ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 48 ลงเหลือ 3.5-4.5% นางอัจนา
ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจไทยในปี 48 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5-4.5% จากประมาณการเดิม 4.5-5.5% โดยมีสาเหตุจากราคา
น้ำมันที่สูงขึ้น แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในไตรมาสที่ 1 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ปรับลด
ลง และการที่ไทยสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ 5 เดือนแรก ไทยขาดดุลการค้า
6,609 ล.ดอลลาร์ สรอ. และดุลบัญชีเดินสะพัด 4,672 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าน้ำมันดิบ 5 เดือนแรก
ขยายตัวเพิ่มขึ้น 77.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 48 ไทยจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8,000-
9,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากประมาณการเดิม 4,000-5,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีคาด
ว่าจะขาดดุล 3,000-4,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากประมาณการเดิม 1,000-2,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ธปท.ได้ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มเป็น 4.0-4.5% จากประมาณการเดิม 3-4% เนื่องจาก
ธปท.เริ่มเห็นแรงกดดันจากราคาสินค้าและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาก แต่ยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 1-
2% เท่ากับประมาณการเดิม (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. คาดว่าการขาดดุลการค้าในเดือน ก.ค.48 จะต่ำกว่า 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. รมว.
พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ รมว.คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปัญหาการขาดดุลการค้า
ของไทยซึ่งขาดดุลติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากปัญหาการนำเข้าน้ำมันที่มีปริมาณสูงขึ้นและการที่น้ำมันราคา
แพงขึ้น โดยกล่าวว่า เดือน ก.ค.จะเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเลขการนำเข้าและส่งออก ซึ่งตามแนวโน้มเชื่อว่าการนำ
เข้าจะเริ่มลดลงโดยเฉพาะน้ำมันเนื่องจากประชาชนช่วยกันประหยัดมากขึ้น โดย รมว.พลังงานเปิดเผยว่า ปัจจุบัน
การใช้น้ำมันดีเซลได้ลดลงมาอยู่ที่วันละ 46 ล้านลิตรจากเดิม 50 ล้านลิตร ส่วนน้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่วันละ
18 ล้านลิตรจากเดิม 22 ล้านลิตร ทำให้มีแนวโน้มว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในครึ่งปีหลังจะลดลงอย่างต่อเนื่อง นอก
จากนี้ ตามปกติของการส่งออกจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้มั่นใจได้ว่าการขาดดุลการค้าในเดือน
ก.ค.จะต่ำกว่า 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหุ้นไทยยังคงประสบปัญหาสืบเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ประธานกรรมการบริษัท
หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ของไทยในปัจจุบันยังคงประสบ
ปัญหา แม้ค่าพี/อีเรโชจะอยู่ในระดับต่ำ 8-9 เท่า แต่เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นไทยเป็นประเภทโภคภัณฑ์
จึงมีค่าพี/อีเรโชต่ำ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการลง
ทุนในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ การลอยตัวราคาน้ำมัน ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ปัญหาภัยแล้งในภาคตะวันออก และ
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งแม้ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะค่อนข้างดี แต่ในไตรมาส 3
และ 4 ยังคงมีความไม่แน่นอน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราคนว่างงานของ สรอ. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ
สรอ. เมื่อวันที่ 28 ก.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่ลงทะเบียนครั้งแรกเพื่อขอรับ
ความช่วยเหลือจากรัฐเนื่องจากไม่มีงานทำ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 5,000 ราย เป็น
310,000 ราย จาก 305,000 ราย ในสัปดาห์ก่อน แต่ต่ำกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีคนว่างงานขอรับความ
ช่วยเหลือจากรัฐ จำนวน 340,000 ราย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นครั้งนี้ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ระดับ
317,000 ราย ซึ่ง ก.แรงงานกล่าวว่าไม่มีปัจจัยพิเศษใด ๆ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ในขณะที่จำนวนคนว่าง
งานที่ยังคงลงทะเบียนเป็นผู้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 32,000 ราย
เป็น 2.6 ล้านราย (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษเดือน ก.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี ที่ร้อยละ 2.6 รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 28 ก.ค.48 สมาคมก่อสร้างที่อยู่อาศัยของอังกฤษ (The Nationwide building
society) เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.ค.48 ลดลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 9 ปี (พ.
ค.39) โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี ลดลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือน มิ.ย.48 และลดลงจากร้อยละ
20.3 ที่เป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มชะลอตัว ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยต่อหลังอยู่ที่ราคา
158,348 ปอนด์ ทำให้คาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ สมาคมกล่าวว่า
ความกังวลอย่างมากในขณะนี้ คือ ภาวะชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้
บริโภคอ่อนตัวลง นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ราคา
บ้านในอังกฤษที่แท้จริงที่ไม่อาจปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกนั้นอาจทำลายความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนชาวอังกฤษ
ได้ อนึ่ง ราคาบ้านในอังกฤษเมื่อเทียบต่อปีที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.6 อยู่ในระดับต่ำกว่าดัชนีราคาขายปลีก (ที่เป็น
เครื่องชี้วัดระดับราคาในระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ) ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิ
ฟิคยกเว้นจีนและอินเดียลง รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 28 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ 100 คน
ใน 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จะชะลอตัวลง โดยได้ปรับลด
ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน พ.ค.48 ทั้งนี้ยกเว้นจีนและอินเดียที่
ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน โดยคาดว่า 6 ประเทศหรือครึ่งหนึ่งของ
ประเทศที่สำรวจในครั้งนี้คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย เกาหลีใต้และสิงคโปร์จะมีอัตราการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่มา โดยเฉพาะนิวซีแลนด์ที่คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวใน
อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 41 เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีอันเป็นผล
จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 40 โดยคาดว่าการนำเข้าน้ำมันจะทำให้
ประเทศไทยขาดดุลการค้าในปีนี้ถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับประมาณการครั้งก่อนในเดือน พ.ค.48 ที่
คาดว่าจะขาดดุลการค้าเพียง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากในปี 47 ประเทศไทยเกินดุลการค้าจำนวน 1.7
พันล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแล้วอีกเหตุผลหนึ่งที่คาดว่าทำให้
เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ชะลอตัวลงคือการชะลอตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไต้หวัน
เกาหลีใต้ สิงคโปร์และมาเลเซีย อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะขยายตัวดีขึ้นในปี
หน้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ สรอ.และการปรับขึ้นค่าเงินหยวนของจีนซึ่งจะช่วยให้ประเทศใน
ภูมิภาคนี้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกจะช่วยรองรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่
28 ก.ค. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มเป็นไปในแนว
ทางที่รัฐบาลพยายามที่จะลดความร้อนแรงทางด้านสินเชื่อและการลงทุนลง อย่างไรก็ตามการส่งออกที่แข็งแกร่งจะ
ช่วยกระตุ้นการเกินดุลการค้าและป้องกันการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่จะลดลงอย่างมาก ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
เศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวราวร้อยละ 9.5 จากช่วงเดียวกันปีที่
แล้วซึ่งเป็นการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 9 ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 โดย Ma Qing นักเศรษฐศาสตร์
จาก CITIC Securities ในปักกิ่งคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงที่ร้อยละ 8.5 แต่การส่งออกที่แข็ง
แกร่งจะช่วงค้ำจุนเศรษฐกิจ โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 30 ต่อปี ทั้งนี้นาย Huo
Jianguo รองผอก.การค้าต่างประเทศของจีนคาดว่าการส่งออกของจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 25 และจะเกิน
ดุลการค้ามากกว่า 80 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่า
ขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมาจะไม่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ การดุลการ
ค้าของจีนในระยะสั้น แต่จะกระทบในระยะยาว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ก.ค. 48 28 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.775 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5559/41.8367 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.78125 — 2.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 670.09/ 19.58 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,400/8,500 8,350/8,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.63 52.76 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 48 ลงเหลือ 3.5-4.5% นางอัจนา
ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจไทยในปี 48 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5-4.5% จากประมาณการเดิม 4.5-5.5% โดยมีสาเหตุจากราคา
น้ำมันที่สูงขึ้น แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในไตรมาสที่ 1 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ปรับลด
ลง และการที่ไทยสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ 5 เดือนแรก ไทยขาดดุลการค้า
6,609 ล.ดอลลาร์ สรอ. และดุลบัญชีเดินสะพัด 4,672 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยการนำเข้าน้ำมันดิบ 5 เดือนแรก
ขยายตัวเพิ่มขึ้น 77.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 48 ไทยจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8,000-
9,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากประมาณการเดิม 4,000-5,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีคาด
ว่าจะขาดดุล 3,000-4,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. จากประมาณการเดิม 1,000-2,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ธปท.ได้ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มเป็น 4.0-4.5% จากประมาณการเดิม 3-4% เนื่องจาก
ธปท.เริ่มเห็นแรงกดดันจากราคาสินค้าและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาก แต่ยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 1-
2% เท่ากับประมาณการเดิม (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด)
2. คาดว่าการขาดดุลการค้าในเดือน ก.ค.48 จะต่ำกว่า 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. รมว.
พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ รมว.คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปัญหาการขาดดุลการค้า
ของไทยซึ่งขาดดุลติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากปัญหาการนำเข้าน้ำมันที่มีปริมาณสูงขึ้นและการที่น้ำมันราคา
แพงขึ้น โดยกล่าวว่า เดือน ก.ค.จะเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเลขการนำเข้าและส่งออก ซึ่งตามแนวโน้มเชื่อว่าการนำ
เข้าจะเริ่มลดลงโดยเฉพาะน้ำมันเนื่องจากประชาชนช่วยกันประหยัดมากขึ้น โดย รมว.พลังงานเปิดเผยว่า ปัจจุบัน
การใช้น้ำมันดีเซลได้ลดลงมาอยู่ที่วันละ 46 ล้านลิตรจากเดิม 50 ล้านลิตร ส่วนน้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่วันละ
18 ล้านลิตรจากเดิม 22 ล้านลิตร ทำให้มีแนวโน้มว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในครึ่งปีหลังจะลดลงอย่างต่อเนื่อง นอก
จากนี้ ตามปกติของการส่งออกจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้มั่นใจได้ว่าการขาดดุลการค้าในเดือน
ก.ค.จะต่ำกว่า 1,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
3. ตลาดหุ้นไทยยังคงประสบปัญหาสืบเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ประธานกรรมการบริษัท
หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ของไทยในปัจจุบันยังคงประสบ
ปัญหา แม้ค่าพี/อีเรโชจะอยู่ในระดับต่ำ 8-9 เท่า แต่เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นไทยเป็นประเภทโภคภัณฑ์
จึงมีค่าพี/อีเรโชต่ำ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการลง
ทุนในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ การลอยตัวราคาน้ำมัน ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ปัญหาภัยแล้งในภาคตะวันออก และ
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งแม้ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะค่อนข้างดี แต่ในไตรมาส 3
และ 4 ยังคงมีความไม่แน่นอน (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราคนว่างงานของ สรอ. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ
สรอ. เมื่อวันที่ 28 ก.ค.48 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า จำนวนคนอเมริกันที่ลงทะเบียนครั้งแรกเพื่อขอรับ
ความช่วยเหลือจากรัฐเนื่องจากไม่มีงานทำ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 5,000 ราย เป็น
310,000 ราย จาก 305,000 ราย ในสัปดาห์ก่อน แต่ต่ำกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีคนว่างงานขอรับความ
ช่วยเหลือจากรัฐ จำนวน 340,000 ราย ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นครั้งนี้ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ระดับ
317,000 ราย ซึ่ง ก.แรงงานกล่าวว่าไม่มีปัจจัยพิเศษใด ๆ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ในขณะที่จำนวนคนว่าง
งานที่ยังคงลงทะเบียนเป็นผู้ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค.48 เพิ่มขึ้น 32,000 ราย
เป็น 2.6 ล้านราย (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านในอังกฤษเดือน ก.ค.48 อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี ที่ร้อยละ 2.6 รายงาน
จากลอนดอน เมื่อ 28 ก.ค.48 สมาคมก่อสร้างที่อยู่อาศัยของอังกฤษ (The Nationwide building
society) เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.ค.48 ลดลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 9 ปี (พ.
ค.39) โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี ลดลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือน มิ.ย.48 และลดลงจากร้อยละ
20.3 ที่เป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มชะลอตัว ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยต่อหลังอยู่ที่ราคา
158,348 ปอนด์ ทำให้คาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ สมาคมกล่าวว่า
ความกังวลอย่างมากในขณะนี้ คือ ภาวะชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้
บริโภคอ่อนตัวลง นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษ กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ราคา
บ้านในอังกฤษที่แท้จริงที่ไม่อาจปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกนั้นอาจทำลายความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชนชาวอังกฤษ
ได้ อนึ่ง ราคาบ้านในอังกฤษเมื่อเทียบต่อปีที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.6 อยู่ในระดับต่ำกว่าดัชนีราคาขายปลีก (ที่เป็น
เครื่องชี้วัดระดับราคาในระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ) ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิ
ฟิคยกเว้นจีนและอินเดียลง รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 28 ก.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ 100 คน
ใน 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จะชะลอตัวลง โดยได้ปรับลด
ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อเดือน พ.ค.48 ทั้งนี้ยกเว้นจีนและอินเดียที่
ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน โดยคาดว่า 6 ประเทศหรือครึ่งหนึ่งของ
ประเทศที่สำรวจในครั้งนี้คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย เกาหลีใต้และสิงคโปร์จะมีอัตราการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในปีนี้ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่มา โดยเฉพาะนิวซีแลนด์ที่คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวใน
อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 41 เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีอันเป็นผล
จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 40 โดยคาดว่าการนำเข้าน้ำมันจะทำให้
ประเทศไทยขาดดุลการค้าในปีนี้ถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับประมาณการครั้งก่อนในเดือน พ.ค.48 ที่
คาดว่าจะขาดดุลการค้าเพียง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากในปี 47 ประเทศไทยเกินดุลการค้าจำนวน 1.7
พันล้านดอลลาร์ สรอ. นอกจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแล้วอีกเหตุผลหนึ่งที่คาดว่าทำให้
เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ชะลอตัวลงคือการชะลอตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไต้หวัน
เกาหลีใต้ สิงคโปร์และมาเลเซีย อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะขยายตัวดีขึ้นในปี
หน้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ สรอ.และการปรับขึ้นค่าเงินหยวนของจีนซึ่งจะช่วยให้ประเทศใน
ภูมิภาคนี้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกจะช่วยรองรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน รายงานจากปักกิ่ง เมื่อวันที่
28 ก.ค. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนของรอยเตอร์คาดว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มเป็นไปในแนว
ทางที่รัฐบาลพยายามที่จะลดความร้อนแรงทางด้านสินเชื่อและการลงทุนลง อย่างไรก็ตามการส่งออกที่แข็งแกร่งจะ
ช่วยกระตุ้นการเกินดุลการค้าและป้องกันการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่จะลดลงอย่างมาก ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
เศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวราวร้อยละ 9.5 จากช่วงเดียวกันปีที่
แล้วซึ่งเป็นการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 9 ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 โดย Ma Qing นักเศรษฐศาสตร์
จาก CITIC Securities ในปักกิ่งคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงที่ร้อยละ 8.5 แต่การส่งออกที่แข็ง
แกร่งจะช่วงค้ำจุนเศรษฐกิจ โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 30 ต่อปี ทั้งนี้นาย Huo
Jianguo รองผอก.การค้าต่างประเทศของจีนคาดว่าการส่งออกของจีนจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 25 และจะเกิน
ดุลการค้ามากกว่า 80 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่า
ขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมาจะไม่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ การดุลการ
ค้าของจีนในระยะสั้น แต่จะกระทบในระยะยาว (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ก.ค. 48 28 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.775 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.5559/41.8367 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.78125 — 2.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 670.09/ 19.58 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,400/8,500 8,350/8,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.63 52.76 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 25.74*/22.99** 25.74*/22.99** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 12 ก.ค. 48
**ปรับเพิ่ม 90 สตางค์เมื่อ13 ก.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--