กรุงเทพ--10 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เกี่ยวกับปัญหาหญิงไทยที่พำนักในสิงคโปร์ ในโอกาสที่เดินทางไปเยี่ยมคนไทย และแรงงานไทยในสิงคโปร์ ตามโครงการกงสุลสัญจร ระหว่างวันที่
6 - 8 พฤษภาคม 2548 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าในปัจจุบันหญิงไทยที่เดินทางเข้าสิงคโปร์
และประสบปัญหามี 2 ลักษณะ โดยส่วนแรกตั้งใจเดินทางเข้ามาสิงคโปร์เพื่อขายบริการ อีกส่วนหนึ่งถูก
หลอกลวงให้เข้าไปทำงานและถูกบังคับให้ขายบริการ นายปรีชาฯ ได้ฝากความห่วงใยและคำแนะนำถึง หญิงไทยที่จะเดินทางไปสิงคโปร์ หรือประเทศใด ๆ ก็ตามอาจพบว่าความเป็นจริงอาจเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ อาทิเช่น สูญเสียอิสรภาพโดยจะถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกควบคุมจากผู้ดูแลอย่างเข้มงวด
ส่วนผู้ที่ถูกหลอกให้เดินทางเข้ามาทำงานร้านอาหาร หรืองานแม่บ้านนั้น เมื่อเดินทางมาถึง นายหน้าก็จะนำตัวไปกักขังไว้ในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของสิงคโปร์ไม่สามารถติดตามช่วยเหลือได้ เนื่องจากจะถูกย้ายสถานที่กักขังตลอดเวลา และในเวลาค่ำจะนำหญิงที่ถูกควบคุมเหล่านี้ไปยังบริเวณที่ใกล้กับที่พักคนงานต่างชาติต่าง ๆ เช่น อินเดีย ปากีสถาน หรือบังคลาเทศ เป็นต้น โดยใกล้ที่พักจะเป็นบริเวณป่ารกโดยจะมีการ ตั้งเต็นท์ที่พักชั่วคราวและนำหญิงเหล่านี้ไปขายบริการทางเพศแก่คนงานเหล่านั้น และหลังจากขายบริการแล้วก็จะนำตัวหญิงเหล่านี้ไปกักขังอีก
ทั้งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ และ NGO ที่มีชื่อ
ว่า “HOME” ของสิงคโปร์ ช่วยเหลือหญิงไทยรายหนึ่งจากกลุ่มหลอกลวงดังกล่าวด้วยความยากลำบาก ซึ่งก็เป็นเพียงรายเดียวจากจำนวนมากมายที่มีปัญหาอยู่จึงขอฝากความห่วงใยและคำแนะนำแก่ผู้ที่จะเดินทางไปทำงาน หรือขายบริการในต่างประเทศให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวด้วย
นายปรีชาฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาทำนองเดียวกันที่เกิดกับหญิงไทยในประเทศอื่น ๆ เช่นในประเทศญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป โดยการหลอกให้จดทะเบียนสมรส และเมื่อเดินทางไปถึงประเทศดังกล่าวแล้วคู่สมรส ก็จะบังคับให้ขายบริการทางเพศ ซึ่งขณะนี้ ได้รับคำร้องเรียนให้สถานเอกอัครราชทูต ให้ความช่วยเหลือคือในประเทศสวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้สั่งการให้กรมการกงสุลประสานกับเจ้าหน้าที่ประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว แล้ว
นายปรีชาฯ กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถทราบได้โดยตรง หญิงไทยเหล่านี้จะถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด ถูกตัดขาดจากการติดต่อสื่อสาร เจ้าหน้าที่จะรับทราบข้อมูลจากผู้ที่เคยไปใช้บริการและนำเบาะแสมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ หรือจากหญิงไทยที่ได้รับการช่วยเหลือและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ว่ายังมีหญิงไทยอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาดังกล่าวอีกจำนวนมาก แต่ไม่สามารถระบุที่อยู่ชัดเจนเนื่องจากที่พักถูกย้ายตลอดเวลา โดยมีการดำเนินการเป็นขบวนการ
นายปรีชาฯ กล่าวด้วยว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวว่ามีสาเหตุหรือขบวนการที่ชัดเจนอย่างไร เมื่อทราบก็จะดำเนินการแก้ไขที่ต้นเหตุต่อไป และหากพบว่ามีนายหน้าชาวไทยที่ชักจูงอย่างผิดกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศก็จะดำเนินการในขั้นต้นโดยจะยกเลิกหนังสือเดินทางบุคคลดังกล่าว ซึ่งจะเป็นมาตรการที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ส่วนหนึ่ง และยังได้ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวให้ประชาชน ได้รับทราบ นอกจากนี้ หากหญิงไทยที่ถูกชักชวนให้แต่งงานกับชาวต่างชาติและต้องการที่จะตรวจสอบประวัติบุคคลดังกล่าวว่ามีสถานะทางสังคมอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือประสานสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เกี่ยวกับปัญหาหญิงไทยที่พำนักในสิงคโปร์ ในโอกาสที่เดินทางไปเยี่ยมคนไทย และแรงงานไทยในสิงคโปร์ ตามโครงการกงสุลสัญจร ระหว่างวันที่
6 - 8 พฤษภาคม 2548 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าในปัจจุบันหญิงไทยที่เดินทางเข้าสิงคโปร์
และประสบปัญหามี 2 ลักษณะ โดยส่วนแรกตั้งใจเดินทางเข้ามาสิงคโปร์เพื่อขายบริการ อีกส่วนหนึ่งถูก
หลอกลวงให้เข้าไปทำงานและถูกบังคับให้ขายบริการ นายปรีชาฯ ได้ฝากความห่วงใยและคำแนะนำถึง หญิงไทยที่จะเดินทางไปสิงคโปร์ หรือประเทศใด ๆ ก็ตามอาจพบว่าความเป็นจริงอาจเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ อาทิเช่น สูญเสียอิสรภาพโดยจะถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกควบคุมจากผู้ดูแลอย่างเข้มงวด
ส่วนผู้ที่ถูกหลอกให้เดินทางเข้ามาทำงานร้านอาหาร หรืองานแม่บ้านนั้น เมื่อเดินทางมาถึง นายหน้าก็จะนำตัวไปกักขังไว้ในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของสิงคโปร์ไม่สามารถติดตามช่วยเหลือได้ เนื่องจากจะถูกย้ายสถานที่กักขังตลอดเวลา และในเวลาค่ำจะนำหญิงที่ถูกควบคุมเหล่านี้ไปยังบริเวณที่ใกล้กับที่พักคนงานต่างชาติต่าง ๆ เช่น อินเดีย ปากีสถาน หรือบังคลาเทศ เป็นต้น โดยใกล้ที่พักจะเป็นบริเวณป่ารกโดยจะมีการ ตั้งเต็นท์ที่พักชั่วคราวและนำหญิงเหล่านี้ไปขายบริการทางเพศแก่คนงานเหล่านั้น และหลังจากขายบริการแล้วก็จะนำตัวหญิงเหล่านี้ไปกักขังอีก
ทั้งนี้ เมื่อไม่นานมานี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ และ NGO ที่มีชื่อ
ว่า “HOME” ของสิงคโปร์ ช่วยเหลือหญิงไทยรายหนึ่งจากกลุ่มหลอกลวงดังกล่าวด้วยความยากลำบาก ซึ่งก็เป็นเพียงรายเดียวจากจำนวนมากมายที่มีปัญหาอยู่จึงขอฝากความห่วงใยและคำแนะนำแก่ผู้ที่จะเดินทางไปทำงาน หรือขายบริการในต่างประเทศให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวด้วย
นายปรีชาฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาทำนองเดียวกันที่เกิดกับหญิงไทยในประเทศอื่น ๆ เช่นในประเทศญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป โดยการหลอกให้จดทะเบียนสมรส และเมื่อเดินทางไปถึงประเทศดังกล่าวแล้วคู่สมรส ก็จะบังคับให้ขายบริการทางเพศ ซึ่งขณะนี้ ได้รับคำร้องเรียนให้สถานเอกอัครราชทูต ให้ความช่วยเหลือคือในประเทศสวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้สั่งการให้กรมการกงสุลประสานกับเจ้าหน้าที่ประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว แล้ว
นายปรีชาฯ กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถทราบได้โดยตรง หญิงไทยเหล่านี้จะถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด ถูกตัดขาดจากการติดต่อสื่อสาร เจ้าหน้าที่จะรับทราบข้อมูลจากผู้ที่เคยไปใช้บริการและนำเบาะแสมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ หรือจากหญิงไทยที่ได้รับการช่วยเหลือและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ว่ายังมีหญิงไทยอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาดังกล่าวอีกจำนวนมาก แต่ไม่สามารถระบุที่อยู่ชัดเจนเนื่องจากที่พักถูกย้ายตลอดเวลา โดยมีการดำเนินการเป็นขบวนการ
นายปรีชาฯ กล่าวด้วยว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวว่ามีสาเหตุหรือขบวนการที่ชัดเจนอย่างไร เมื่อทราบก็จะดำเนินการแก้ไขที่ต้นเหตุต่อไป และหากพบว่ามีนายหน้าชาวไทยที่ชักจูงอย่างผิดกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศก็จะดำเนินการในขั้นต้นโดยจะยกเลิกหนังสือเดินทางบุคคลดังกล่าว ซึ่งจะเป็นมาตรการที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ส่วนหนึ่ง และยังได้ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวให้ประชาชน ได้รับทราบ นอกจากนี้ หากหญิงไทยที่ถูกชักชวนให้แต่งงานกับชาวต่างชาติและต้องการที่จะตรวจสอบประวัติบุคคลดังกล่าวว่ามีสถานะทางสังคมอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือประสานสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-