1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
กองทุนอ้อยฯ เสนอรัฐบาลขึ้นราคาน้ำตาลแก้ปัญหาภาระหนี้ 8 พันล้าน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า หลังจากโรงงานน้ำตาลปิดหีบอ้อยปีการผลิต 2541/42 กองทุนมีภาระทางด้านการเงินที่ต้องรับผิดชอบ 3 เรื่องใหญ่ คือ
1) เงินชดเชยส่วนต่างราคาให้กับโรงงานน้ำตาลในกรณีราคาอ้อยขั้นสุดท้ายต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท
2) หนี้เงินกู้ชาวไร่อ้อยที่เกิดจากการรับซื้อลดเช็คเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นปี 2541/42 ที่ ครม.อนุมัติเงินสมทบอีกตันละ 100 บาท คิดเป็นวงเงิน 3,365.4 ล้านบาท
3) การเตรียมเงินให้ชาวไร่กู้สำหรับการปลูกอ้อยปี 2542/43
โดยคาดว่ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจะต้องแบกรับเฉพาะเงินต้นยังไม่รวมดอกเบี้ยอยู่ในวงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งสภาพเงินกองทุนในขณะนี้ไม่สามารถรับภาระที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ สำนักงานกองทุนฯ เห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ รัฐบาลจะต้องตัดสินใจปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลในตลาดโลก แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ปัญหาทับถมกันหนักมากขึ้น ในขณะที่อ้อยฤดูกาลหน้าได้เริ่มปลูกกันแล้ว ซึ่งวงจรปัญหาจะวนกลับมาสู่ระบบอ้อยและน้ำตาลภายในประเทศรอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
ไม่มีรายงาน
ราคาน้ำตาลทรายดิบ
ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบ หมายเลข 4 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ ตันละ 96.60 ปอนด์สเตอลิง (กิโลกรัมละ 5.69 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 93.78 ปอนด์สเตอลิง (กิโลกรัมละ 5.53 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3.01 ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบ หมายเลข 7 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ตันละ 150.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 5.70 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 154.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 5.70 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.60
ราคาน้ำตาลทรายขาว
ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายขาว หมายเลข 5 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ตันละ 210.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 207.70 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 207.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 7.66 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 1.39
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 21 ประจำวันที่ 31 พ.ค. - 6 มิ.ย. 2542--
กองทุนอ้อยฯ เสนอรัฐบาลขึ้นราคาน้ำตาลแก้ปัญหาภาระหนี้ 8 พันล้าน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า หลังจากโรงงานน้ำตาลปิดหีบอ้อยปีการผลิต 2541/42 กองทุนมีภาระทางด้านการเงินที่ต้องรับผิดชอบ 3 เรื่องใหญ่ คือ
1) เงินชดเชยส่วนต่างราคาให้กับโรงงานน้ำตาลในกรณีราคาอ้อยขั้นสุดท้ายต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท
2) หนี้เงินกู้ชาวไร่อ้อยที่เกิดจากการรับซื้อลดเช็คเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นปี 2541/42 ที่ ครม.อนุมัติเงินสมทบอีกตันละ 100 บาท คิดเป็นวงเงิน 3,365.4 ล้านบาท
3) การเตรียมเงินให้ชาวไร่กู้สำหรับการปลูกอ้อยปี 2542/43
โดยคาดว่ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจะต้องแบกรับเฉพาะเงินต้นยังไม่รวมดอกเบี้ยอยู่ในวงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งสภาพเงินกองทุนในขณะนี้ไม่สามารถรับภาระที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ สำนักงานกองทุนฯ เห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ รัฐบาลจะต้องตัดสินใจปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลในตลาดโลก แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ปัญหาทับถมกันหนักมากขึ้น ในขณะที่อ้อยฤดูกาลหน้าได้เริ่มปลูกกันแล้ว ซึ่งวงจรปัญหาจะวนกลับมาสู่ระบบอ้อยและน้ำตาลภายในประเทศรอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
ไม่มีรายงาน
ราคาน้ำตาลทรายดิบ
ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบ หมายเลข 4 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ ตันละ 96.60 ปอนด์สเตอลิง (กิโลกรัมละ 5.69 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 93.78 ปอนด์สเตอลิง (กิโลกรัมละ 5.53 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3.01 ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบ หมายเลข 7 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ตันละ 150.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 5.70 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 154.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 5.70 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.60
ราคาน้ำตาลทรายขาว
ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายขาว หมายเลข 5 ณ ตลาดลอนดอนเฉลี่ยสัปดาห์นี้ตันละ 210.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 207.70 บาท) สูงขึ้นจากตันละ 207.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ (กิโลกรัมละ 7.66 บาท) หรือสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 1.39
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 21 ประจำวันที่ 31 พ.ค. - 6 มิ.ย. 2542--