แท็ก
ข้าวโพด
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--4 ธ.ค.--บิสนิวส์
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ : ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงลดลง
สถานการณ์การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2541/42 คาดว่าจะผลิตได้ถึง 4.986 ล้านตันเทียบกับปีที่แล้วผลิตได้เพียง 3.84 ล้านตัน ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.84 เนื่องจากข้าวโพดได้รับน้ำฝนในปริมาณที่เพียงพอมากกว่าปีที่ผ่านมาที่ประสบภาวะแห้งแล้ง ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศมีแนวโน้มลดลงซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 3.83 ล้านตัน เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ลดลง ขณะนี้ผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาดแล้วประมาณร้อยละ 84.36 ราคาที่เกษตรกรขายได้ตั้งแต่ต้นฤดูการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง และในระยะนี้ผลผลิตข้าวโพดรุ่น 2 เริ่มมีการเก็บเกี่ยวบ้างแล้ว ในสัปดาห์นี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.31 บาทลดลงจากกิโลกรัมละ 3.54 บาทของสัปดาห์ที่แล้ว แม้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรโดยวิธีรับจำนำจำนวน 5 แสนตัน ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับจำนำจำนวน 1 แสนตัน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) รับจำนำจำนวน 1 แสนตัน และผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมการค้าภายในรับจำนำจำนวน 3 แสนตัน ราคารับจำนำข้าวโพดความชื้น 14.5 % ณ ยุ้งฉางเกษตรกรกิโลกรัมละ 3.80 บาท และ ราคารับจำนำหน้าคลังองค์การคลังสินค้าและโกดัง/ไซโลของเอกชนกิโลกรัมละ 4.00 บาท ระยะเวลาดำเนินการโครงการกันยายน 2541 - มิถุนายน 2542
ผลการดำเนินงาน
1. องค์การคลังสินค้า (อคส.) (ตัดยอด 26 พฤศจิกายน 2541 ) รับจำนำไปแล้วจำนวน 89,003.80 ตัน (ออกใบประทวนให้เกษตรกรไปขึ้นเงินกับ ธกส.)
2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) (ตัดยอด 25 พฤศจิกายน 2541) รับจำนำไปแล้ว 56 ตัน มูลค่า 199,000 าท รับจำนำใบประทวน 54,219 ตัน มูลค่า 196.318 ล้านบาท
3. ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ กรมการค้าภายในโอนเงินให้แล้ว 244.80 ล้านบาท คิดเป็นข้าวโพด 61,100 ตัน ขณะนี้รับจำนำข้าวโพดไปแล้ว(รายงานเบื้องต้น) 45,000 ตัน มูลค่า 180.00 ล้านบาท
ข้อคิดเห็น
มาตรการรับจำนำข้าวโพดยังไม่สามารถทำให้ราคาโน้มสูงขึ้นได้ เนื่องจากมีการรับจำนำเพียงร้อยละ 27 ของปริมาณเป้าหมายรับจำนำทั้งหมด ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องให้เร่งรับจำนำข้าวโพดเพื่อพยุงราคาข้าวโพดไม่ให้ตกต่ำลงไปอีก
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
อ้อย : ราคาอ้อยปีการผลิต 2541/42 ตกต่ำ
ปีการผลิต ปีการผลิต
2540/41 2541/42
ราคาอ้อยขั้นต้น (บาท/ตัน) 600 470
จากการที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำเหลือเพียง 7 | 8 เซนต์ต่อปอนด์หรือกิโลกรัมละ 5.54-6.33 บาท ในปี 2541/42 เมื่อเทียบกับ 12 เซนต์ต่อปอนด์หรือกิโลกรัมละ 9.50 บาทของปีที่ผ่านมา และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 43 | 44 บาท เป็น 36 |37 บาท ในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นของปีการผลิต 2541/42 นี้ที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริหารมีราคาลดลงเหลือตันละ 470 บาท ณ ระดับความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. เมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นตันละ 600 บาท ของปีการผลิตที่ผ่านมา ซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อย เนื่องจากราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับ 630 บาทต่อตัน อย่างไรก็ตามขั้นตอนการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นนี้ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะยังมีการประชุมผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยเพื่อเปิดโอกาสให้แสดงข้อคิดเห็นและข้อคัดค้านในวันที่ 3 ธันวาคม 2541 นี้ หลังจากนั้นคณะกรรมการบริหารจะได้นำข้อคิดเห็นดังกล่าวเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อพิจารณาต่อไป เมื่อผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำราคาอ้อยขั้นต้นเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งถ้าหากราคาอ้อยขั้นต้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงชาวไร่อ้อยคงจะเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ข้อคิดเห็น
เนื่องจากในปีการผลิตนี้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีราคาตกต่ำค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ 2 | 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำตาลอยู่สูงกว่าราคา 10 เซนต์ต่อปอนด์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยรัฐบาลอาจต้องหาเงินกู้ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้รักษาระดับราคาอ้อยไม่ให้ตกต่ำมาก แล้วให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายใช้คืนเงินกู้ในปีต่อไป
สับปะรด : ผลผลิตสับปะรด ปี 2542 เพิ่มขึ้นและราคาจะตกต่ำ
สืบเนื่องจากราคาสับปะรดที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และโดยเฉพาะปี 2541 ซึ่งเป็นปีทองสับปะรดราคาอยู่ในระดับสูงถึงกิโลกรัมละ 5.41 บาท ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกสับปะรดเพิ่มขึ้นทุกภาค ซึ่งผลผลิตในพื้นที่ปลูกใหม่นี้จะเริ่มออกสู่ตลาดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2542 เป็นต้นไป และจากการติดตามสถานการณ์การผลิตสับปะรดของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าผลผลิตสับปะรดในปี 2542 จะมีถึง 2.403 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 โดยเฉพาะสับปะรดปีที่ออกสู่ตลาดจะมีการกระจุกตัวในช่วงสั้น ๆ ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม อาจส่งผลให้โรงงานไม่สามารถรองรับผลผลิตได้ทันทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องมาจากการขาดสภาพคล่องของโรงงานบางส่วน ขณะเดียวกันไทยถูกตัด GSP ทั้งหมดจากสหภาพยุโรป ในปี 2542 และปัญหาการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจากสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการแข็งค่าเงินบาทของไทย ซึ่งส่งผลให้ประเทศคู่ค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากไทย สาเหตุดังกล่าวนี้จะส่งผลให้ราคาสับปะรดลดลงทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตร ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรแจ้งปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในแต่ละวันเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงาน และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะได้ติดตามสถานการณ์และรายงานความเคลื่อนไหวของราคาต่อปี
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
นโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2542
คณะกรรมการนโยบายอาหาร ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 ได้พิจารณานโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2542 และมีมติดังนี้
1. กากถั่วเหลือง
1) ให้นำเข้ากากถั่วเหลืองเสรีไม่จำกัดปริมาณและเวลานำเข้า
2) ภาษีนำเข้า 5%
3) กำหนดกลุ่มผู้นำเข้า 5 สมาคม ได้แก่ สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย และสมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก
4) ให้กลุ่มผู้นำเข้าทั้ง 5 สมาคม มีภาระรับผิดชอบรับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองภายในทั้งหมด ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 9.50 บาท ณ หน้าโรงงานสกัด ตลาดกรุงเทพฯ
2. ปลาป่น
ให้นำเข้าได้โดยเสรี ภาษีนำเข้า 15% (ภาษีนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน 5%) และยกเลิกค่าธรรมเนียมพิเศษ
3. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
เนื่องจากปีนี้ผลผลิตข้าวโพดในประเทศมีปริมาณมากเกินความต้องการและเกิดปัญหาราคาตกต่ำมาก จึงได้กำหนดให้การนำเข้าเป็นไปตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก ดังนี้
ในโควตา - ปริมาณ 53,253 ตัน ภาษีนำเข้า 20%ฃ
- ช่วงเวลานำเข้ 1 มีนคม - 30 มิถุนายน 2542
- ให้เปิดตลาดนำเข้าเป็นการทั่วไปทั้งสมาชิก WTO
และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก WTO
นอกโควตา - ภาษีนำเข้าสูงสุด 77% รวมค่าธรรมเนียมพิเศษ
ตันละ 180 บาท
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 23 - 29 พ.ย. 2541--
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ : ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงลดลง
สถานการณ์การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2541/42 คาดว่าจะผลิตได้ถึง 4.986 ล้านตันเทียบกับปีที่แล้วผลิตได้เพียง 3.84 ล้านตัน ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.84 เนื่องจากข้าวโพดได้รับน้ำฝนในปริมาณที่เพียงพอมากกว่าปีที่ผ่านมาที่ประสบภาวะแห้งแล้ง ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศมีแนวโน้มลดลงซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 3.83 ล้านตัน เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ลดลง ขณะนี้ผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาดแล้วประมาณร้อยละ 84.36 ราคาที่เกษตรกรขายได้ตั้งแต่ต้นฤดูการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง และในระยะนี้ผลผลิตข้าวโพดรุ่น 2 เริ่มมีการเก็บเกี่ยวบ้างแล้ว ในสัปดาห์นี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.31 บาทลดลงจากกิโลกรัมละ 3.54 บาทของสัปดาห์ที่แล้ว แม้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรโดยวิธีรับจำนำจำนวน 5 แสนตัน ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับจำนำจำนวน 1 แสนตัน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) รับจำนำจำนวน 1 แสนตัน และผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมการค้าภายในรับจำนำจำนวน 3 แสนตัน ราคารับจำนำข้าวโพดความชื้น 14.5 % ณ ยุ้งฉางเกษตรกรกิโลกรัมละ 3.80 บาท และ ราคารับจำนำหน้าคลังองค์การคลังสินค้าและโกดัง/ไซโลของเอกชนกิโลกรัมละ 4.00 บาท ระยะเวลาดำเนินการโครงการกันยายน 2541 - มิถุนายน 2542
ผลการดำเนินงาน
1. องค์การคลังสินค้า (อคส.) (ตัดยอด 26 พฤศจิกายน 2541 ) รับจำนำไปแล้วจำนวน 89,003.80 ตัน (ออกใบประทวนให้เกษตรกรไปขึ้นเงินกับ ธกส.)
2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) (ตัดยอด 25 พฤศจิกายน 2541) รับจำนำไปแล้ว 56 ตัน มูลค่า 199,000 าท รับจำนำใบประทวน 54,219 ตัน มูลค่า 196.318 ล้านบาท
3. ผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ฯ กรมการค้าภายในโอนเงินให้แล้ว 244.80 ล้านบาท คิดเป็นข้าวโพด 61,100 ตัน ขณะนี้รับจำนำข้าวโพดไปแล้ว(รายงานเบื้องต้น) 45,000 ตัน มูลค่า 180.00 ล้านบาท
ข้อคิดเห็น
มาตรการรับจำนำข้าวโพดยังไม่สามารถทำให้ราคาโน้มสูงขึ้นได้ เนื่องจากมีการรับจำนำเพียงร้อยละ 27 ของปริมาณเป้าหมายรับจำนำทั้งหมด ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ควรเร่งรัดหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องให้เร่งรับจำนำข้าวโพดเพื่อพยุงราคาข้าวโพดไม่ให้ตกต่ำลงไปอีก
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
อ้อย : ราคาอ้อยปีการผลิต 2541/42 ตกต่ำ
ปีการผลิต ปีการผลิต
2540/41 2541/42
ราคาอ้อยขั้นต้น (บาท/ตัน) 600 470
จากการที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำเหลือเพียง 7 | 8 เซนต์ต่อปอนด์หรือกิโลกรัมละ 5.54-6.33 บาท ในปี 2541/42 เมื่อเทียบกับ 12 เซนต์ต่อปอนด์หรือกิโลกรัมละ 9.50 บาทของปีที่ผ่านมา และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 43 | 44 บาท เป็น 36 |37 บาท ในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นของปีการผลิต 2541/42 นี้ที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริหารมีราคาลดลงเหลือตันละ 470 บาท ณ ระดับความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. เมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นตันละ 600 บาท ของปีการผลิตที่ผ่านมา ซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อย เนื่องจากราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับ 630 บาทต่อตัน อย่างไรก็ตามขั้นตอนการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นนี้ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะยังมีการประชุมผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยเพื่อเปิดโอกาสให้แสดงข้อคิดเห็นและข้อคัดค้านในวันที่ 3 ธันวาคม 2541 นี้ หลังจากนั้นคณะกรรมการบริหารจะได้นำข้อคิดเห็นดังกล่าวเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อพิจารณาต่อไป เมื่อผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำราคาอ้อยขั้นต้นเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งถ้าหากราคาอ้อยขั้นต้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงชาวไร่อ้อยคงจะเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ข้อคิดเห็น
เนื่องจากในปีการผลิตนี้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีราคาตกต่ำค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ 2 | 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำตาลอยู่สูงกว่าราคา 10 เซนต์ต่อปอนด์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยรัฐบาลอาจต้องหาเงินกู้ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้รักษาระดับราคาอ้อยไม่ให้ตกต่ำมาก แล้วให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายใช้คืนเงินกู้ในปีต่อไป
สับปะรด : ผลผลิตสับปะรด ปี 2542 เพิ่มขึ้นและราคาจะตกต่ำ
สืบเนื่องจากราคาสับปะรดที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และโดยเฉพาะปี 2541 ซึ่งเป็นปีทองสับปะรดราคาอยู่ในระดับสูงถึงกิโลกรัมละ 5.41 บาท ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกสับปะรดเพิ่มขึ้นทุกภาค ซึ่งผลผลิตในพื้นที่ปลูกใหม่นี้จะเริ่มออกสู่ตลาดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2542 เป็นต้นไป และจากการติดตามสถานการณ์การผลิตสับปะรดของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าผลผลิตสับปะรดในปี 2542 จะมีถึง 2.403 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 โดยเฉพาะสับปะรดปีที่ออกสู่ตลาดจะมีการกระจุกตัวในช่วงสั้น ๆ ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม อาจส่งผลให้โรงงานไม่สามารถรองรับผลผลิตได้ทันทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องมาจากการขาดสภาพคล่องของโรงงานบางส่วน ขณะเดียวกันไทยถูกตัด GSP ทั้งหมดจากสหภาพยุโรป ในปี 2542 และปัญหาการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจากสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการแข็งค่าเงินบาทของไทย ซึ่งส่งผลให้ประเทศคู่ค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากไทย สาเหตุดังกล่าวนี้จะส่งผลให้ราคาสับปะรดลดลงทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตร ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรแจ้งปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในแต่ละวันเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงาน และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะได้ติดตามสถานการณ์และรายงานความเคลื่อนไหวของราคาต่อปี
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
นโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2542
คณะกรรมการนโยบายอาหาร ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2541 ได้พิจารณานโยบายการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2542 และมีมติดังนี้
1. กากถั่วเหลือง
1) ให้นำเข้ากากถั่วเหลืองเสรีไม่จำกัดปริมาณและเวลานำเข้า
2) ภาษีนำเข้า 5%
3) กำหนดกลุ่มผู้นำเข้า 5 สมาคม ได้แก่ สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย และสมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก
4) ให้กลุ่มผู้นำเข้าทั้ง 5 สมาคม มีภาระรับผิดชอบรับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองภายในทั้งหมด ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 9.50 บาท ณ หน้าโรงงานสกัด ตลาดกรุงเทพฯ
2. ปลาป่น
ให้นำเข้าได้โดยเสรี ภาษีนำเข้า 15% (ภาษีนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน 5%) และยกเลิกค่าธรรมเนียมพิเศษ
3. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
เนื่องจากปีนี้ผลผลิตข้าวโพดในประเทศมีปริมาณมากเกินความต้องการและเกิดปัญหาราคาตกต่ำมาก จึงได้กำหนดให้การนำเข้าเป็นไปตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก ดังนี้
ในโควตา - ปริมาณ 53,253 ตัน ภาษีนำเข้า 20%ฃ
- ช่วงเวลานำเข้ 1 มีนคม - 30 มิถุนายน 2542
- ให้เปิดตลาดนำเข้าเป็นการทั่วไปทั้งสมาชิก WTO
และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก WTO
นอกโควตา - ภาษีนำเข้าสูงสุด 77% รวมค่าธรรมเนียมพิเศษ
ตันละ 180 บาท
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 23 - 29 พ.ย. 2541--