ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.พาณิชย์เชื่อมั่นว่ายอดขาดดุลการค้าทั้งปี 48 จะไม่เกิน 2,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. รมว.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มิ.ย.48 และช่วง 6 เดือนแรกปี 48 โดยใน
เดือน มิ.ย. การส่งออกมีมูลค่า 9,266 ล.ดอลลาร์ การนำเข้ามีมูลค่า 11,148 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาด
ดุลการค้าจำนวน 1,882 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก การส่งออกมีมูลค่า 51,828 ล.ดอลลาร์
สรอ. การนำเข้ามีมูลค่า 59,982 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้าจำนวน 8,154 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ ตามแผนเดิมคาดว่าทั้งปีจะขาดดุลการค้า 8,200 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกขาดดุลแล้ว
จำนวน 8,154 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มหลังการหารือกับผู้ส่งออกแล้วคาดว่าครึ่งปีหลังจะส่งออก
ได้ 65,368 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การนำเข้าครึ่งปีหลังกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 59,098 ล.ดอลลาร์ สรอ. จะ
ส่งผลให้ครึ่งปีหลังเกินดุลเป็นจำนวน 6,270 ล.ดอลลาร์ สรอ. และเมื่อหักลบจากการขาดดุลที่คาดไว้ 8,200 ล.
ดอลลาร์ สรอ. จะส่งผลให้ทั้งปีขาดดุลประมาณ 1,884 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือมากที่สุดไม่เกิน 2,000 ล.
ดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีผ่าน ธปท. ของสถาบันการ
เงิน นางสาวนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงนามในหนังสือเวียนไปยัง
สถาบันการเงินทุกแห่ง กำหนดให้ต้องแจ้งวงเงินและแผนการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีที่ต้องการจะขอกู้ยืมเงินจาก
ธปท. โดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินเอสเอ็มอีเป็นประกัน เพื่อให้ ธปท.พิจารณาวงเงินให้กู้ยืมที่จะให้แต่ละแห่งประจำปี
49 ได้ ภายหลังที่พบว่า วงเงินกู้ยืมดังกล่าวในแต่ละปี ส่วนใหญ่ธนาคารขอวงเงินไว้น้อยกว่าความต้องการสินเชื่อที่
มีเข้ามามาก ขณะที่บางแห่งขอวงเงินไว้มากแต่ปรากฎว่าใช้จริงน้อย ทำให้วงเงินที่ให้ไม่กระจายตัว และไม่
สามารถโยกย้ายวงเงินที่ให้ไปแล้วได้ นอกจากนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ ธพ.ที่เกิดขึ้นใหม่หรือ บง.ต่างๆ ที่ยก
ระดับขึ้นเป็น ธพ. สามารถเข้ารับสิทธิ์ขอวงเงินนี้จาก ธปท.ได้ด้วย (ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.48 ปรับตัวลดลงอย่างมาก นายสันติ
วิลาสศักดานนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของ
ภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.48 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอย่างมากมาอยู่ที่
ระดับ 78.8 จาก 90.5 ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่ทำดัชนีมาเมื่อปี 45 โดย
ดัชนีหลักที่นำมาใช้ในการคำนวณ 4 ใน 5 ตัวปรับตัวลดลง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอด
ขาย ปริมาณการผลิต และกำไรสุทธิ ปรับตัวลดลงจาก 111.5 110.3 112.7 และ 91.8 ในเดือน พ.ค.
เป็น 91.0 90.9 98.2 และ 80.9 ในเดือน มิ.ย. ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของต้นทุนการ
ประกอบการปรับเพิ่มขึ้นจาก 40.3 เป็น 42.3 ทั้งนี้ การที่ดัชนีลดลงมากเป็นเพราะในเดือน มิ.ย. รัฐบาลลอยตัว
ราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินสูงขึ้นถือเป็นปัจจัยลบที่กระทบกิจการทั้งในปัจจุบันและอนาคต
รวมถึงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ปัญหาด้านภาวะการแข่งขันรุนแรงภายในและต่างประเทศ
ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ และปัญหาภัยแล้งในภาคตะวันออก (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
4. ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนในไตรมาส 2 ปี 48 ลดลงจากไตรมาสแรก รายงานข่าวจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ฝ่ายระบบการชำระเงิน ธปท. รายงานตัวเลขการหักบัญชีระหว่างธนาคาร
ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 48 ปริมาณเช็คเรียกเก็บเพื่อการหักบัญชีเช็คระหว่าง
ธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทั้งสิ้น 16,052,644 ฉบับ ลดลง 0.2% จากจำนวน 16,078,933 ฉบับ
ในไตรมาสแรก ในขณะที่มีมูลค่า 6,170,690 ล.บาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากไตรมาสแรก สำหรับเช็คเรียกเก็บเฉลี่ย
ต่อวันทำการมีมูลค่า 106,390 ล.บาท ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น
13% โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินค้าเพื่อการผลิต ส่วนปริมาณเช็ค
คืนในไตรมาสที่ 2 มีจำนวน 370,013 ฉบับลดลงเมื่อเทียบกับจำนวน 368,348 ฉบับในไตรมาสก่อนหน้า หรือคิด
เป็นมูลค่า 46,070 ล.บาท ลดลง 3,000 ล.บาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่า 49,070 ล.บาท
สำหรับสัดส่วนและปริมาณเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บคงที่จากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 2.3% และ 0.7% ตามลำดับ (ผู้
จัดการรายวัน)
5. กกร.เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ รมว.คลัง นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธาน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 ก.ค.48 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3
สถาบัน (กกร.) จะหารือร่วมกับ รมว.คลัง เกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจและข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่
ขณะนี้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเริ่มถดถอยจากประเด็นปัญหาหลายด้าน ทั้งราคาน้ำมัน ปัญหาความไม่สงบในภาค
ใต้ ผลกระทบการท่องเที่ยวจากกรณีคลื่นยักษ์สึนามิ โดยข้อเสนอของ กกร. มีทั้งหมด 9 ข้อ ได้แก่ 1) การผลักดัน
การส่งออกที่ต้องเร่งเจรจาขอคืนสิทธิพิเศษทางภาษี(จีเอสพี)จากอียูและ สรอ. 2) การผลักดันการท่องเที่ยว 3)
ชะลอหรือควบคุมการนำเข้า 4) การประหยัดพลังงาน 5) เสนอให้รัฐทบทวนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโป
รเจกต์) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของโครงการ 6) เพิ่มศักยภาพด้านแรงงาน 7) การส่งเสริม
การลงทุน 8) การรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศมีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และ 9) การทบทวนโครงสร้างภาษี
ให้เหมาะสมและยกเลิกการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าจีดีพี สรอ. ไตรมาส 2 ปีนี้จะเติบโตร้อยละ 3.4 รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ
สรอ. เมื่อวันที่ 27 ก.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจ
สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.4 ลดลงจากร้อยละ 3.8 ในไตรมาสแรก เนื่องจากมีความกังวล
เกี่ยวกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้คาดว่าจะมีสินค้าคงค้างอยู่ในสต็อกจำนวนมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
และส่งผลให้ต้องมีการควบคุมผลผลิตในช่วงไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคปรับตัวดีขึ้นแม้ว่าต้นทุนพลังงานจะยังอยู่ในระดับสูง ตลอดจนการส่งออกขยายตัว
เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้านนักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทก็มีมุมมองในด้านบวกเช่นกัน แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย
และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนกล่าวว่าปัจจัยบวกหลาย
อย่างส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. เช่น รายได้หลังหักภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ภาวะการซื้อขาย
บ้านที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าราคา
พลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยับยั้งการบริโภคได้ นอกจากนี้ อัตราเงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงมากอย่างชัดเจนพอที่จะ
ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 ลดลงเมื่อใกล้จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน
ก.ย.48 นี้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 27 ก.ค.48 แหล่งข่าวจากกรมแรงงานของเยอรมนีแจ้งว่าจำนวนคนว่าง
งานในเยอรมนีหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลง 40,000 คนในเดือน ก.ค.48 จากเดือนก่อน นับเป็นเดือนที่
4 ติดต่อกันที่จำนวนคนว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลลดลง โดยผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจำนวนคนว่างงานใน
เดือน ก.ค.48 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลจะลดลง 10,000 คนซึ่งทำให้อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 11.7 ใน
ขณะที่จำนวนคนว่างงานก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 68,000 คนทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่ม
ขึ้นเป็น 4.772 ล้านคนซึ่งเท่ากับอัตราการว่างงานร้อยละ 11.5 อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าตัวเลข
จำนวนคนว่างงานที่ลดลงไม่ได้ช่วยให้ตลาดแรงงานดีขึ้นแต่อย่างไรตราบใดที่ยังไม่มีการจ้างงานใหม่เกิดขึ้น โดย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาจำนวนคนว่างงานในเยอรมนีมีจำนวนมากกว่า 5 ล้านคน อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่หลังสงคราม
โลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาและเป็นประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านนำมาใช้หาเสียงโจมตีพรรครัฐบาลโดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า
พรรครัฐบาลมีคะแนนเสียงเป็นรองพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านประมาณร้อยละ 15 — 17 กรมแรงงาน
ของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลขการว่างงานในวันที่ 28 ก.ค.48 นี้ เวลา 8.00 น.ตามเวลากรีนนิช
(รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.1 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 48 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย. ขยายตัวจากช่วง
เดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 และเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.1 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) สอดคล้อง
กับผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดค้าปลีกดังกล่าวจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.2 และเป็น
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนถึงการบริโภคในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความ
วิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากการส่งออกลดลงก็ตาม ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบัน
วิจัย Mizuho เห็นว่าตัวเลขยอดค้าปลีกดังกล่าวชี้ว่าการใช้จ่ายบริโภคยังคงแข็งแกร่งและการขยายตัวของยอดค้า
ปลีกบางส่วนเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมราคาน้ำมันการใช้จ่ายบริโภคก็ยังคงแข็ง
แกร่ง ทั้งนี้การใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากแคมเปญ Cool Biz ที่ส่งเสริมการแต่งกายเพื่อการประหยัด
พลังงาน ซึ่งโครงการนี้อาจจะไม่ได้กำไรแต่เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในปัจจุบัน (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงร้อยละ
2.4 เทียบต่อเดือน รายงานจากโซล เมื่อ 28 ก.ค.48 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม
ของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อเดือน และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 และ 3.9 ตามลำดับ สนับสนุนการคาดการณ์
ของรัฐบาลที่ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาขายปลีกและขายส่งในเดือน มิ.ย.48
ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.3 เทียบต่อเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 ในเดือน พ.ค.(ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.7 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ธ.
กลางเกาหลีใต้ได้ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปี 48 ว่าขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับไตร
มาสแรก ซึ่งนับว่าสูงกว่าที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 48 27 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.743 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5753/41.8632 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.78125 — 2.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 665.72/ 12.04 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.76 52.3 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.พาณิชย์เชื่อมั่นว่ายอดขาดดุลการค้าทั้งปี 48 จะไม่เกิน 2,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. รมว.
พาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน มิ.ย.48 และช่วง 6 เดือนแรกปี 48 โดยใน
เดือน มิ.ย. การส่งออกมีมูลค่า 9,266 ล.ดอลลาร์ การนำเข้ามีมูลค่า 11,148 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาด
ดุลการค้าจำนวน 1,882 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก การส่งออกมีมูลค่า 51,828 ล.ดอลลาร์
สรอ. การนำเข้ามีมูลค่า 59,982 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้าจำนวน 8,154 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ ตามแผนเดิมคาดว่าทั้งปีจะขาดดุลการค้า 8,200 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกขาดดุลแล้ว
จำนวน 8,154 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มหลังการหารือกับผู้ส่งออกแล้วคาดว่าครึ่งปีหลังจะส่งออก
ได้ 65,368 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การนำเข้าครึ่งปีหลังกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 59,098 ล.ดอลลาร์ สรอ. จะ
ส่งผลให้ครึ่งปีหลังเกินดุลเป็นจำนวน 6,270 ล.ดอลลาร์ สรอ. และเมื่อหักลบจากการขาดดุลที่คาดไว้ 8,200 ล.
ดอลลาร์ สรอ. จะส่งผลให้ทั้งปีขาดดุลประมาณ 1,884 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือมากที่สุดไม่เกิน 2,000 ล.
ดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีผ่าน ธปท. ของสถาบันการ
เงิน นางสาวนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงนามในหนังสือเวียนไปยัง
สถาบันการเงินทุกแห่ง กำหนดให้ต้องแจ้งวงเงินและแผนการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีที่ต้องการจะขอกู้ยืมเงินจาก
ธปท. โดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินเอสเอ็มอีเป็นประกัน เพื่อให้ ธปท.พิจารณาวงเงินให้กู้ยืมที่จะให้แต่ละแห่งประจำปี
49 ได้ ภายหลังที่พบว่า วงเงินกู้ยืมดังกล่าวในแต่ละปี ส่วนใหญ่ธนาคารขอวงเงินไว้น้อยกว่าความต้องการสินเชื่อที่
มีเข้ามามาก ขณะที่บางแห่งขอวงเงินไว้มากแต่ปรากฎว่าใช้จริงน้อย ทำให้วงเงินที่ให้ไม่กระจายตัว และไม่
สามารถโยกย้ายวงเงินที่ให้ไปแล้วได้ นอกจากนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ ธพ.ที่เกิดขึ้นใหม่หรือ บง.ต่างๆ ที่ยก
ระดับขึ้นเป็น ธพ. สามารถเข้ารับสิทธิ์ขอวงเงินนี้จาก ธปท.ได้ด้วย (ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.48 ปรับตัวลดลงอย่างมาก นายสันติ
วิลาสศักดานนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของ
ภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน มิ.ย.48 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอย่างมากมาอยู่ที่
ระดับ 78.8 จาก 90.5 ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่ทำดัชนีมาเมื่อปี 45 โดย
ดัชนีหลักที่นำมาใช้ในการคำนวณ 4 ใน 5 ตัวปรับตัวลดลง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอด
ขาย ปริมาณการผลิต และกำไรสุทธิ ปรับตัวลดลงจาก 111.5 110.3 112.7 และ 91.8 ในเดือน พ.ค.
เป็น 91.0 90.9 98.2 และ 80.9 ในเดือน มิ.ย. ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของต้นทุนการ
ประกอบการปรับเพิ่มขึ้นจาก 40.3 เป็น 42.3 ทั้งนี้ การที่ดัชนีลดลงมากเป็นเพราะในเดือน มิ.ย. รัฐบาลลอยตัว
ราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินสูงขึ้นถือเป็นปัจจัยลบที่กระทบกิจการทั้งในปัจจุบันและอนาคต
รวมถึงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ปัญหาด้านภาวะการแข่งขันรุนแรงภายในและต่างประเทศ
ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ และปัญหาภัยแล้งในภาคตะวันออก (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
4. ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนในไตรมาส 2 ปี 48 ลดลงจากไตรมาสแรก รายงานข่าวจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ฝ่ายระบบการชำระเงิน ธปท. รายงานตัวเลขการหักบัญชีระหว่างธนาคาร
ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 48 ปริมาณเช็คเรียกเก็บเพื่อการหักบัญชีเช็คระหว่าง
ธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทั้งสิ้น 16,052,644 ฉบับ ลดลง 0.2% จากจำนวน 16,078,933 ฉบับ
ในไตรมาสแรก ในขณะที่มีมูลค่า 6,170,690 ล.บาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากไตรมาสแรก สำหรับเช็คเรียกเก็บเฉลี่ย
ต่อวันทำการมีมูลค่า 106,390 ล.บาท ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น
13% โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินค้าเพื่อการผลิต ส่วนปริมาณเช็ค
คืนในไตรมาสที่ 2 มีจำนวน 370,013 ฉบับลดลงเมื่อเทียบกับจำนวน 368,348 ฉบับในไตรมาสก่อนหน้า หรือคิด
เป็นมูลค่า 46,070 ล.บาท ลดลง 3,000 ล.บาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่า 49,070 ล.บาท
สำหรับสัดส่วนและปริมาณเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บคงที่จากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 2.3% และ 0.7% ตามลำดับ (ผู้
จัดการรายวัน)
5. กกร.เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ รมว.คลัง นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธาน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 ก.ค.48 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3
สถาบัน (กกร.) จะหารือร่วมกับ รมว.คลัง เกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจและข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่
ขณะนี้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเริ่มถดถอยจากประเด็นปัญหาหลายด้าน ทั้งราคาน้ำมัน ปัญหาความไม่สงบในภาค
ใต้ ผลกระทบการท่องเที่ยวจากกรณีคลื่นยักษ์สึนามิ โดยข้อเสนอของ กกร. มีทั้งหมด 9 ข้อ ได้แก่ 1) การผลักดัน
การส่งออกที่ต้องเร่งเจรจาขอคืนสิทธิพิเศษทางภาษี(จีเอสพี)จากอียูและ สรอ. 2) การผลักดันการท่องเที่ยว 3)
ชะลอหรือควบคุมการนำเข้า 4) การประหยัดพลังงาน 5) เสนอให้รัฐทบทวนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโป
รเจกต์) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของโครงการ 6) เพิ่มศักยภาพด้านแรงงาน 7) การส่งเสริม
การลงทุน 8) การรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศมีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และ 9) การทบทวนโครงสร้างภาษี
ให้เหมาะสมและยกเลิกการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าจีดีพี สรอ. ไตรมาส 2 ปีนี้จะเติบโตร้อยละ 3.4 รายงานจากกรุงนิวยอร์ค ประเทศ
สรอ. เมื่อวันที่ 27 ก.ค.48 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจ
สรอ. ในไตรมาส 2 ปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.4 ลดลงจากร้อยละ 3.8 ในไตรมาสแรก เนื่องจากมีความกังวล
เกี่ยวกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงที่ผ่านมาทำให้คาดว่าจะมีสินค้าคงค้างอยู่ในสต็อกจำนวนมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
และส่งผลให้ต้องมีการควบคุมผลผลิตในช่วงไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคปรับตัวดีขึ้นแม้ว่าต้นทุนพลังงานจะยังอยู่ในระดับสูง ตลอดจนการส่งออกขยายตัว
เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้านนักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทก็มีมุมมองในด้านบวกเช่นกัน แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย
และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนกล่าวว่าปัจจัยบวกหลาย
อย่างส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ สรอ. เช่น รายได้หลังหักภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ภาวะการซื้อขาย
บ้านที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าราคา
พลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยับยั้งการบริโภคได้ นอกจากนี้ อัตราเงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงมากอย่างชัดเจนพอที่จะ
ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีในเดือน ก.ค.48 ลดลงเมื่อใกล้จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน
ก.ย.48 นี้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 27 ก.ค.48 แหล่งข่าวจากกรมแรงงานของเยอรมนีแจ้งว่าจำนวนคนว่าง
งานในเยอรมนีหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วลดลง 40,000 คนในเดือน ก.ค.48 จากเดือนก่อน นับเป็นเดือนที่
4 ติดต่อกันที่จำนวนคนว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลลดลง โดยผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่าจำนวนคนว่างงานใน
เดือน ก.ค.48 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลจะลดลง 10,000 คนซึ่งทำให้อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 11.7 ใน
ขณะที่จำนวนคนว่างงานก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 68,000 คนทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่ม
ขึ้นเป็น 4.772 ล้านคนซึ่งเท่ากับอัตราการว่างงานร้อยละ 11.5 อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าตัวเลข
จำนวนคนว่างงานที่ลดลงไม่ได้ช่วยให้ตลาดแรงงานดีขึ้นแต่อย่างไรตราบใดที่ยังไม่มีการจ้างงานใหม่เกิดขึ้น โดย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาจำนวนคนว่างงานในเยอรมนีมีจำนวนมากกว่า 5 ล้านคน อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่หลังสงคราม
โลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาและเป็นประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านนำมาใช้หาเสียงโจมตีพรรครัฐบาลโดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า
พรรครัฐบาลมีคะแนนเสียงเป็นรองพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านประมาณร้อยละ 15 — 17 กรมแรงงาน
ของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลขการว่างงานในวันที่ 28 ก.ค.48 นี้ เวลา 8.00 น.ตามเวลากรีนนิช
(รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.1 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 48 ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย. ขยายตัวจากช่วง
เดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 และเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.1 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) สอดคล้อง
กับผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดค้าปลีกดังกล่าวจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.2 และเป็น
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนถึงการบริโภคในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความ
วิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากการส่งออกลดลงก็ตาม ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบัน
วิจัย Mizuho เห็นว่าตัวเลขยอดค้าปลีกดังกล่าวชี้ว่าการใช้จ่ายบริโภคยังคงแข็งแกร่งและการขยายตัวของยอดค้า
ปลีกบางส่วนเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมราคาน้ำมันการใช้จ่ายบริโภคก็ยังคงแข็ง
แกร่ง ทั้งนี้การใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากแคมเปญ Cool Biz ที่ส่งเสริมการแต่งกายเพื่อการประหยัด
พลังงาน ซึ่งโครงการนี้อาจจะไม่ได้กำไรแต่เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในปัจจุบัน (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงร้อยละ
2.4 เทียบต่อเดือน รายงานจากโซล เมื่อ 28 ก.ค.48 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรม
ของเกาหลีใต้ในเดือน มิ.ย.48 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อเดือน และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 และ 3.9 ตามลำดับ สนับสนุนการคาดการณ์
ของรัฐบาลที่ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาขายปลีกและขายส่งในเดือน มิ.ย.48
ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.3 เทียบต่อเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 ในเดือน พ.ค.(ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.7 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ธ.
กลางเกาหลีใต้ได้ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ปี 48 ว่าขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับไตร
มาสแรก ซึ่งนับว่าสูงกว่าที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.9 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 ก.ค. 48 27 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.743 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5753/41.8632 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.78125 — 2.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 665.72/ 12.04 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,300/8,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.76 52.3 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--