ทั่วโลกได้ยอมรับฝีมือการเจียระไนอัญมณีของไทยมาเป็นเวลาช้านานและยังคงมีความเชื่อมั่นต่อไปในอนาคต ซึ่งสามารถสังเกตได้จากผู้ค้าอัญมณีในตลาดโลก นอกจากจะสั่งซื้ออัญมณีที่เจียระไนแล้วจากประเทศไทยไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับแล้วยังส่งอัญมณีเข้ามาเจียระไนที่ประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก และจากชื่อเสียงนี้มีผลให้นักธุรกิจในอุตสาหกรรมเจียระไนเพชรเห็นถึงศักยภาพ ต่อการขยายฐานการเจียระไนเพชรมายังประเทศไทย อุตสาหกรรมการเจียระไนเพชรจึงเกิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อปี 2523 โดยนักลงทุนจากเบลเยี่ยม อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และ อิสราเอลเข้ามาลงทุนและลงทุนร่วมกับชาวไทย ดำเนินการเจียระไนเพชร เพื่อการส่งออก
เพชรที่เจียระไนที่ประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเพชรขนาดเล็ก ซึ่งได้รับการยอมรับในฝีมือการเจียระไนอย่างกว้างขวาง มีผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชรอันดับ 5 ของโลก และมีตลาดกลางค้าเพชร
การส่งออกเพชรของประเทศไทยเมื่อเทียบกับการส่งออกพลอย พบว่าในอดีตถึงปี 2535 มูลค่าการส่งออกเพชรน้อยกว่าพลอย แต่ต่อมาปี 2536 มูลค่าการส่งออกเพชรสูงกว่าพลอยเป็นครั้งแรก โดยมีมูลค่า 12,075.5 ล้านบาท ในขณะที่การส่งออกพลอยและไข่มุก มีมูลค่า 11,413.5 ล้านบาท ต่อมาการส่งออกเพขรได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,230.3 ล้านบาท ในปี 2539 และปี 2540 มูลค่าลดลงเป็น 15,899.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 21.4 ส่วนปี 2541 ในไตรมาสแรกมีมูลค่า 3,688.8 ล้านบาท เทียบกับ 4,289.3 ล้านบาท ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 14.0
ตลาดส่งออกเพชรที่สำคัญ 5 อันดับแรก คือ เบลเยี่ยม อิสราเอล ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 95.2 ของมูลค่าการส่งออกรวม และใน 5 อันดับนี้มี 3 ตลาดที่มีอัตราลดลง คือ เบลเยี่ยม ลดลงร้อยละ 5.3 ฮ่องกงลดลงร้อยละ 70.0 สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 35.0 ส่วนอิสราเอลและญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 62.3 และ 10.5 ตามลำดับ การที่มูลค่าการส่งออกเพชรไปยังตลาดเบลเยี่ยม ฮ่องกงและสหรัฐฯ ลดลงอาจจะมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน หรือขยายการนำเข้าจากแหล่งผลิตอื่นมากขึ้น
แนวโน้มการค้าเพชรในตลาดโลก จากข้อมูลการนำเข้าส่งออกเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชร 3 แห่ง คือ เบลเยี่ยม สหราชอาณาจักร และอิสราเอล โดยทั้ง 3 ประเทศนี้มีมูลค่าการค้ารวมกันประมาณ 43,919.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2539 เทียบกับ 40,246.52 ล้านเหรียญของปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 แสดงให้เห็นว่าในภาวะปกติ การค้าเพชรในตลาดการค้า ที่สำคัญมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียประสบภาวะผันผวน มีผลให้กำลังซื้อในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการนำเข้าเพชรในปี 2541 ไตรมาสแรกมีมูลค่า 285.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 459.2 ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 37 จึงสามารถอนุมาน ได้ว่าการค้าเพชรปี 2541 ในภูมิภาคเอเชียกำลังมีแนวโน้มลดลง เพราะมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นสำคัญ ดังนั้น การส่งออกเพชรไปยังตลาดโลกในปัจจุบันจึงเน้นไปยังประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรักษาตลาดหลักให้สามารถคงอยู่แม้จะประสบปัญหาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็ตาม
สถิติการส่งออกเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่สำคัญ
ประเทศ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัว(ร้อยละ)
1994 1995 1996 95 96
เบลเยี่ยม 9,333.9 10,693.8 11,243.5 14.5 5.1
สหราชอาณาจักร 4,224.0 4,526.9 5,088.5 7.1 12.4
อิสราเอล 4,892.2 5,666.1 6,202.4 15.8 9.4
สถิติการนำเข้าเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่สำคัญ
ประเทศ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัว(ร้อยละ)
1994 1995 1996 95 96
เบลเยี่ยม 8,965.8 10,268.2 11,232.4 14.5 9.4
สหราชอาณาจักร 4,124.7 4,656.3 5,078.2 12.8 9.0
อิสราเอล 3,919.2 4,434.8 5,074.2 13.1 14.4
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--
เพชรที่เจียระไนที่ประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเพชรขนาดเล็ก ซึ่งได้รับการยอมรับในฝีมือการเจียระไนอย่างกว้างขวาง มีผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชรอันดับ 5 ของโลก และมีตลาดกลางค้าเพชร
การส่งออกเพชรของประเทศไทยเมื่อเทียบกับการส่งออกพลอย พบว่าในอดีตถึงปี 2535 มูลค่าการส่งออกเพชรน้อยกว่าพลอย แต่ต่อมาปี 2536 มูลค่าการส่งออกเพชรสูงกว่าพลอยเป็นครั้งแรก โดยมีมูลค่า 12,075.5 ล้านบาท ในขณะที่การส่งออกพลอยและไข่มุก มีมูลค่า 11,413.5 ล้านบาท ต่อมาการส่งออกเพขรได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,230.3 ล้านบาท ในปี 2539 และปี 2540 มูลค่าลดลงเป็น 15,899.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 21.4 ส่วนปี 2541 ในไตรมาสแรกมีมูลค่า 3,688.8 ล้านบาท เทียบกับ 4,289.3 ล้านบาท ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 14.0
ตลาดส่งออกเพชรที่สำคัญ 5 อันดับแรก คือ เบลเยี่ยม อิสราเอล ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 95.2 ของมูลค่าการส่งออกรวม และใน 5 อันดับนี้มี 3 ตลาดที่มีอัตราลดลง คือ เบลเยี่ยม ลดลงร้อยละ 5.3 ฮ่องกงลดลงร้อยละ 70.0 สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 35.0 ส่วนอิสราเอลและญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 62.3 และ 10.5 ตามลำดับ การที่มูลค่าการส่งออกเพชรไปยังตลาดเบลเยี่ยม ฮ่องกงและสหรัฐฯ ลดลงอาจจะมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน หรือขยายการนำเข้าจากแหล่งผลิตอื่นมากขึ้น
แนวโน้มการค้าเพชรในตลาดโลก จากข้อมูลการนำเข้าส่งออกเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชร 3 แห่ง คือ เบลเยี่ยม สหราชอาณาจักร และอิสราเอล โดยทั้ง 3 ประเทศนี้มีมูลค่าการค้ารวมกันประมาณ 43,919.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2539 เทียบกับ 40,246.52 ล้านเหรียญของปี 2538 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 แสดงให้เห็นว่าในภาวะปกติ การค้าเพชรในตลาดการค้า ที่สำคัญมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียประสบภาวะผันผวน มีผลให้กำลังซื้อในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการนำเข้าเพชรในปี 2541 ไตรมาสแรกมีมูลค่า 285.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 459.2 ของปี 2540 ในช่วงระยะเดียวกันลดลงร้อยละ 37 จึงสามารถอนุมาน ได้ว่าการค้าเพชรปี 2541 ในภูมิภาคเอเชียกำลังมีแนวโน้มลดลง เพราะมีสาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นสำคัญ ดังนั้น การส่งออกเพชรไปยังตลาดโลกในปัจจุบันจึงเน้นไปยังประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรักษาตลาดหลักให้สามารถคงอยู่แม้จะประสบปัญหาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็ตาม
สถิติการส่งออกเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่สำคัญ
ประเทศ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัว(ร้อยละ)
1994 1995 1996 95 96
เบลเยี่ยม 9,333.9 10,693.8 11,243.5 14.5 5.1
สหราชอาณาจักร 4,224.0 4,526.9 5,088.5 7.1 12.4
อิสราเอล 4,892.2 5,666.1 6,202.4 15.8 9.4
สถิติการนำเข้าเพชรของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่สำคัญ
ประเทศ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราการขยายตัว(ร้อยละ)
1994 1995 1996 95 96
เบลเยี่ยม 8,965.8 10,268.2 11,232.4 14.5 9.4
สหราชอาณาจักร 4,124.7 4,656.3 5,078.2 12.8 9.0
อิสราเอล 3,919.2 4,434.8 5,074.2 13.1 14.4
--กรมส่งเสริมการส่งออก กันยายน 2541--