มาตรฐานผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์ของประเทศญี่ปุ่น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 31, 1996 16:54 —สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

         ข้อกำหนดทั่วไปเกี่ยวกับมาตรฐานของอาหาร
ประเทศญี่ปุ่นมีข้อกำหนดทั่วไปเกี่ยวกับมาตรฐานของอาหารประเภทต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการบริโภคของมนุษย์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คุณลักษณะโดยทั่วไปของผลิตภัณฑ์อาหาร (Food in Generals)
1. ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้เพื่อการบริโภคจะต้องเป็นอาหารที่ปราศจากสาร Antibiotics และห้ามไม่ให้มีการใช้สาร Antibiotics ในการเก็บรักษาอาหาร
2. ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไข่เป็ด ไข่ไก่ และเนื้อปลา จะต้องเป็นอาหารที่ไม่มีการเติมสาร Antibiotics หรือสารเคมีที่ใช้เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย
3. ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้เพื่อการบริโภคได้จะต้องไม่มีการปนเปื้อนจากรังสีต่าง ๆ ในระหว่างขบวนการบริโภค และห้ามไม่ให้ใช้วิธีการฉายรังสีเพื่อรักษาคุณภาพของอาหาร
4. ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทนมจะต้องผ่านการฆ่าทำลายเชื้อโรคโดยการผ่านความร้อนที่อุณหภูมิ 62 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที ด้วยวิธีการพาสเจอไรส์ (pasteurized) ที่มีประสิทธิภาพ อาหารประเภทนมที่ใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตอาหารในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจะต้องเป็นนมโคหรือนมแพะที่ผ่านขบวนการพาสเจอไรส
5. น้ำแข็งที่ใช้ในการให้ความเย็นเพื่อการเก็บรักษาอาหารควรจะเป็นน้ำแข็งที่ปราศจากเชื้อแบคทีเรียชนิด Coliform
6. ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเครื่องดื่ม (Soft Drinks) จะต้องอยู่ในสภาพสารละลายใสเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีความขุ่นมัว (turbidity) ปรากฎให้เห็นในสารละลายนั้น ยกเว้น ความขุ่นมัวของเครื่องดื่มที่เกิดขึ้นจากส่วนประกอบในเครื่องดื่มเอง หรือเกิดขึ้นเนื่องจากการใส่สารอาหารบางชนิดเพิ่มเติมลงไปในเครื่องดื่ม เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างกลิ่นและสีให้กับผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเครื่องดื่มนั้น ๆ โดยเฉพาะ
7. ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเครื่องดื่ม (Soft Drinks) จะต้องปราศจากการปนเปื้อนของสารโลหะดังต่อไปนี้คือ สารหนู (arsenic) ตะกั่ว และแคดเมี่ยม สำหรับสารดีบุกควรจะมีการปนเปื้อนอยู่ในระดับที่ไม่เกินกว่า 150 ส่วนในล้านส่วน (ppm) และไม่มีการตรวจพบเชื้อแบคทีเรียชนิด Coliform ในผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเครื่องดื่ม
8. ผลิตภัณฑ์อาหารประเภทน้ำแร่ (Mineral Water) จะต้องไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียดังต่อไปนี้คือ เชื้อแบคทีเรียจำพวก enterococcus และเชื้อ Pseudomonas aeruginosa
9. น้ำที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องดื่มควรจะเป็น “potable water ” คือ เป็นน้ำประปาที่ผลิตขึ้นมาโดยระบบการประปาเพื่อสาธารณะ สำหรับมาตรฐานของ potable water มีรายละเอียดโดยสรุปดังต่อไปนี้ คือ
ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียจำพวก Coliform
การปนเปื้อนของสารสังกะสี (Zinc) และทองแดง (Copper) ไม่เกิน 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของเหล็ก (Iron) และแมงกานีส (Manganese) ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของสารตะกั่ว (Lead) และฟอสฟอรัส (Organic phosphorus) ไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของสารแคดเมี่ยม (Cadmium) ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของสารหนู (Arsenic) ไม่เกิน 0.05 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของสารปรอท (Mercury) ไม่เกิน 0.0005 มิลลิกรัมต่อลิตร
การปนเปื้อนของฟีนอล (Phenols) ไม่เกิน 0.005 มิลลิกรัมต่อลิตร
ปริมาณของอินทรีย์สาร (Organic substances) ที่มีปรากฏอยู่ใน potable water กำหนดให้มีได้ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อลิตร potable water จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากกลิ่นและรส ความเป็นกรดและด่างของ potable water ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 5.8-8.6 (pH value)
10. ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง (frozen food) ที่ผู้บริโภคสามารถนำมารับประทานได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการให้ความร้อน จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อจำพวก colifrom group
ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่สามารถบริโภค ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการให้ความร้อน (frozen food served without heating) และปลาแช่แข็งเพื่อการบริโภคดิบๆ (frozen fresh fish and shellfish for raw consumption) กำหนดให้มีปริมาณเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่ในปริมาณที่ไม่เกินกว่า 100,000 ต่อปริมาณอาหาร 1 กรัม
คำว่า “Frozen Food ” หมายความถึง ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านขบวนการผลิต และอาหารประเภท ปลา หอย กุ้ง ปู ที่ถูกนำมาแช่แข็ง และบรรจุเก็บในบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อ (container-package) ยกเว้นผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ ได้แก่ เครื่องดื่ม เนื้อสัตว์ เนื้อปลาวาฬ ปลาหมึกต้น หอย
คำว่า “Frozen Food served without heating ” หมายความถึงผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่ผ่านขบวนการแช่แข็ง และไม่จำเป็นที่จะต้องผ่านขบวนการให้ความร้อนใด ๆ อีกเมื่อต้องการนำมาบริโภค
11. การใช้ Sodium Dehydroacetate เพื่อเป็นสารรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหาร (Preservatives) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารประเภท เนย เนยแข็ง มาร์การีน กำหนดให้มี Sodium Dehydroacetate ที่อยู่ในรูปแบบของ Dehydroacetic acid ในปริมาณที่ไม่มากกว่า 0.50 กรัมต่อผลิตภัณฑ์อาหารปริมาณหนึ่งกิโลกรัม
12. ปริมาณของ Sorbic acid หรือ Potassium Sorbate ที่ใช้เพื่อเป็นสารรักษาคุณ-ภาพของอาหาร (Preservatives) ในเนยแข็ง (cheese) กำหนดให้มีอยู่ในสัดส่วนที่ไม่มากกว่า 3.0 กรัมต่อปริมาณเนยแข็งหนึ่งกิโลกรัม
ข้อกำหนดทั่วไปเกี่ยวกับการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร
ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปนับวันจะมีบทบาทที่สำคัญต่อผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การขนส่งและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป อย่างไรก็ตามลักษณะและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อาหารไม่สามารถที่จะพิจารณาาและตัดสินได้จากลักษณะทางกายภาพของบรรจุภัณฑ์และข้อความบนฉลาก ซึ่งอาจจะมีความหมายที่แตกต่างกันระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค
ดังนั้นการปิดฉลากที่ถูกต้องจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถสื่อสารถึงกันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์นั้น นอกจากนี้ฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารยังเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถหลีกเลี่ยงจากการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ตามกฎหมายเกี่ยวกับสุขอนามัยของอาหาร (The Food Sanitation Law) ของประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปทุกชนิดจะต้องมีการปิดฉลากโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารในหมวดดังต่อไปนี้
1. มาร์การีน (Margarine)
2. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
3. เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม (Soft Drinks)
4. ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ (Meat products)
5. เนื้อปลา (Fish-meat hams and sausages and whale-meat bacon)
6. ถั่ว (Beans containing cyanides)
7. ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง (produced or processed foods and cut or strippedfish and shellfish that are frozen and packaged)
8. ผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการฉายรังสี (Irradiated foods)
9. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ผ่านการฆ่าทำลายเชื้อโรคโดยการใช้ความดัน และความร้อน (pressurization and heating)
10. ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ประเภทเนื้อสัตว์ หอยดิบ บะหมี่สำเร็จรูป สาหร่าย-ทะเลสด ส้ม และกล้วยหอม
ฉลากควรจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนบนผลิตภัณฑ์และข้อความที่ปรากฎบนฉลากควรจะต้องเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางด้านภาษา โดยมีการใช้ข้อความที่ผู้บริโภคสามารถอ่านและเข้าใจได้ สำหรับกรณีที่ได้รับการยกเว้นโดยไม่จำเป็นต้องมีการปิดฉลากบนผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. พื้นที่ของการปิดฉลากบนผลิตภัณฑ์มีขนาดน้อยกว่า 30 ตารางเซ็นติเมตร ซึ่งเป็นขนาดของพื้นที่ที่เล็กที่สุดต่อการอ่านฉลาก
2. ผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีการบรรจุหีบห่อ และแบ่งขายออกเป็นชิ้น ๆ
ข้อความพื้นฐานที่จะต้องปรากฎอยู่บนฉลาก
1. ชื่อของอาหาร (Name of food) ชื่อของอาหารที่กำหนดไว้บนฉลากจะต้องเป็นชื่อที่ทั่ว ๆ ไปที่แสดงถึงชนิดของอาหาร
2. ชนิดของอาหารที่ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร (Raw ingredients) ตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสุขอนามัยของอาหาร (Food Sanitation Law) กำหนดให้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งต้องเขียนหรือพิมพ์ให้ปรากฎบนฉลากมีดังต่อไปนี้คือ
ก. ส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง
ข. ประเภทของเนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเนื้อสัตว์
ค. ชนิดของสัตว์ที่ใช้เนื้อเป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเนื้อสัตว์
3. ส่วนเพิ่มเติมในอาหาร (Food additives)
4. วิธีการใช้และการเก็บรักษา (Directions for use and storage) ตัวอย่างเช่น Beans in which cyanides are detected must be used only as materials for fresh bean jam หรือ Frozen foods must be stored at -15 o C or below Not-sterilized soft drink with a pH of 4.6 or higher and with a water activity above 0.9 must be 10 o C or below
5. กำหนดวันหมดอายุ (Expiration date for quality assurance)
6. ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต (Address of the production facility and the name of the manufacturer)
7. ข้อความอื่น ๆ เช่น ฉลากของผลิตภัณฑ์น้ำแร่ จะต้องมีข้อความที่บ่งบอกว่าน้ำแร่ดังกล่าวได้ผ่านการฆ่าทำลายเชื้อโรคหรือไม่
มาตรฐานของการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อาหารตามระบบ JAS (Japanese Agricultural Standard)
ระบบ JAS หรือมาตรฐานเกี่ยวกับการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร (The standards for agricultural products and quality labeling system)
ข้อความที่ให้มีอยู่บนฉลาก ได้แก่
1. ชื่อของอาหาร
2. ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร
3. ปริมาตรบรรจุของผลิตภัณฑ์อาหาร
4. วันหมดอายุ
5. วิธีการใช้
6. ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายหรือผู้นำเข้ากรณีที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
7. ประเทศผู้ผลิต (Country of origin) เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น
บนฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารจะต้องไม่มีข้อความ รูปภาพ หรือเครื่องหมายใด ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์นั้น นอกจากนี้ ห้ามไม่ให้มีการใช้คำดังต่อไปนี้บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ คำว่า “pure ” และ “natural ” เป็นต้น
คำว่า “Date of production ” ให้เปลี่ยนมาใช้คำว่า “expiration date for consumption ”หรือ “expiration date for quality assurance ” ซึ่งการที่จะเลือกใช้ข้อความบนฉลากนั้นให้พิจารณาจากอัตราการเสื่อมคุณภาพของอาหารเป็นเกณฑ์ โดยปกติทั่วไประยะเวลาของการเสื่อมคุณภาพอาหารจะเท่ากับ 2 ปี
คำว่า “Expiration date for consumption ” ให้ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารดังต่อไปนี้ คือ
1. Raw oysters
2. Packed lunches
3. Precooked bread
4. Crude noodles
คำว่า “Expiration date for quality assurance ” หรือการกำหนดวันเวลาที่ผลิตภัณฑ์อาหารนั้นด้อยคุณภาพ และหมดรสชาติทางอาหารที่เหมาะสมต่อการบริโภค (expiration date for good taste) ดังนั้น คำว่า “Expiration date for quality assurance ” ให้ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารดังต่อไปนี้คือ
1. แฮม และไส้กรอก (Hams and sausages)
2. ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง (Frozen Foods)
3. ผลิตภัณฑ์นม (Milk products)
4. ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่ม (Soft drinks)
5. Products made of boiled fish paste
มาตรฐานผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ (Meat Products)
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ (Meat Product) ที่มีการวางจำหน่ายในตลาดของญี่ปุ่นนั้น นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก เช่น เนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อไก่ แล้วยังมีเนื้อสัตว์บางประเภทที่เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตลาดภายในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เนื้อปลาวาฬ (Whalemeat) และ Whalemeat bacon แต่โดยทั่วไปแล้วข้อกำหนดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ของประเทศญี่ปุ่นพอจะสรุปได้โดยย่อดังต่อไปนี้
“Dry meat products ” หมายความถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ทำให้เแห้งและวางจำหน่ายในตลาดในลักษณะของเนื้อสัตว์ที่ถูกทำให้แห้งแล้ว และปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อ E.Coli
“Unheated meat products ” หมายความถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ผ่านการรมควันหรือทำให้แห้งหลังจากที่เติมเกลือลงไป โดยที่ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผ่านขบวนการพลาสเจอร์ไรซ์ (pasteurize) ด้วยการให้ความร้อนที่ 63 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30นาที หรือโดยวิธีการอื่นใดที่มีขบวนการอันคล้ายคลึงกัน
มาตรฐานด้านคุณภาพของ Unheated meat products มีดังต่อไปนี้ คือ
1. มีเชื้อ E.Coli ปนเปื้อนอยู่ในจำนวนที่ไม่มากกว่า 100 ต่อผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปริมาณ 1 กรัม
2. ไม่มีการตรวจพบเชื้อ Salmonella spp
3. การปนเปื้อนของเชื้อ Staphylococcus aureus มีไม่มากกว่า 1000 ต่อผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปริมาณ 1 กรัม
4. การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ประเภทนี้ควรจะเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิเท่ากับ 10 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า
“Specified heated meat products ” หมายความถึงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อโรคโดยวิธีอื่น นอกเหนือไปจากขบวนการพลาสเจอร์ไรส์ ซึ่งใช้ความร้อนที่ 63 องศา-เซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที ข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะด้านของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ประเภทนี้ได้แก่
1. มีเชื้อ E.Coli ปนเปื้อนอยู่ในจำนวนที่ไม่มากกว่า 100 ต่อผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปริมาณ 1 กรัม
2. การปนเปื้อนของเชื้อ Staphylococcus aureus และ Clostridium spp มีไม่มากกว่า 1000 ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตวปริมาณ 1 กรัม
3. ไม่มีการตรวจพบเชื้อ Salmonella spp
4. ควรเก็บรักษาไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิเท่ากับ 4 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า
การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ (Standards of storage)
โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ควรจะเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิเท่ากับ 10 องศา-เซลเซียส หรือต่ำกว่า อย่างไรก็ตามการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แช่แข็ง (Frozen meat product) ควรเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่เก็บรักษาไว้เพื่อรอการบริโภคจะต้องเก็บไว้ในภาชนะที่สะอาดถูกสุขลักษณะหรือห่อหุ้มด้วยแผ่นพลาสติกที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ เช่น paraffin paper หรือ sulfuric acid paper
เครื่องมือและเครื่องจักรที่ใช้ในการจัดเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จะต้องกระทำอย่างถูกสุขลักษณะในบริเวณสถานที่ซึ่งมีการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ผ่านการให้ความร้อนมาแล้ว (Heated meat products) จะต้องบรรจุลงในหีบห่อ หรือบรรจุภัณฑ์ที่อากาศถ่ายเทไม่ได้ (airtight container packages) และเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียสยกเว้นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ผ่านขบวนการพลาสเจอไรซ์ด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลานาน 4 นาที
Color fixatives คือสารเคมีบางชนิดที่มีคุณสมบัติในการรักษาสีของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ให้คงอยู่ในสภาพเดิม ได้แก่
โซเดียมไนเตรท (Sodium Nitrite)
โซเดียมไนเตรท (Sodium Nitrate) และ
โปตัสเซียมไนเตรท (Potassium Nitrate)
สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ (Meat product) และเนื้อปลาวาฬ (Whale meat bacon)กำหนดให้มีการเติมโซเดียมไนเตรท เพื่อเป็นสารรักษาสีได้ไม่เกิน 0.07 กรัมต่อเนื้อสัตว์ปริมาณ 1 กิโลกรัม
โซเดียมไนเตรทและโปตัสเซียมไนเตรทที่ใช้เป็นสารรักษาสี (Color fixatives) ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์กำหนดให้มีการใช้ได้ไม่มากกว่า 0.007 กรัมต่อเนื้อสัตว์ปริมาณ 1 กิโลกรัม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์นม
ผลิตภัณฑ์นมประเภทนมสดที่ใช้เพื่อการบริโภคแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ คือ
1. Drinking Milk คือ นมสดที่ใช้บริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำนมโค (Cow ’s milk) น้ำนมแพะ (Pasteurized goat ’s milk) น้ำนมขาดมันเนย (Skimmed milk) และ Processed milk
2. Milk used as ingredients คือน้ำนมที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ น้ำนมดิบ (Raw Milk) น้ำนมแพะ (Raw goat ’s milk)
น้ำนมโค (Cow ’s milk) ที่ใช้เพื่อการบริโภค มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานในด้านคุณ-ภาพ ดังต่อไปนี้คือ
1. เป็นน้ำนมที่มีความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity) ณ อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียสเท่ากับ 1.028 ถึง 1.034
2. ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียประเภท Coliform group
3. ไขมัน (Milk fat) ที่มีปะปนอยู่ในน้ำนมจะต้องมีปริมาณไม่น้อยกว่า 3.0เปอร์เซ็นต์
4. ปริมาณของส่วนประกอบที่เป็น Nonfat milk solids ซึ่งมีอยู่ในน้ำนมจะต้องไม่น้อยกว่า 8.0 เปอร์เซ็นต์
5. น้ำนมโคจะต้องผ่านการฆ่าทำลายเชื้อโรคโดยวิธีพลาสเจอร์ไรส์ (Pasteurizing method) ได้แก่ การให้ความร้อนจนกระทั่งน้ำนมนั้นมีอุณหภูมิอยู่ในระหว่าง 62 ถึง 65 องศา-เซลเซียสเป็นเวลานาน 30 นาที หรือผ่านการฆ่าทำลายเชื้อโรคด้วยวิธีอื่นใดที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เท่าเทียมกับวิธีการพลาสเจอไรส์
6. ปริมาณของเชื้อแบคทีเรียที่ตรวจพบจากน้ำนมโคในกรณีที่มีการเก็บรักษาน้ำนมนั้นไว้ที่อุณหภูมิห้องตามปกติ (normal temperature) จะต้องไม่มากกว่า 50,000 ต่อมิลลิลิตร (count/ml) สำหรับน้ำนมโคที่มีการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 29 ถึง 31 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 14 วัน หรือผ่านการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 54 ถึง 56 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลา 7 วัน จะต้องเป็นน้ำนมที่ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียและไม่มีการตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย ในน้ำนมที่เก็บรักษาไว้ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ถ้าหากว่ามีการตรวจพบเชื้อแบคทีเรียในน้ำนมก็สามารถพิจารณาได้ว่าน้ำนมนั้นมีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมต่อการนำมาบริโภค
7. การวัดค่าความเป็นกรด (Acidity) ของน้ำนมโค โดยการตรวจสอบวัดค่าปริมาณของกรดแลคติค (lactic acid) โดยปกติน้ำนมโคที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการบริโภคของมนุษย์ควรจะมีปริมาณของกรดแลคติคไม่มากกว่า 0.18 เปอร์เซ็นต์ สำหรับน้ำนมโคที่ได้ทำการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิห้อง (normal temperature)
น้ำนมโคที่มีการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ ระหว่าง 29 องศาเซลเซียส ถึง 31 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน หรือเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 54 องศาเซลเซียสถึง 56 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 7 วัน อาจจะมีปริมาณของกรดแลคติคเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 0.02%
8. การเก็บรักษาน้ำนมโค (Standard for storing method) น้ำนมโคที่ผ่านขบวนการฆ่าทำลายเชื้อโดยวิธีการพลาสเจอไรส์จะต้องเก็บรักษาไว้ ที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ยกเว้นน้ำนม บางชนิดที่สามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิปกติได้ก็ให้ทำการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิปกติ แต่อุณหภูมิที่ใช้เก็บรักษาน้ำนมนั้นจะต้องไม่สูงกว่าอุณหภูมิทั่ว ๆ ไป (normal temperature)
น้ำนมโคที่มีการเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 29 องศาเซลเซียส ถึง 31 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 วัน หรือเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง 54 องศาเซลเซียส ถึง 56 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 7 วัน จะต้องไม่มีการตรวจพบปริมาณของแอลกอฮอร์ หรือมีผลของการทดสอบหาปริมาณแอลกอฮอร์ (Alcohol Test) เป็นลบ
9. น้ำนมโคจะต้องไม่มีการผสมกับสสารอื่นใดนอกเหนือจากสารอาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในน้ำนมตามธรรมชาติอยู่แล้ว
ปริมาณยาฆ่าแมลงที่ปรากฎตกค้างอยู่ในน้ำนม (Organochlorine Pesticides residue in Milk) ที่นับว่าเป็นอันตรายต่อการบริโภคของมนุษย์ ได้แก่
ยาฆ่าแมลงประเภท DDT กำหนดให้มีอยู่ในน้ำนมได้อย่างมากที่สุด ไม่เกิน 0.05 ส่วนต่อน้ำนม 1.0 ล้านส่วน (ppm) และ
สารมีพิษจำพวก Dieldrin กำหนดให้มีการปนเปื้อนอยู่ในน้ำนมได้อย่างมากที่สุดไม่เกิน0.005 ส่วนต่อน้ำมัน 1.9 ล้านส่วน (ppm)
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ