิสพำนักอาศัยในไทยประมาณ 2,600 คน และยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปไทยมากกว่า 100,000 คน ในแต่ละปี รวมทั้งนาย Couchepin เองก็เคยเดินทางไปไทยเป็นการส่วนตัวมาแล้วหลายครั้ง
สำหรับฝ่ายไทยเองนั้น สื่อมวลชนสวิสได้รายงานว่า ฯพณฯ ดร.ศุภชัยฯ ได้แสดงความประทับใจอย่างมากต่อการไปเยือนไทยของรัฐมนตรี Couchepin เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาผู้นำรัฐบาลหรือระดับรัฐมนตรีจากยุโรปมักมิค่อยเดินทางออกต่างประเทศมากนัก และการไปเยือนไทยครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่เหมาะสมโดยเฉพาะในด้านการลงทุน ซึ่งประเทศไทยกำลังมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยแก่นักลงทุนต่างชาติ
3. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์นได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเดินทางมาไทยของนาย Couchepin ว่าได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนสวิสอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของนาย Couchepin ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของเอเชียยังไม่คลี่คลายลงไป ซึ่งเป็นประเด็นได้รับความสนใจติดตามจากสื่อมวลชนสวิสมาโดยตลอด เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่ของสวิสต่างเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดกลางของสวิสฯ เริ่มให้ความสำคัญกับการขยายตลาดและการเข้าไปลงทุนในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ดังนั้น การเดินทางมาเยือนไทยของระดับผู้นำสวิสเช่นนี้ จึงน่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้นักธุรกิจสวิสมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในไทยมากขึ้น และมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดานักธุรกิจสวิสได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อมวลชนสวิส มีสาระที่ย้ำว่ารัฐบาลสวิสที่พร้อมจะยืนเคียงข้างไทยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้ และให้ความสำคัญต่อความจริงจังของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะมีผลในเชิงบวกต่อการเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดานักธุรกิจสวิสที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทยและดำเนินธุรกิจในด้านอื่นๆ อีกทั้งช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีและใกล้ชิดในหมู่ประชาชนชาวสวิสต่อชาวไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
ตามที่นาย Pascal Couchepin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เดินทางมาเยือนไทย ระหว่างวันที่ 2-7 สิงหาคม ศกนี้ นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น ได้สรุปผลการเยือนดังกล่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในสวิตเซอร์แลนด์ ดังต่อไปนี้
1. การเข้าเฝ้าฯ และการเข้าพบบุคคลสำคัญต่าง ๆ
ในระหว่างการเยือน นาย Couchepin ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สื่อมวลชนสวิสเห็นว่าเป็นโอกาสที่พิเศษยิ่ง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นที่เทิดทูนและเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวไทยและทรงเจริญพระชันษาศึกษาในสวิตฯ มาก่อน ซึ่งโดยปกติแขกต่างประเทศที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้าจะเป็นระดับประมุขของประเทศ สำหรับการพบปะหารือกับผู้นำของไทย นั้น ฝ่ายสวิสมีความประทับใจในการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฝ่ายไทย ในฐานะที่เป็นแขกของ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ซึ่งสื่อมวลชนสวิสเห็นว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสอันดีที่อาจจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก และเห็นว่าเป็นโอกาสที่ทำให้ได้รับทราบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการคลังของไทย รวมทั้งติดตามเกี่ยวกับนโยบายเปิดเสรีทางการค้าของประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ นักธุรกิจชั้นนำของสวิสที่ร่วมเดินทางมาเยือนไทยกับนาย Couchepin จำนวน 18 ราย เห็นว่า การได้มีโอกาสร่วมคณะไปกับรัฐมนตรี Couchepin นับเป็นโอกาสอันสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูให้นักธุรกิจเหล่านี้สามารถขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะช่วยปูพื้นฐานสร้างการติดต่อระหว่างนักธุรกิจสวิสกับนักธุรกิจในภูมิภาคนี้ต่อไป
2. ประเด็นที่เป็นผลจากการหารือกับฝ่ายไทย
2.1 ภาวะเศรษฐกิจไทยและผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสวิตฯ หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ในสวิตฯ ต่างรายงานว่า นาย Couchepin ได้ยืนยันว่า สวิตเซอร์แลนด์จะยังคงอยู่เคียงข้างกับฝ่ายไทยในช่วงที่ไทยกำลังฝ่าฟันกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ความสนใจของสวิตเซอร์แลนด์ต่อประเทศไทยทั้งในส่วนของภาครัฐบาลและภาคเอกชนจะไม่ลดลง และนาย Couchepin เชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นกับไทยเช่นนี้จะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น และมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินอยู่จะช่วยให้ไทยเอาชนะวิกฤตการณ์นี้ไปได้ ทั้งนี้ สื่อมวลชนสวิสมีความเห็นว่า แม้ว่าวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในไทยจะยังคงมีอยู่ แต่นักธุรกิจรายใหญ่ของสวิสต่างก็เชื่อมั่นว่า สภาพการณ์เช่นนี้เป็นสภาวะชั่วคราวเท่านั้น และสาระ (Message) ที่ฝ่ายสวิสได้รับจากผู้กำหนดนโยบายไทยในการเยือนครั้งนี้คือประเทศไทยกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากสภาพเสือที่กำลังป่วย (Sick tiger) สำหรับในด้านความสัมพันธ์เศรษฐกิจทวิภาคีกับไทยนั้น รัฐมนตรี Couchepin ให้ความเห็นว่าไทยและสวิตฯ มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันในทุกเรื่อง และในโอกาสที่พบปะกับผู้นำของไทย ก็ได้ยืนยันต่อฝ่ายไทยว่า แม้ว่านักลงทุนสวิสจะมีลักษณะที่ค่อนข้างมีความระมัดระวัง แต่ก็เป็นหุ้นส่วนที่สามารถไว้วางใจได้ โดยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ นักลงทุนสวิสจะไม่ทอดทิ้งหุ้นส่วนของตนไปที่อื่น ซึ่งนาย Couchepin ก็ได้กล่าวย้ำท่าทีเช่นนี้อีกครั้งหนึ่งในโอกาสที่ได้พบปะกับนักธุรกิจสวิสที่ประกอบการในไทยในระหว่างการเยือนด้วย อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนสวิสเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับไทยจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและสวิส เนื่องจากไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสวิตฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์
2.2 การส่งออกสินค้านาฬิกามายังประเทศไทย สวิตฯ ให้ความสนใจอย่างมากกับการส่งออกนาฬิกาและส่วนประกอบมายังไทยซึ่งเป็นสินค้ามีมูลค่าสูง ซึ่งทั้งสวิตฯ และไทยต่างส่งออกและนำเข้าซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริษัทสวิสคือ SMH ได้เปิดโรงงานในประเทศไทยเพื่อผลิตชิ้นส่วนก่อนจะส่งออกไปประกอบตัวเรือนในสวิตฯ นาย Couchepin เห็นว่า เป็นตัวอย่างที่ดีแสดงให้เห็นถึงการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งต่างก็เกื้อกูลต่อผลประโยชน์ต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนสวิสมีความเห็นว่า น่าจะมีการกวดขันควบคุมการลอกเลียนแบบและปลอมแปลงผลิตภัณฑ์นาฬิกาสวิสยี่ห้อดังต่าง ๆ และฝ่ายสวิสมีความกังวลต่อการที่รัฐบาลไทยประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้านาฬิกาหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกสินค้าประเภทนี้จากสวิตฯ มายังไทย ฝ่ายสวิสจึงต้องการที่ขอให้ไทยลดภาษีนำเข้าสินค้านาฬิกา เพื่อที่สวิสจะยังสามารถรักษายอดส่งออกไว้ได้อย่างน้อยเท่ากับที่ผ่านมา
2.3 ธุรกิจสวิสอื่น ๆ ในไทย สวิตฯ เห็นว่าอุตสาหกรรมสวิสที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจของไทย คืออุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เพราะมูลค่าการส่งออกมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย ได้ลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ประมาณ 22 % ธุรกิจประเภทอื่น ๆ ของบริษัทขนาดใหญ่ของสวิส เช่น ABB ก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมและธุรกิจที่ต้องอาศัยวัตถุดิบภายในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศกลับมีรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไปและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างมาก เช่น ธุรกิจของบริษัท Nestle ทั้งนี้ การลงทุนของสวิสในไทยที่สำคัญ คือ บริษัท SIG Combi Block ซึ่งผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับของเหลวชนิดต่าง ๆ และบริษัท Novartis Nutrition ซึ่งผลิตเครื่องดื่ม Ovomaltine (โอวัลติน) ซึ่งโรงงานในประเทศไทยเป็นโรงงานในต่างประเทศของบริษัทฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2.4 การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ สื่อมวลชนสวิสให้ความสำคัญต่อความคืบหน้าของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของไทย การปฏิรูปกฏหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร และโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าไปถือหุ้นกิจการในประเทศไทย สื่อมวลชนสวิสรายงานว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยได้เร่งรัดให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างจริงจัง ฯพณฯ ดร.ศุภชัย ฯ ได้เน้นแก่ฝ่ายสวิสว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น และบริษัทการบินไทยจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่จะได้รับการแปรรูป ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลไทยจะให้โอกาสแก่ประชาชนไทยในการซื้อหุ้นบริษัทฯ แต่ก็จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าไปถือหุ้นได้ไม่เกิน 30% ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นผลดีต่อธุรกิจการบินของสวิส คือสายการบินสวิสแอร์ ซึ่งได้แสดงความสนใจอย่างแข็งขันที่จะเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจการบินในเอเชีย นอกเหนือไปจากการลงนามความตกลงเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับสายการบินของมาเลเซียเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ส่วนในเรื่องกฏหมายด้านสิทธิบัตรนั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนของบริษัทสวิสในด้านเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธุรกิจสวิสขนาดใหญ่ในไทย
2.5 อื่น ๆ สื่อมวลชนสวิสเห็นว่า ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจของชาวสวิสอย่างมาก คนสวิสพำนักอาศัยในไทยประมาณ 2,600 คน และยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปไทยมากกว่า 100,000 คน ในแต่ละปี รวมทั้งนาย Couchepin เองก็เคยเดินทางไปไทยเป็นการส่วนตัวมาแล้วหลายครั้ง
สำหรับฝ่ายไทยเองนั้น สื่อมวลชนสวิสได้รายงานว่า ฯพณฯ ดร.ศุภชัยฯ ได้แสดงความประทับใจอย่างมากต่อการไปเยือนไทยของรัฐมนตรี Couchepin เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาผู้นำรัฐบาลหรือระดับรัฐมนตรีจากยุโรปมักมิค่อยเดินทางออกต่างประเทศมากนัก และการไปเยือนไทยครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่เหมาะสมโดยเฉพาะในด้านการลงทุน ซึ่งประเทศไทยกำลังมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยแก่นักลงทุนต่างชาติ
3. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์นได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเดินทางมาไทยของนาย Couchepin ว่าได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนสวิสอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของนาย Couchepin ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของเอเชียยังไม่คลี่คลายลงไป ซึ่งเป็นประเด็นได้รับความสนใจติดตามจากสื่อมวลชนสวิสมาโดยตลอด เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่ของสวิสต่างเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดกลางของสวิสฯ เริ่มให้ความสำคัญกับการขยายตลาดและการเข้าไปลงทุนในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ดังนั้น การเดินทางมาเยือนไทยของระดับผู้นำสวิสเช่นนี้ จึงน่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้นักธุรกิจสวิสมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในไทยมากขึ้น และมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดานักธุรกิจสวิสได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อมวลชนสวิส มีสาระที่ย้ำว่ารัฐบาลสวิสที่พร้อมจะยืนเคียงข้างไทยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้ และให้ความสำคัญต่อความจริงจังของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะมีผลในเชิงบวกต่อการเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่บรรดานักธุรกิจสวิสที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทยและดำเนินธุรกิจในด้านอื่นๆ อีกทั้งช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีและใกล้ชิดในหมู่ประชาชนชาวสวิสต่อชาวไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--