กรุงเทพ--3 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 นายอะวิเม็ด บัททู (Mr. Avirmed Battur) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสติดตามนายกรัฐมนตรีมองโกเลียมาเยือนไทย และภายหลังการหารือ รัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้
ดังนี้
1. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวว่า มองโกเลียเป็นประเทศที่มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีดินแดนติดกับทะเล การค้าขายระหว่างสองฝ่ายจึงมีไม่มากนัก ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดการส่งออกสินค้าไปยังมองโกเลียเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านกว่าเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับมองโกเลีย ดังนั้นการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีมองโกเลียในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้เจรจาหาทางร่วมมือระหว่างกัน นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยกับกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียด้วย ซึ่งพิธีสารดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน การแลกเปลี่ยนทัศนะและข้อสนเทศ และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย
2. เนื่องจากมองโกเลียเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบมาก แต่ยังขาดแคลนสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจากการหารือในวันนี้ มองโกเลียจะอนุญาตให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนทางอุตสาหกรรมแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าแล้วส่งกลับมาขายที่ประเทศไทย ซึ่งมองโกเลียอนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์
3. ในฐานะที่มองโกเลียเป็นประเทศกำลังพัฒนา ไทยได้เสนอให้มองโกเลียนำรถปิคอัพซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตเป็นอันดับหนึ่งของโลกเข้าไปยังมองโกเลีย ทั้งนี้ ได้ทราบว่าอัตราภาษีนำเข้ารถดังกล่าวมีอัตราเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยในการขยายการเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์หรือดีทรอยท์ของเอเซียอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งในทางน้ำ มองโกเลียได้อาศัยท่าเรือของจีน ส่วนทางอากาศนั้นมองโกเลียจะมีนโยบายแลกเปลี่ยนการบินกับต่างประเทศโดยการเช่าเหมาลำ (Charter Flight) โดยจะทำกับสิงคโปร์ ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอให้มองโกเลียพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการบินดังกล่าวกับประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลาง (Hub) ของการขนส่งทางอากาศในภูมิภาคนี้เช่นกัน ซึ่งฝ่ายมองโกเลียรับพิจารณา
4. ทั้งสองฝ่ายมีการหารือเรื่องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของไทย ซึ่งมองโกเลียมีความสนใจในสินค้า OTOP มากเพราะสามารถส่งเสริมความเป็นอยู่ และดำรงวัฒนธรรมประเพณีเก่าๆ ของมองโกเลียไว้ โดยมองโกเลียจะศึกษาและนำแนวทางของ OTOP นี้ไปดำเนินการ ซึ่งไทยยินดีจะให้ความร่วมมือในด้านนี้แก่มองโกเลียอย่างเต็มที่
5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องการหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ผลการหารือนับว่าได้ประโยชน์อย่างมากโดยประเทศไทยและมองโกเลียมีโอกาสที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และในเย็นวันนี้ รัฐมนตรีฃ่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายก็จะลงนามในพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย
ภายหลังการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับนายกรัฐมนตรีของมองโกเลียที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียได้แจ้งแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยว่าประสงค์จะเชิญผู้แทนระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของไทย รวมทั้งนักธุรกิจไทยไปเยือนมองโกเลียเพื่อศึกษาลู่ทางความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับมองโกเลียต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 นายอะวิเม็ด บัททู (Mr. Avirmed Battur) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสติดตามนายกรัฐมนตรีมองโกเลียมาเยือนไทย และภายหลังการหารือ รัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้
ดังนี้
1. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวว่า มองโกเลียเป็นประเทศที่มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีดินแดนติดกับทะเล การค้าขายระหว่างสองฝ่ายจึงมีไม่มากนัก ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดการส่งออกสินค้าไปยังมองโกเลียเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านกว่าเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับมองโกเลีย ดังนั้นการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีมองโกเลียในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้เจรจาหาทางร่วมมือระหว่างกัน นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยกับกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียด้วย ซึ่งพิธีสารดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน การแลกเปลี่ยนทัศนะและข้อสนเทศ และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย
2. เนื่องจากมองโกเลียเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบมาก แต่ยังขาดแคลนสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจากการหารือในวันนี้ มองโกเลียจะอนุญาตให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนทางอุตสาหกรรมแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าแล้วส่งกลับมาขายที่ประเทศไทย ซึ่งมองโกเลียอนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์
3. ในฐานะที่มองโกเลียเป็นประเทศกำลังพัฒนา ไทยได้เสนอให้มองโกเลียนำรถปิคอัพซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตเป็นอันดับหนึ่งของโลกเข้าไปยังมองโกเลีย ทั้งนี้ ได้ทราบว่าอัตราภาษีนำเข้ารถดังกล่าวมีอัตราเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยในการขยายการเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์หรือดีทรอยท์ของเอเซียอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งในทางน้ำ มองโกเลียได้อาศัยท่าเรือของจีน ส่วนทางอากาศนั้นมองโกเลียจะมีนโยบายแลกเปลี่ยนการบินกับต่างประเทศโดยการเช่าเหมาลำ (Charter Flight) โดยจะทำกับสิงคโปร์ ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอให้มองโกเลียพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการบินดังกล่าวกับประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยก็เป็นศูนย์กลาง (Hub) ของการขนส่งทางอากาศในภูมิภาคนี้เช่นกัน ซึ่งฝ่ายมองโกเลียรับพิจารณา
4. ทั้งสองฝ่ายมีการหารือเรื่องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของไทย ซึ่งมองโกเลียมีความสนใจในสินค้า OTOP มากเพราะสามารถส่งเสริมความเป็นอยู่ และดำรงวัฒนธรรมประเพณีเก่าๆ ของมองโกเลียไว้ โดยมองโกเลียจะศึกษาและนำแนวทางของ OTOP นี้ไปดำเนินการ ซึ่งไทยยินดีจะให้ความร่วมมือในด้านนี้แก่มองโกเลียอย่างเต็มที่
5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องการหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ผลการหารือนับว่าได้ประโยชน์อย่างมากโดยประเทศไทยและมองโกเลียมีโอกาสที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และในเย็นวันนี้ รัฐมนตรีฃ่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายก็จะลงนามในพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย
ภายหลังการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับนายกรัฐมนตรีของมองโกเลียที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลียได้แจ้งแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยว่าประสงค์จะเชิญผู้แทนระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของไทย รวมทั้งนักธุรกิจไทยไปเยือนมองโกเลียเพื่อศึกษาลู่ทางความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับมองโกเลียต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-