แถลงข่าวร่วมธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง
1. ปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญอยู่
ปัญหาสำคัญที่สุดของระบบเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือธุรกิจขาดสภาพคล่องเนื่องจากสถาบันการเงินไม่สามารถให้กู้ยืมได้ตามปกติทั้งนี้เพราะสถาบันการเงินไม่สามารถหาเงินทุนมาเพิ่มได้เพียงพอที่จะรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนดอกเบี้ยและเงินต้น
2. การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
วิธีแก้ไขปัญหาตรงจุดที่สุดคือการช่วยให้สถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการให้สินเชื่อสามารถเพิ่มทุนได้เป็นจำนวนมากเพียงพอที่จะคลายความกังวลจากปัญหาหนี้เสียด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้กำหนดโครงการที่จะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนเพิ่มทุนได้ดังนี้
2.1 การเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1
รัฐบาลจะช่วยเพิ่มทุนให้สถาบันการเงินโดยมีเงื่อนไขว่าสถาบันการเงินต้องกันสำรองเผื่อหนี้เสียให้ครบถ้วนทันทีซึ่งการกันสำรองนี้จะก่อให้เกิดผลขาดทุนเพิ่มทุน และทำให้เงินกองทุนลดลงนอกจากนั้นสถาบันการเงินต้องหาเงินลงทุนจากภาคเอกชนมาร่วมสมทบด้วยการลงทุนของรัฐบาลจะเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ หากในอนาคตสถาบันการเงินเกิดผลขาดทุนหุ้นสามัญที่มีอยู่เดิมจะต้องรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนจะมาถึงหุ้นบุริมสิทธิ์ของรัฐบาลในทางตรงกันข้าม หากสถาบันการเงินมีกำไรจะต้องจ่ายเงินปันผลให้แก่หุ้นบุริมสิทธิ์ก่อนหุ้นสามัญ
2.2 การเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2
เพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินตกลงประนอมหนี้กับธุรกิจที่เป็นลูกหนี้หากสถาบันการเงินมีผลขาดทุนจากการประนอมหนี้ทำให้เงินกองทุนลดต่ำลงหรือมีการให้กู้ยืมเพิ่มเติมรัฐบาลจะช่วยเพิ่มทุนด้วยการซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์จากสถาบันการเงินซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2
3. คุณสมบัติของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
สถาบันการเงินสามารถเข้าร่วมโครงการเพิ่มทุนของรัฐบาลได้ตามความสมัครใจอย่างไร ก็ดีสถาบันการเงินที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องมีฐานะดีพอสมควรที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้สถาบันการเงินที่มีผลขาดทุนจากหนี้เสียมากจนเงินกองทุนติดลบหรือขาดสภาพคล่องมากจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ตามปกติธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้าแทรกแซงด้วยการสั่งให้ลดทุนเพื่อตัดความสูญเสียแล้วให้กองทุนฟื้นฟูฯเข้าเพิ่มทุน และเปลี่ยนผู้บริหารดังเช่นที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้ว และในวันที่ 14 สิงหาคม 2541 นี้ก็ได้เข้าแทรกแซงธนาคารพาณิชย์ 2 รายและบริษัทเงินทุน 5 ราย และจะให้ควบรวมกิจการดังนี้
1) ธนาคารแหลมทอง ให้ควบรวมกิจการเข้ากับธนาคารรัตนสินผู้ฝากเงินของธนาคารแหลมทองจะเป็นผู้ฝากเงินของธนาคารตามเดิม
2) ธนาคารสหธนาคารและบริษัทเงินทุน 5 รายที่แทรกแซงในวันนี้ รวมทั้งบริษัทเงินทุน อีก 7 รายที่ได้แทรกแซงไปเมื่อ 18 พฤษภาคม 2541ให้ควบรวมกิจการกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจและมีฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์เดิม ผู้ฝากเงินของธนาคารสหธนาคารและบริษัทเงินทุนที่ถูกแทรกแซงทุกรายจะได้รับสิทธิ์เป็นผู้ฝากเงินของธนาคาร การควบรวมกิจการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงิน เจ้าหนี้และลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงผู้ฝากเงินจะยังติดต่อกับสำนักงานใหญ่และสาขาของสถาบันการเงินนั้น ๆ ได้ ต่อไปพนักงานของสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงจะยังคงปฏิบัติงานและได้รับค่าจ้างเช่นเดิม
4. เรื่องอื่น ๆ
4.1 ธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นเจ้าของจะดำเนินการดังต่อไปนี้
ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
1) จะโอนหนี้สิน (ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้) และสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีไปยังธนาคารกรุงไทยด้วยเงื่อนไขเหมือนเดิมทุกประการจนกว่าจะครบกำหนดอายุ ตัวธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะกลายเป็น AMC เพื่อดูแล NPL ที่มีอยู่ในระหว่างที่การโอนหนี้สินและทรัพย์สินยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะเปิดดำเนินการตามปกติ ผู้ฝากเงินี้ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะได้สิทธิเป็นผู้ฝากของธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การยังได้รับอนุญาตให้ทำธุรกรรมต่างๆ ต่อไป แต่จะไม่ให้กู้ยืมแก่ลูกค้ารายใหม่
2) พนักงานของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะปฏิบัติงานและได้รับค่าตอบแทนเหมือนเดิมอีก 3 เดือน หลังจากนั้นธนาคารกรุงไทยจะว่าจ้างพนักงานบางส่วนและตัวธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การเองจะว่าจ้างพนักงานบางส่วนเพื่อดูแล NPL ต่อไป
ธนาคารมหานคร
จะโอนหนี้สินและสินทรัพย์ทั้งหมดไปยังธนาคารกรุงไทยรัฐบาลจะเพิ่มทุนให้ธนาคารกรุงไทยและปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับธนาคารพาณิชย์เอกชนและจะลดการถือหุ้นในธนาคารกรุงไทยลงในที่สุด ในช่วงเวลาที่การโอนทรัพย์สิน หนี้สิน ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ ธนาคารมหานครจะเปิดดำเนินการและติดต่อทำธุรกรรมกับลูกค้าตามปกติผู้ฝากเงินของธนาคารมหานครจะได้รับสิทธิเป็นผู้ฝากเงินของธนาคารกรุงไทยธนาคารกรุงไทยจะดูแลลูกหนี้ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การและธนาคารมหานครอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารศรีนคร และธนาคารนครหลวงไทย
กองทุนฟื้นฟูฯ จะเพิ่มทุนให้เพียงพอเพื่อดำเนินกิจการต่อไป หลังจากนั้นจะขายให้แก่ภาคเอกชน ในขณะนี้ธนาคารทั้งสองติดต่อทำธุรกรรมทุกประเภทกับลูกค้าตามปกติ กองทุนฟื้นฟูฯ ยังคงรับประกันผู้ฝากและเจ้าหนี้ของธนาคารทั้งสองตาม ข้อบังคับของกองทุนฟื้นฟูฯ การให้กู้ยืมยังคงเป็นไปตามปกติ
มาตรการทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ของทั้ง 4 ธนาคาร
เหตุผลในการตัดสินใจข้างต้นเนื่องจาก
1) ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การมีความเสียหายมาก หากจะขายให้แก่ภาคเอกชนรัฐบาลจะต้องให้เงินอุดหนุนรายได้และค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้แก่ผู้ซื้อเป็นจำนวนมากจึงตัดสินใจดำเนินมาตรการเพื่อจำกัดความเสียหายในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้
2) ธนาคารมหานครมีสาขาในเขตกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมากและมีสาขาต่างจังหวัดอยู่ในเขตที่ธนาคารกรุงไทยยังขาดอยู่การควบรวมกิจการจะก่อประโยชน์ให้แก่ธนาคารกรุงไทยและสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนที่จะซื้อหุ้นของธนาคารกรุงไทยในอนาคต
4.2 บริษัทเงินทุน
บริษัทเงินทุนที่เหลืออยู่ 22 บริษัทมีฐานะมั่นคง เพราะเพิ่มทุนได้แล้วในปี 2540-2541 หากมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกรัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจด้วยการเปิดโอกาสให้ปรับฐานะเป็น Super finance เพื่อขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจ หรือเป็นธนาคารพาณิชย์
5. จำนวนเงินที่ต้องใช้ และปัจจัยสนับสนุน
5.1 รัฐบาลจะออกพันธบัตรวงเงิน 300,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเอกชน วงเงินที่ตั้งไว้นี้อาจจะไม่ต้องใช้ทั้งหมด รัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์และเงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ์เมื่อธนาคารพาณิชย์มีผลกำไร
5.2 เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแนวทางที่กล่าวมาทั้งหมดได้โดยรวดเร็วรัฐบาลจะออกพระราชกำหนด 3 ฉบับได้แก่
1) แก้ไขกฎหมายการธนาคารพาณิชย์เพื่อรองรับการควบรวมกิจการในลักษณะเดียวกับที่ได้เคยแก้ไขกฎหมายบริษัทเงินทุนไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2540
2) ออกกฎหมายเพื่อรองรับการจัดตั้ง AMC
3) ออกกฎหมายขออนุญาตให้รัฐบาลออกพันธบัตรวงเงิน 300,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการแก้ไข ปัญหาระบบสถาบันการเงิน
6. การรับประกันผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้
รัฐบาลยังคงรับประกันที่จะจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้สามัญของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนที่เปิดดำเนินการไม่ว่าสถาบันการเงินนั้นจะเป็นของเอกชนหรือธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เข้าแทรกแซงหรือได้ทำการควบรวมกิจการแล้วก็ตามและยังไม่มีหมายกำหนดการที่จะยกเลิกการรับประกันนี้ ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าเจ้าหนี้และผู้ฝากเงินจะได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดตามข้อบังคับของกองทุนฟื้นฟู
กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
14 สิงหาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญอยู่
ปัญหาสำคัญที่สุดของระบบเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือธุรกิจขาดสภาพคล่องเนื่องจากสถาบันการเงินไม่สามารถให้กู้ยืมได้ตามปกติทั้งนี้เพราะสถาบันการเงินไม่สามารถหาเงินทุนมาเพิ่มได้เพียงพอที่จะรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนดอกเบี้ยและเงินต้น
2. การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
วิธีแก้ไขปัญหาตรงจุดที่สุดคือการช่วยให้สถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการให้สินเชื่อสามารถเพิ่มทุนได้เป็นจำนวนมากเพียงพอที่จะคลายความกังวลจากปัญหาหนี้เสียด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้กำหนดโครงการที่จะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนเพิ่มทุนได้ดังนี้
2.1 การเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1
รัฐบาลจะช่วยเพิ่มทุนให้สถาบันการเงินโดยมีเงื่อนไขว่าสถาบันการเงินต้องกันสำรองเผื่อหนี้เสียให้ครบถ้วนทันทีซึ่งการกันสำรองนี้จะก่อให้เกิดผลขาดทุนเพิ่มทุน และทำให้เงินกองทุนลดลงนอกจากนั้นสถาบันการเงินต้องหาเงินลงทุนจากภาคเอกชนมาร่วมสมทบด้วยการลงทุนของรัฐบาลจะเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ หากในอนาคตสถาบันการเงินเกิดผลขาดทุนหุ้นสามัญที่มีอยู่เดิมจะต้องรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนจะมาถึงหุ้นบุริมสิทธิ์ของรัฐบาลในทางตรงกันข้าม หากสถาบันการเงินมีกำไรจะต้องจ่ายเงินปันผลให้แก่หุ้นบุริมสิทธิ์ก่อนหุ้นสามัญ
2.2 การเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2
เพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินตกลงประนอมหนี้กับธุรกิจที่เป็นลูกหนี้หากสถาบันการเงินมีผลขาดทุนจากการประนอมหนี้ทำให้เงินกองทุนลดต่ำลงหรือมีการให้กู้ยืมเพิ่มเติมรัฐบาลจะช่วยเพิ่มทุนด้วยการซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์จากสถาบันการเงินซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2
3. คุณสมบัติของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
สถาบันการเงินสามารถเข้าร่วมโครงการเพิ่มทุนของรัฐบาลได้ตามความสมัครใจอย่างไร ก็ดีสถาบันการเงินที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องมีฐานะดีพอสมควรที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้สถาบันการเงินที่มีผลขาดทุนจากหนี้เสียมากจนเงินกองทุนติดลบหรือขาดสภาพคล่องมากจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้ตามปกติธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้าแทรกแซงด้วยการสั่งให้ลดทุนเพื่อตัดความสูญเสียแล้วให้กองทุนฟื้นฟูฯเข้าเพิ่มทุน และเปลี่ยนผู้บริหารดังเช่นที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้ว และในวันที่ 14 สิงหาคม 2541 นี้ก็ได้เข้าแทรกแซงธนาคารพาณิชย์ 2 รายและบริษัทเงินทุน 5 ราย และจะให้ควบรวมกิจการดังนี้
1) ธนาคารแหลมทอง ให้ควบรวมกิจการเข้ากับธนาคารรัตนสินผู้ฝากเงินของธนาคารแหลมทองจะเป็นผู้ฝากเงินของธนาคารตามเดิม
2) ธนาคารสหธนาคารและบริษัทเงินทุน 5 รายที่แทรกแซงในวันนี้ รวมทั้งบริษัทเงินทุน อีก 7 รายที่ได้แทรกแซงไปเมื่อ 18 พฤษภาคม 2541ให้ควบรวมกิจการกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจและมีฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์เดิม ผู้ฝากเงินของธนาคารสหธนาคารและบริษัทเงินทุนที่ถูกแทรกแซงทุกรายจะได้รับสิทธิ์เป็นผู้ฝากเงินของธนาคาร การควบรวมกิจการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงิน เจ้าหนี้และลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงผู้ฝากเงินจะยังติดต่อกับสำนักงานใหญ่และสาขาของสถาบันการเงินนั้น ๆ ได้ ต่อไปพนักงานของสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงจะยังคงปฏิบัติงานและได้รับค่าจ้างเช่นเดิม
4. เรื่องอื่น ๆ
4.1 ธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นเจ้าของจะดำเนินการดังต่อไปนี้
ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ
1) จะโอนหนี้สิน (ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้) และสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีไปยังธนาคารกรุงไทยด้วยเงื่อนไขเหมือนเดิมทุกประการจนกว่าจะครบกำหนดอายุ ตัวธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะกลายเป็น AMC เพื่อดูแล NPL ที่มีอยู่ในระหว่างที่การโอนหนี้สินและทรัพย์สินยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะเปิดดำเนินการตามปกติ ผู้ฝากเงินี้ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะได้สิทธิเป็นผู้ฝากของธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การยังได้รับอนุญาตให้ทำธุรกรรมต่างๆ ต่อไป แต่จะไม่ให้กู้ยืมแก่ลูกค้ารายใหม่
2) พนักงานของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจะปฏิบัติงานและได้รับค่าตอบแทนเหมือนเดิมอีก 3 เดือน หลังจากนั้นธนาคารกรุงไทยจะว่าจ้างพนักงานบางส่วนและตัวธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การเองจะว่าจ้างพนักงานบางส่วนเพื่อดูแล NPL ต่อไป
ธนาคารมหานคร
จะโอนหนี้สินและสินทรัพย์ทั้งหมดไปยังธนาคารกรุงไทยรัฐบาลจะเพิ่มทุนให้ธนาคารกรุงไทยและปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับธนาคารพาณิชย์เอกชนและจะลดการถือหุ้นในธนาคารกรุงไทยลงในที่สุด ในช่วงเวลาที่การโอนทรัพย์สิน หนี้สิน ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ ธนาคารมหานครจะเปิดดำเนินการและติดต่อทำธุรกรรมกับลูกค้าตามปกติผู้ฝากเงินของธนาคารมหานครจะได้รับสิทธิเป็นผู้ฝากเงินของธนาคารกรุงไทยธนาคารกรุงไทยจะดูแลลูกหนี้ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การและธนาคารมหานครอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารศรีนคร และธนาคารนครหลวงไทย
กองทุนฟื้นฟูฯ จะเพิ่มทุนให้เพียงพอเพื่อดำเนินกิจการต่อไป หลังจากนั้นจะขายให้แก่ภาคเอกชน ในขณะนี้ธนาคารทั้งสองติดต่อทำธุรกรรมทุกประเภทกับลูกค้าตามปกติ กองทุนฟื้นฟูฯ ยังคงรับประกันผู้ฝากและเจ้าหนี้ของธนาคารทั้งสองตาม ข้อบังคับของกองทุนฟื้นฟูฯ การให้กู้ยืมยังคงเป็นไปตามปกติ
มาตรการทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ของทั้ง 4 ธนาคาร
เหตุผลในการตัดสินใจข้างต้นเนื่องจาก
1) ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การมีความเสียหายมาก หากจะขายให้แก่ภาคเอกชนรัฐบาลจะต้องให้เงินอุดหนุนรายได้และค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้แก่ผู้ซื้อเป็นจำนวนมากจึงตัดสินใจดำเนินมาตรการเพื่อจำกัดความเสียหายในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้
2) ธนาคารมหานครมีสาขาในเขตกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมากและมีสาขาต่างจังหวัดอยู่ในเขตที่ธนาคารกรุงไทยยังขาดอยู่การควบรวมกิจการจะก่อประโยชน์ให้แก่ธนาคารกรุงไทยและสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนที่จะซื้อหุ้นของธนาคารกรุงไทยในอนาคต
4.2 บริษัทเงินทุน
บริษัทเงินทุนที่เหลืออยู่ 22 บริษัทมีฐานะมั่นคง เพราะเพิ่มทุนได้แล้วในปี 2540-2541 หากมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกรัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจด้วยการเปิดโอกาสให้ปรับฐานะเป็น Super finance เพื่อขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจ หรือเป็นธนาคารพาณิชย์
5. จำนวนเงินที่ต้องใช้ และปัจจัยสนับสนุน
5.1 รัฐบาลจะออกพันธบัตรวงเงิน 300,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเอกชน วงเงินที่ตั้งไว้นี้อาจจะไม่ต้องใช้ทั้งหมด รัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์และเงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ์เมื่อธนาคารพาณิชย์มีผลกำไร
5.2 เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแนวทางที่กล่าวมาทั้งหมดได้โดยรวดเร็วรัฐบาลจะออกพระราชกำหนด 3 ฉบับได้แก่
1) แก้ไขกฎหมายการธนาคารพาณิชย์เพื่อรองรับการควบรวมกิจการในลักษณะเดียวกับที่ได้เคยแก้ไขกฎหมายบริษัทเงินทุนไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2540
2) ออกกฎหมายเพื่อรองรับการจัดตั้ง AMC
3) ออกกฎหมายขออนุญาตให้รัฐบาลออกพันธบัตรวงเงิน 300,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการแก้ไข ปัญหาระบบสถาบันการเงิน
6. การรับประกันผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้
รัฐบาลยังคงรับประกันที่จะจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้สามัญของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนที่เปิดดำเนินการไม่ว่าสถาบันการเงินนั้นจะเป็นของเอกชนหรือธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เข้าแทรกแซงหรือได้ทำการควบรวมกิจการแล้วก็ตามและยังไม่มีหมายกำหนดการที่จะยกเลิกการรับประกันนี้ ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าเจ้าหนี้และผู้ฝากเงินจะได้รับเงินคืนเมื่อครบกำหนดตามข้อบังคับของกองทุนฟื้นฟู
กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
14 สิงหาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--