กรุงเทพ--20 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. การเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนาย ลี เซียน ลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรี นายจอร์จ เยียว (George Yeo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเตียว ชี เฮียน (Teo Chee Hean) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้มีการหารืออย่างครบวงจรในประเด็นความร่วมมือไทย-สิงคโปร์ในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ เป็นไปด้วยดีไม่มีปัญหาระหว่างกัน และสองฝ่ายควรร่วมกันมีบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ในอาเซียน เพื่อให้อาเซียนสามารถรวมตัวกันเป็นประชาคมเดียวกันได้เร็วขึ้น ก่อนกำหนดในปี ค.ศ. 2020
2. ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นการต่อต้านการก่อการร้าย การส่งเสริมบทบาทของมุสลิมสายกลางให้มีบทบาทในการสร้างสันติภาพมากขึ้น โดยมีการกล่าวถึง Amman Message ของกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน พร้อมกับได้หารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค อาทิ การขอให้ไทยมีบทบาทร่วมในการรักษาความปลอดภัยในช่องแคบมะละกา การจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ตามดำริของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายพลเรือน (Civil Service Exchange Programme หรือ CSEP) และการเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ไปพบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีไทยที่ภูเก็ตในเดือนกันยายนนี้ อนึ่ง ในเรื่องการบิน ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ไทยและสิงคโปร์มิใช่คู่แข่ง แต่สามารถเป็นพันธมิตรกันโดยเป็นศูนย์กลางการบินคู่กันสองศูนย์ และร่วมมือกันได้ภายใต้นโยบาย Open Sky
3. ในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก ได้มีการหารือถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน การจัดการจัดประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asian Summit - EAS) และการเจรจาการเปิดการค้าเสรี (Free Trade Area) ซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์แจ้งว่า สิงคโปร์มีความตกลง FTA กับสหรัฐอเมริกาแล้ว และเห็นว่า จะเป็นประโยชน์กับไทยและกับภูมิภาค ที่ไทยจะเจรจาทำความตกลงกับสหรัฐ ฯ ด้วย นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ความพยายามในการปฏิรูปสหประชาชาติต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เพื่อประโยชน์ของประเทศสมาชิกทั้งหมด และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ยืนยันให้การสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีในการรณรงค์ตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
4. ต่อคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับปัญหาที่พม่าจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ได้ดำเนินการประสานงานกับมิตรประเทศ ทั้งในอาเซียนและฝ่ายอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ โดยยึดสองแนวทาง คือ ต้องการให้กระบวนการปรองดองแห่งชาติ และการปฏิรูปประชาธิปไตยในพม่าดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกัน ต้องดำเนินการมิให้เรื่องการเป็นประธานอาเซียนของพม่าได้เป็นอุปสรรคของการเดินหน้าต่อไปของอาเซียน ซึ่งพม่าก็เข้าใจในข้อกังวลของอาเซียน และรับว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของอาเซียน และขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีเหตุผลที่จะสบายใจว่าปัญหาจะคลี่คลายไปด้วยดี
5. เกี่ยวกับการเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐ ฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ตอบคำถามว่า นายก รัฐมนตรีสิงคโปร์เล่าว่า ในระหว่างเจรจาก็ไม่ง่ายนัก แต่ในที่สุด ผลที่ออกมาในภาพรวม ทั้งสองฝ่าย คือสหรัฐฯ และสิงคโปร์ ต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งฝ่ายสิงคโปร์ว่า รัฐบาลไทยคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ที่มีความความอ่อนไหว และการรับฟังข้อกังวลของฝ่ายต่าง ๆ ของไทยในการเจรจา เช่น ความกังวลของผู้ป่วย HIV/AIDS กรณีผลกระทบต่อราคายารักษาโรค และความกังวลของภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งได้แจ้งให้ฝ่ายสหรัฐ ฯ ทราบแล้วระหว่างการเยือนสหรัฐ ฯ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระแสโลกกำลังเดินเข้าสู่ยุคของการค้าเสรีโดยไม่หยุดยั้ง ดังนั้น ภาคเอกชนจำเป็นต้องปรับตัวให้แข่งขันได้ ซึ่งในระยะยาวจะเป็นผลดีต่อประเทศและภาคเอกชนเอง และการเจรจาการค้าเสรีจะสามารถเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเร่งการปรับตัวดังกล่าวได้
6. ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องการแต่งตั้ง ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นเลขาธิการ United Nations Conference on Trade and Development หรือ UNCTAD ซึ่งมีบางฝ่ายเห็นว่า จะลดโอกาสที่ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ จะได้เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า เป็นเพียงความเห็นหนึ่ง แท้จริงในสหประชาชาติ ไม่มีกฎระเบียบใด ๆ จำกัดว่า ประเทศที่มีคนชาติดำรงตำแหน่งหนึ่งแล้ว จะดำรงตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่งไม่ได้ อีกทั้งตำแหน่งทั้งสองเป็นตำแหน่งคนละระดับ และวิธีการสรรหาก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เกณฑ์การพิจารณาของประเทศสมาชิกสหประชาชาติจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องนี้ แต่น่าจะเป็นประเด็นว่า วาระนี้เป็นวาระของทวีปเอเชีย และพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครมากกว่า
รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนคนไทยให้ได้ดำรงตำแหน่งในองค์การระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับ ดร.ศุภชัย ฯ ทันทีที่ได้รับทราบข่าว รวมทั้งได้แสดงความเห็นว่า ดร.ศุภชัย ฯ เป็นผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (World Trade Organisation หรือ WTO) อันเป็นเวทีหลักของเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อมารับตำแหน่งเลขาธิการ UNCTAD ก็น่าจะสามารถมีบทบาทในการนำ UNCTAD เข้าไปสู่เวทีหลักของเศรษฐกิจโลกได้ด้วย เพื่อประโยชน์ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่ง ดร.ศุภชัย ฯ ก็แจ้งว่า เป็นข้อสังเกตเดียวกันกับที่นาย Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติได้แจ้งตนเช่นกัน และตนยินดีที่จะหารือและร่วมมือกับรัฐบาลไทยและประเทศกำลังพัฒนาต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2548 ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. การเยือนสิงคโปร์ครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนาย ลี เซียน ลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรี นายจอร์จ เยียว (George Yeo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเตียว ชี เฮียน (Teo Chee Hean) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้มีการหารืออย่างครบวงจรในประเด็นความร่วมมือไทย-สิงคโปร์ในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ เป็นไปด้วยดีไม่มีปัญหาระหว่างกัน และสองฝ่ายควรร่วมกันมีบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ในอาเซียน เพื่อให้อาเซียนสามารถรวมตัวกันเป็นประชาคมเดียวกันได้เร็วขึ้น ก่อนกำหนดในปี ค.ศ. 2020
2. ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นการต่อต้านการก่อการร้าย การส่งเสริมบทบาทของมุสลิมสายกลางให้มีบทบาทในการสร้างสันติภาพมากขึ้น โดยมีการกล่าวถึง Amman Message ของกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน พร้อมกับได้หารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค อาทิ การขอให้ไทยมีบทบาทร่วมในการรักษาความปลอดภัยในช่องแคบมะละกา การจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ตามดำริของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายพลเรือน (Civil Service Exchange Programme หรือ CSEP) และการเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ไปพบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีไทยที่ภูเก็ตในเดือนกันยายนนี้ อนึ่ง ในเรื่องการบิน ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ไทยและสิงคโปร์มิใช่คู่แข่ง แต่สามารถเป็นพันธมิตรกันโดยเป็นศูนย์กลางการบินคู่กันสองศูนย์ และร่วมมือกันได้ภายใต้นโยบาย Open Sky
3. ในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก ได้มีการหารือถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน การจัดการจัดประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asian Summit - EAS) และการเจรจาการเปิดการค้าเสรี (Free Trade Area) ซึ่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์แจ้งว่า สิงคโปร์มีความตกลง FTA กับสหรัฐอเมริกาแล้ว และเห็นว่า จะเป็นประโยชน์กับไทยและกับภูมิภาค ที่ไทยจะเจรจาทำความตกลงกับสหรัฐ ฯ ด้วย นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ความพยายามในการปฏิรูปสหประชาชาติต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เพื่อประโยชน์ของประเทศสมาชิกทั้งหมด และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ยืนยันให้การสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีในการรณรงค์ตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
4. ต่อคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับปัญหาที่พม่าจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ได้ดำเนินการประสานงานกับมิตรประเทศ ทั้งในอาเซียนและฝ่ายอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ โดยยึดสองแนวทาง คือ ต้องการให้กระบวนการปรองดองแห่งชาติ และการปฏิรูปประชาธิปไตยในพม่าดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกัน ต้องดำเนินการมิให้เรื่องการเป็นประธานอาเซียนของพม่าได้เป็นอุปสรรคของการเดินหน้าต่อไปของอาเซียน ซึ่งพม่าก็เข้าใจในข้อกังวลของอาเซียน และรับว่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของอาเซียน และขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีเหตุผลที่จะสบายใจว่าปัญหาจะคลี่คลายไปด้วยดี
5. เกี่ยวกับการเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐ ฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ตอบคำถามว่า นายก รัฐมนตรีสิงคโปร์เล่าว่า ในระหว่างเจรจาก็ไม่ง่ายนัก แต่ในที่สุด ผลที่ออกมาในภาพรวม ทั้งสองฝ่าย คือสหรัฐฯ และสิงคโปร์ ต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งฝ่ายสิงคโปร์ว่า รัฐบาลไทยคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ที่มีความความอ่อนไหว และการรับฟังข้อกังวลของฝ่ายต่าง ๆ ของไทยในการเจรจา เช่น ความกังวลของผู้ป่วย HIV/AIDS กรณีผลกระทบต่อราคายารักษาโรค และความกังวลของภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งได้แจ้งให้ฝ่ายสหรัฐ ฯ ทราบแล้วระหว่างการเยือนสหรัฐ ฯ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระแสโลกกำลังเดินเข้าสู่ยุคของการค้าเสรีโดยไม่หยุดยั้ง ดังนั้น ภาคเอกชนจำเป็นต้องปรับตัวให้แข่งขันได้ ซึ่งในระยะยาวจะเป็นผลดีต่อประเทศและภาคเอกชนเอง และการเจรจาการค้าเสรีจะสามารถเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเร่งการปรับตัวดังกล่าวได้
6. ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเรื่องการแต่งตั้ง ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นเลขาธิการ United Nations Conference on Trade and Development หรือ UNCTAD ซึ่งมีบางฝ่ายเห็นว่า จะลดโอกาสที่ ดร.สุรเกียรติ์ ฯ จะได้เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า เป็นเพียงความเห็นหนึ่ง แท้จริงในสหประชาชาติ ไม่มีกฎระเบียบใด ๆ จำกัดว่า ประเทศที่มีคนชาติดำรงตำแหน่งหนึ่งแล้ว จะดำรงตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่งไม่ได้ อีกทั้งตำแหน่งทั้งสองเป็นตำแหน่งคนละระดับ และวิธีการสรรหาก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เกณฑ์การพิจารณาของประเทศสมาชิกสหประชาชาติจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องนี้ แต่น่าจะเป็นประเด็นว่า วาระนี้เป็นวาระของทวีปเอเชีย และพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครมากกว่า
รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนคนไทยให้ได้ดำรงตำแหน่งในองค์การระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับ ดร.ศุภชัย ฯ ทันทีที่ได้รับทราบข่าว รวมทั้งได้แสดงความเห็นว่า ดร.ศุภชัย ฯ เป็นผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (World Trade Organisation หรือ WTO) อันเป็นเวทีหลักของเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อมารับตำแหน่งเลขาธิการ UNCTAD ก็น่าจะสามารถมีบทบาทในการนำ UNCTAD เข้าไปสู่เวทีหลักของเศรษฐกิจโลกได้ด้วย เพื่อประโยชน์ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่ง ดร.ศุภชัย ฯ ก็แจ้งว่า เป็นข้อสังเกตเดียวกันกับที่นาย Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติได้แจ้งตนเช่นกัน และตนยินดีที่จะหารือและร่วมมือกับรัฐบาลไทยและประเทศกำลังพัฒนาต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-