แท็ก
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉบับที่ 71/2541
เรื่อง การกล่าวโทษบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด และผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด
ในวันนี้ (16 ธันวาคม 2541) กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(กองทุน) และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยื่นกล่าวโทษต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด และผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว จำนวน 4 คน (บริษัท)ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269และกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 75 อัฏฐ ด้วยซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาทโดยสรุปการกระทำความผิดได้ดังนี้ คือ
1. เมื่อระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2540บริษัทโดยกรรมการผู้มีอำนาจได้ทำเอกสารมีข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่กองทุนโดยหลอกลวงกองทุนว่าบริษัทขาดสภาพคล่องไม่มีเงินคืนแก่ประชาชนผู้ถอนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินและขอความช่วยเหลือสภาพคล่องจากกองทุนรวม6 ครั้งกองทุนหลงเชื่อจึงได้ให้กู้ยืมเงินเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องแก่บริษัทจำนวน 6ครั้ง เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 213.89 ล้านบาทซึ่งความจริงแล้วบริษัทมิได้ขาดสภาพคล่องเพราะความจริงบริษัทมีสภาพคล่องเป็นเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมากประมาณ179-228 ล้านบาทในขณะที่บริษัทต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องตามกฎหมายเพียงประมาณ 32-39 ล้านบาทซึ่งแสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูงและเกินกว่าอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเป็นจำนวนมากเงินฝากในธนาคารดังกล่าวเพียงพอที่บริษัทจะคืนเงินฝากแก่ประชาชนที่มาถอนตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งหากกองทุนทราบว่าบริษัทมีสภาพคล่องเป็นจำนวนสูงดังกล่าวกองทุนก็จะไม่ให้เงินกู้ยืมเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องแก่บริษัททั้ง 6 ครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 3ตุลาคม 2540 นั้น บริษัทได้ส่งรายงานการแสดงการดำรงฐานะสภาพคล่อง (แบบ บ.ง.2)ให้แก่กองทุนเพื่อประกอบการพิจารณาขอรับความช่วยเหลือสภาพคล่องด้วยโดยเอกสารดังกล่าวได้แสดงข้อความเท็จว่าบริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยจำนวน 1.4 ล้านบาท เท่านั้นทั้งที่ความจริงแล้วในวันดังกล่าวบริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์อยู่เป็นจำนวนสูงถึง165 ล้านบาท และในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2540บริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่แห่งเดียวเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท
2. ข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นได้ว่า บริษัทมีสภาพคล่องเป็นจำนวนมากแต่บริษัทหลอกลวงกองทุนโดยอ้างว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทั้งที่บริษัทสามารถนำเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ไปชำระคืนแก่ผู้ฝากเงินหรือผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระแล้วได้ซึ่งหากกองทุนทราบว่าบริษัทยังมีสภาพคล่องเป็นจำนวนมากกองทุนจะไม่ให้กู้ยืมแน่นอน การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเนื่องจากบริษัทได้หลอกลวงกองทุนโดยได้ส่งแบบ บ.ง.2ต่อกองทุนอันเป็นการลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัทเพื่อลวงกองทุนและได้ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จในแบบบ.ง.2ดังกล่าว ทำให้กองทุนหลงเชื่อจึงให้กู้ยืมเงินแก่บริษัททำให้เกิดความเสียหายแก่กองทุน จึงเป็นการทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จใช้หรืออ้างคำรับรองดังกล่าวซึ่งเป็นเอกสารของบริษัทหรือที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเป็นความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269และพระราช-บัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 75 อัฏฐ
3. แม้ว่าบริษัทจะได้ชำระเงินที่ได้ขอกู้ยืมจากกองทุนให้แก่กองทุนครบถ้วนแล้วก็ตามบริษัทก็ยังคงมีความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามที่กองทุนและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยื่นกล่าวโทษไปแล้ว
นอกจากนี้ในวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยแคปิตอล จำกัด ออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทย
16 ธันวาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ฉบับที่ 71/2541
เรื่อง การกล่าวโทษบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด และผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด
ในวันนี้ (16 ธันวาคม 2541) กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(กองทุน) และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยื่นกล่าวโทษต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทย แคปิตอล จำกัด และผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว จำนวน 4 คน (บริษัท)ได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269และกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 75 อัฏฐ ด้วยซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาทโดยสรุปการกระทำความผิดได้ดังนี้ คือ
1. เมื่อระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2540บริษัทโดยกรรมการผู้มีอำนาจได้ทำเอกสารมีข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่กองทุนโดยหลอกลวงกองทุนว่าบริษัทขาดสภาพคล่องไม่มีเงินคืนแก่ประชาชนผู้ถอนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินและขอความช่วยเหลือสภาพคล่องจากกองทุนรวม6 ครั้งกองทุนหลงเชื่อจึงได้ให้กู้ยืมเงินเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องแก่บริษัทจำนวน 6ครั้ง เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 213.89 ล้านบาทซึ่งความจริงแล้วบริษัทมิได้ขาดสภาพคล่องเพราะความจริงบริษัทมีสภาพคล่องเป็นเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมากประมาณ179-228 ล้านบาทในขณะที่บริษัทต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องตามกฎหมายเพียงประมาณ 32-39 ล้านบาทซึ่งแสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูงและเกินกว่าอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเป็นจำนวนมากเงินฝากในธนาคารดังกล่าวเพียงพอที่บริษัทจะคืนเงินฝากแก่ประชาชนที่มาถอนตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งหากกองทุนทราบว่าบริษัทมีสภาพคล่องเป็นจำนวนสูงดังกล่าวกองทุนก็จะไม่ให้เงินกู้ยืมเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องแก่บริษัททั้ง 6 ครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 3ตุลาคม 2540 นั้น บริษัทได้ส่งรายงานการแสดงการดำรงฐานะสภาพคล่อง (แบบ บ.ง.2)ให้แก่กองทุนเพื่อประกอบการพิจารณาขอรับความช่วยเหลือสภาพคล่องด้วยโดยเอกสารดังกล่าวได้แสดงข้อความเท็จว่าบริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยจำนวน 1.4 ล้านบาท เท่านั้นทั้งที่ความจริงแล้วในวันดังกล่าวบริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์อยู่เป็นจำนวนสูงถึง165 ล้านบาท และในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2540บริษัทมีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่แห่งเดียวเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท
2. ข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นได้ว่า บริษัทมีสภาพคล่องเป็นจำนวนมากแต่บริษัทหลอกลวงกองทุนโดยอ้างว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทั้งที่บริษัทสามารถนำเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ไปชำระคืนแก่ผู้ฝากเงินหรือผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระแล้วได้ซึ่งหากกองทุนทราบว่าบริษัทยังมีสภาพคล่องเป็นจำนวนมากกองทุนจะไม่ให้กู้ยืมแน่นอน การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเนื่องจากบริษัทได้หลอกลวงกองทุนโดยได้ส่งแบบ บ.ง.2ต่อกองทุนอันเป็นการลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัทเพื่อลวงกองทุนและได้ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จในแบบบ.ง.2ดังกล่าว ทำให้กองทุนหลงเชื่อจึงให้กู้ยืมเงินแก่บริษัททำให้เกิดความเสียหายแก่กองทุน จึงเป็นการทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จใช้หรืออ้างคำรับรองดังกล่าวซึ่งเป็นเอกสารของบริษัทหรือที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเป็นความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269และพระราช-บัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 75 อัฏฐ
3. แม้ว่าบริษัทจะได้ชำระเงินที่ได้ขอกู้ยืมจากกองทุนให้แก่กองทุนครบถ้วนแล้วก็ตามบริษัทก็ยังคงมีความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสารตามที่กองทุนและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยื่นกล่าวโทษไปแล้ว
นอกจากนี้ในวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยแคปิตอล จำกัด ออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทย
16 ธันวาคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--