สถิติการหักบัญชีเช็คระหว่างธนาคารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเดือนมิถุนายน 2542

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 1999 18:30 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับที่ 39/2542 ในเดือนมิถุนายน 2542 ที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปของประเทศไทย มีการฟื้นตัวขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้าเห็นได้จากสภาพการลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมิถุนายน 2542 จำนวนทั้งสิ้น 302.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 48.54 โดยรายการซื้อขายส่วนใหญ่ยังคงเป็นของกลุ่มนักลงทุนในประเทศประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 5.5 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2542 ที่ผ่านมาเพื่อต้องการให้สถาบันการเงินปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงรวมทั้งกระตุ้นให้มีการขยายสินเชื่อมากขึ้นและจะทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแคบลงด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวนี้สอดคล้องกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ในปัจจุบันซึ่งค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ และอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ปริมาณเช็คที่ธนาคารสมาชิกส่งเรียกเก็บผ่านศูนย์หักบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนมิถุนายน 2542 มีจำนวนทั้งสิ้น 4,790,813 ฉบับ รวมมูลค่าการเรียกเก็บทั้งสิ้น 5,587,581.65 ล้านบาทปริมาณ และมูลค่าการเรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ23.7 และ 13.5 ตามลำดับ ในเดือนนี้มีปริมาณการเรียกเก็บเช็คโดยเฉลี่ยวันทำการละ 217,764 ฉบับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ซึ่งอยู่ที่เฉลี่ยวันทำการละ 215,257 ฉบับแต่มูลค่าการเรียกเก็บเช็คเฉลี่ยวันทำการละ 253,981 ล้านบาทลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่วันทำการละ 273,402 ล้านบาทและเมื่อเปรียบเทียบปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บในเดือนนี้กับช่วงเดียวกันของปีก่อนปริมาณเช็คเรียกเก็บเพิ่มขึ้นร้อยละ1.44 และมูลค่าการเรียกเก็บลดลงร้อยละ 12.82 หากพิจารณาการเรียกเก็บเช็คเป็นรายไตรมาส ปริมาณเช็คเรียกเก็บในไตรมาสที่ 2ของปี 2542 (58 วันทำการ) เพิ่มขึ้นจากในไตรมาสแรกของปี (62 วันทำการ) ร้อยละ0.27 และมูลค่าการเรียกเก็บลดลงร้อยละ 2.57 การหักบัญชีในระบบเช็คคืนในเดือนมิถุนายน 2542 มีเช็คคืนทั้งสิ้น 128,975 ฉบับและมูลค่ารวม 14,124.5 ล้านบาทสัดส่วนปริมาณเช็คคืนคิดเป็นร้อยละ 2.69 ของปริมาณเช็คเรียกเก็บลดลงจากเดือนก่อน แต่สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนคิดเป็นร้อยละ 0.25 ของมูลค่าเช็คเรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย สำหรับสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บในไตรมาสที่ 2 ของปี 2542 อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.99 และ 0.25 ตามลำดับลดลงจากในไตรมาสแรก ซึ่งมีสัดส่วนปริมาณและมูลค่าเช็คคืนร้อยละ 3.22 และ 0.30 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บตามลำดับ สำหรับปริมาณเช็คคืนด้วยเหตุผลไม่มีเงิน ซึ่งประกอบด้วยเหตุผลข้อ 1 “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” ข้อ 2 “โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” และ ข้อ 3 “ยังไม่มีการตกลงกับธนาคาร” มีจำนวนทั้งสิ้น 73,552 ฉบับ มูลค่ารวม 6,291.21 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.54 และ 0.11 ของปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บสัดส่วนปริมาณเช็คคืนไม่มีเงินลดลง จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ1.78 ของปริมาณเช็คเรียกเก็บ แต่สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนไม่มีเงินต่อมูลค่าเช็คเรียกเก็บทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ0.10 เป็นร้อยละ 0.11 ในเดือนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย 29 กรกฎาคม 2542 ปริมาณและมูลค่าเช็ครับเข้า เช็คคืนและเช็คคืนไม่มีเงินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เรียกเก็บผ่านศูนย์หักบัญชีอิเล็กโทรนิกส์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ