1. สถานการณ์การผลิต
สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยขอให้รัฐแก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้ง
ข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย กล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในปัจจุบันว่า รัฐบาลควรจะกำหนดเขตส่งเสริมการเลี้ยง (โซนนิ่ง) ให้ชัดเจน พร้อมทั้งให้การส่งเสริมพัฒนาการเลี้ยงแบบยืนยัน หรือออกกฎกระทรวงเพื่อควบคุมอาหารสำหรับเลี้ยงกุ้งโดยเฉพาะที่สำคัญคือ การกำหนดมาตรฐานและการควบคุมการใช้สารเคมีในการเพาะเลี้ยงกุ้งโดยเร่งด่วน
ทางด้านนายกิจจา ใจเย็น รองอธิบดีกรมประมง กล่าวถึง ความคืบหน้าในการศึกษาความเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตพื้นที่น้ำจืด ว่า มีการสำรวจการดูแลสิ่งที่ตกค้างและการบำบัดมลภาวะพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างในพื้นที่ศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรีนครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรีและกาญจนบุรี โดยในวันที่ 2-13 พ.ย. จะมีการสรุปและจัดทำรายงานผลการศึกษา ก่อนจะนำเสนอต่อไป ยังคณะกรรมการศึกษาข้อมูลการเลี้ยงในพื้นที่น้ำจืดในวันที่ 18 พ.ย. นี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-31 ต.ค. 41) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,462.57 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 876.62 ตัน สัตว์น้ำจืด 585.95 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.69 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 10.88 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 66.66 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 178.28 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 60.99 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
อียู ยืนยันตัดสิทธิ GSP สินค้าเกษตรไทย 100% ปี 2542
ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ได้แถลงว่า การตัดสินใจของอียูในการตัดสิทธิ GSP สินค้าเกษตรไทยไม่ได้สร้างความเสียหายต่อการส่งออกของไทยเพราะปัญหาสำคัญในการส่งออกไม่ใช่เรื่องภาษีนำเข้า แต่เป็นเรื่องคุณภาพ และตลาดรองรับเป็นหลัก สำหรับการค้ากับอียูในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ไทยยังได้เปรียบดุลการค้า โดยเฉพาะกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งมีการส่งออกไปอียูเพิ่มขึ้น 30% หรือคิดเป็น 105 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากอียูเป็นตลาดส่งออกกุ้งไทยอันดับที่ 4
การตัดสิทธิ GSP ดังกล่าวนี้ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย 3 รายการได้แก่ สินค้าประมง ผักผลไม้ และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงแต่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เรียกร้องให้อียูทบทวน GSP โดยขอให้อียูนำตัวเลขของธนาคารโลกปี 2541 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ มาประกอบการพิจารณาแทนตัวเลขที่ใช้อยู่เดิมเพราะจะทำให้สินค้าไทยถูกตัดสิทธิ 100% มีโอกาสหลุดจากการตัดสิทธฺดังกล่าว และในปี 2542 ได้ขอให้อียูผ่อนผันให้ยังคงตัด GSP สินค้าเกษตรไทยเพียง 50% แทนการตัด 100% จนกว่าจะมีการทบทวนแล้วเสร็จ
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 75.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.33 บาท ลดลงจาก 79.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.67 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 231.00 บาท ลดลงจาก 269.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 38.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 275.00 บาท ลดลงจาก 282.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.50 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.87 บาท ลดลงจาก 19.93 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.06 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.67 บาท สูงขึ้นจาก 32.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.17 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.00 บาท สูงขึ้นจาก 40.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 18.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.83 บาท สูงขึ้นจาก 60.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.83 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 3.69 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.14 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 41 ประจำวันที่ 2-8 พ.ย. 2541--
สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยขอให้รัฐแก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้ง
ข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย กล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในปัจจุบันว่า รัฐบาลควรจะกำหนดเขตส่งเสริมการเลี้ยง (โซนนิ่ง) ให้ชัดเจน พร้อมทั้งให้การส่งเสริมพัฒนาการเลี้ยงแบบยืนยัน หรือออกกฎกระทรวงเพื่อควบคุมอาหารสำหรับเลี้ยงกุ้งโดยเฉพาะที่สำคัญคือ การกำหนดมาตรฐานและการควบคุมการใช้สารเคมีในการเพาะเลี้ยงกุ้งโดยเร่งด่วน
ทางด้านนายกิจจา ใจเย็น รองอธิบดีกรมประมง กล่าวถึง ความคืบหน้าในการศึกษาความเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำในเขตพื้นที่น้ำจืด ว่า มีการสำรวจการดูแลสิ่งที่ตกค้างและการบำบัดมลภาวะพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างในพื้นที่ศึกษา จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรีนครนายก ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรีและกาญจนบุรี โดยในวันที่ 2-13 พ.ย. จะมีการสรุปและจัดทำรายงานผลการศึกษา ก่อนจะนำเสนอต่อไป ยังคณะกรรมการศึกษาข้อมูลการเลี้ยงในพื้นที่น้ำจืดในวันที่ 18 พ.ย. นี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-31 ต.ค. 41) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,462.57 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 876.62 ตัน สัตว์น้ำจืด 585.95 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 9.69 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 10.88 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 66.66 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 178.28 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 60.99 ตัน
2. สถานการณ์การตลาด
อียู ยืนยันตัดสิทธิ GSP สินค้าเกษตรไทย 100% ปี 2542
ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ได้แถลงว่า การตัดสินใจของอียูในการตัดสิทธิ GSP สินค้าเกษตรไทยไม่ได้สร้างความเสียหายต่อการส่งออกของไทยเพราะปัญหาสำคัญในการส่งออกไม่ใช่เรื่องภาษีนำเข้า แต่เป็นเรื่องคุณภาพ และตลาดรองรับเป็นหลัก สำหรับการค้ากับอียูในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ไทยยังได้เปรียบดุลการค้า โดยเฉพาะกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งมีการส่งออกไปอียูเพิ่มขึ้น 30% หรือคิดเป็น 105 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากอียูเป็นตลาดส่งออกกุ้งไทยอันดับที่ 4
การตัดสิทธิ GSP ดังกล่าวนี้ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย 3 รายการได้แก่ สินค้าประมง ผักผลไม้ และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงแต่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เรียกร้องให้อียูทบทวน GSP โดยขอให้อียูนำตัวเลขของธนาคารโลกปี 2541 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ มาประกอบการพิจารณาแทนตัวเลขที่ใช้อยู่เดิมเพราะจะทำให้สินค้าไทยถูกตัดสิทธิ 100% มีโอกาสหลุดจากการตัดสิทธฺดังกล่าว และในปี 2542 ได้ขอให้อียูผ่อนผันให้ยังคงตัด GSP สินค้าเกษตรไทยเพียง 50% แทนการตัด 100% จนกว่าจะมีการทบทวนแล้วเสร็จ
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 75.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.33 บาท ลดลงจาก 79.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.67 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 231.00 บาท ลดลงจาก 269.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 38.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 275.00 บาท ลดลงจาก 282.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.50 บาท
2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.87 บาท ลดลงจาก 19.93 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.06 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.67 บาท สูงขึ้นจาก 32.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.17 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.00 บาท สูงขึ้นจาก 40.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 18.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.83 บาท สูงขึ้นจาก 60.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.83 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.83 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 3.69 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.14 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58-62.9% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 41 ประจำวันที่ 2-8 พ.ย. 2541--