สรุปภาวะการค้าไทย-ญี่ปุ่นระหว่างเดือน ม.ค.- เม.ย.2548

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 14, 2005 16:55 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ญี่ปุ่นเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 6 ของโลก รองจาก สหรัฐฯ และจีน โดยมีมูลค่าการนำเข้า445,661,440,965 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.86 (ม.ค.-ธ.ค. 2547) ในขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2548 (ม.ค.-มี.ค.) ญี่ปุ่นเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับที่ 5 รองจาก สหรัฐเยอรมนี จีน ฝรั่งเศส มีมูลค่าการนำเข้า 120,851,322,045 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.87 2. แหล่งนำเข้าสำคัญของญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม — มีนาคม 2548 - จีน มูลค่า 25,997.242 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 21.51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.05 - สหรัฐฯ มูลค่า 15,231.662 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 12.60 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.34 - ซาอุดิฯ มูลค่า 5,764.136 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.77 เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.12 - เกาหลีใต้ มูลค่า 5,741.826 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.75 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.24 ไทยอยู่อันดับที่ 10 มูลค่า 3,867.160 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 3.20 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.72 3. ดุลการค้า ประเทศญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าในเดือนมกราคม — มีนาคม 2548 เป็นมูลค่า 22,910.489 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 7 ดังสถิติต่อไปนี้ตารางเปรียบเทียบดุลการค้าของประเทศญี่ปุ่นเดือนมกราคม — มีนาคม 2548ลำดับที่ ประเทศ 2546 2547 2548 อัตราการเปลี่นแปลง(%) มูลค่า: ล้านเหรียญ สหรัฐ 47/46 48/47 ทั่วโลก 16,670.35 27,981.45 22,910.49 67.85 -18.12 1 สหรัฐฯ 13,799.93 15,585.30 17,415.69 12.94 11.74 2 จีน -4,622.34 -4,694.49 -8,069.82 1.56 71.90 3 ฮ่องกง 6,281.84 7,899.56 7,988.14 25.75 1.12 4 ไต้หวัน 3,622.98 5,562.17 6,552.61 53.52 17.81 5 เกาหลีใต้ 3,953.32 5,479.60 5,512.70 38.43 0.6016 ไทย 701.24 1,313.14 1,649.83 87.26 25.64ที่มา : WTA Japan Customs 4. ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทยโดยมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดนี้ร้อยละ 14.35 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมในเดือนมกราคม - เมษายน 2548 การส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นในเดือน มกราคม - เมษายน 2548 มีมูลค่า 4,979.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.98 หรือคิดเป็นร้อยละ 30.64 ของเป้าหมายการส่งออกที่มูลค่า 16,252 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 5. สินค้าไทยส่งออกไปญี่ปุ่นในเดือนมกราคม — เมษายน 2548 25 อันดับแรกมีสัดส่วน รวมกันร้อยละ 62.63 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า ร้อยละ 100 มี 2 รายการสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 มี 3 รายการ และสินค้าที่มีมูลค่าลดลงมากกว่าร้อยละ 20 มี 1 รายการดังสถิติต่อไปนี้ สถิติการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูง ตลาด อันดับที่ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ % เปลี่ยนแปลง สัดส่วน ร้อยละ ม.ค.-เม.ย 47 ม.ค.-เม.ย 48 เปลี่ยนแปลง 2547 2548 1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 200 มี 2 รายการ ม.ค.-เม.ย - ไก่แปรรูป 13 35.94 102.39 66.45 184.91 1.88 2.13 - เม็ดพลาสติก 22 24.41 67.79 43.38 177.65 0.92 1.41 2. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 มี 3 รายการ - แผงวงจรไฟฟ้า 1 200.37 329.66 129.29 64.53 5.56 6.87 - เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ 8 64.67 115.56 50.89 72.52 1.85 2.33 - เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 11 57.66 109.99 52.33 90.77 1.19 2.29 3. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่นลดลงมากกว่าร้อยละ 20 มี 1 รายการ - อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด 7 166.65 126.75 -39.90 -23.94 3.57 2.64 รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศจากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้ 1) ไก่แปรรูป (HS. 160232) O Chick Prepar / pres.ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 1 ของโลกรองลงมาคือ จีน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนีในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 220.810 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 188.26 มีการนำเข้าจาก จีน ไทย และบราซิล เป็นหลัก การนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 2 สัดส่วนร้อยละ 47.03 มูลค่า 103.845 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 259.52 2) เม็ดพลาสติก (HS. 3901) Ethylene, Primary Form ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 12 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ เบลเยี่ยม สหรัฐฯ แคนาดาในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 82.976 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.97 มีการนำเข้าจาก สหรัฐฯ ไทย สิงคโปร์ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 2 สัดส่วนร้อยละ 18.99 มูลค่า 15.758 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 221.42 3) แผงวงจรไฟฟ้า (HS. 8542) Integrated Circuits ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 14 ของโลกผู้ส่งออกหลักคือ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 4,201.366 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.16 มีการนำเข้าจาก ไต้หวัน สหรัฐฯ เกาหลีใต้ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 8สัดส่วนร้อยละ 3.30 มูลค่า 138.600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.86 4) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ (HS. 8509) Elecmech Domestc appl ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 29 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ จีน เยอรมนี ฮ่องกงในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 117.801 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.25 มีการนำเข้าจาก จีน มาเลเซีย และไทย เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 3 สัดส่วนร้อยละ 4.94 มูลค่า 5.824 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 30.93 5) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (HS 8415) Air Conditioning ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 3 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ จีน สหรัฐฯในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 299.920 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.68 มีการนำเข้าจาก จีน ไทย มาเลเซีย เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 2 สัดส่วนร้อยละ 22.86 มูลค่า 68.554 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.90 6) อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด (HS. 8541) Semi Con DV ; L — EMT Diod ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 13 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สิงคโปร์ในด้านการนำเข้าของญี่ปุ่น (ม.ค-มี.ค 48) มูลค่า 637.074 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.81 มีการนำเข้าจาก จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เป็นหลักการนำเข้าจากไทยอยู่อันดับที่ 5 สัดส่วนร้อยละ 10.55 มูลค่า 67.190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.07 6. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการค้าระหว่างไทย — ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม — 1 เมษายน 2548 รัฐบาลไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจา จัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย — ญี่ปุ่น (Japan — Thailand Economic Partnership Agreement,JTEPA) รอบที่ 7 โดยสรุปผลการประชุมฯ ที่สำคัญได้ดังนี้ ญี่ปุ่น การค้าสินค้า - ยอมเปิดตลาดสินค้าเกษตรสำคัญบางตัว อาทิ เนื้อไก่ แป้งมันสำปะหลังแปรรูป กากน้ำ-ตาล ผลไม้ยอมให้ความร่วมมือด้านมาตรฐานสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS)รวมถึงเรื่องความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ - ต้องการให้ไทยร่นระยะเวลาการคงภาษีและลดภาษีให้น้อยที่สุดสำหรับสินค้าเหล็ก ยานยนต์และชิ้นส่วน ไทย การค้าสินค้า - เสนอเรื่องเหล็กแผ่นรีดร้อน โดยไทยตลอดจนจะคงภาษีเหล็กแผ่นรีดร้อนไว้ที่อัตราประมาณ 7-9.5% เป็นเวลา 10 ปีแรกหลังจากความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ จากนั้นจะเริ่มลดภาษีในปีที่ 11 และเหลือ 0 ในปีที่ 15 - เสนอให้เจรจาลดภาษียานยนต์ขนาดต่ำกว่า 3,000 ซีซี ในอีก 5 ปี (หลังปี ค.ศ.2010 ) และเสนอให้ญี่ปุ่นยกเลิกภาษีชิ้นส่วนยานยนต์ภายใน 15 ปี ทั้งฝ่ายไทยและญี่ปุ่นหาข้อสรุปในหลักการได้เกือบทุกสินค้า ยกเว้นสินค้าเหล็ก ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ตลอดจนบางประเด็นของการลงทุนและการเปิดเสรีบริการที่ฝ่ายญี่ปุ่นต้องการมากกว่าท่าทีของฝ่ายไทย ญี่ปุ่น การค้าบริการ - ตกลงที่จะเปิดให้ไทยเพิ่มเติมในสาขา พ่อครัว โดยยอมลดจำนวนปีของประสบการณ์การทำงานลงจาก 10 ปีเหลือ 2 ปีผู้ดูแลผู้สูงอายุและสาขาอื่นๆ ที่ใช้ความรู้ระดับปริญญาตรี เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ธุรกิจโฆษณา ร้านอาหาร ญี่ปุ่นยอมรับวุฒิปริญญาตรีจากสถาบันอุดมศึกษาของไทยตามกฎหมายของญี่ปุ่นบริการสปา ญี่ปุ่นรับที่จะผูกพันให้ไทยเข้าไปได้ โดยจะต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไป เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายใน 2 ปี - ยืนยันการเข้ามาถือหุ้นข้างมากในธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตของไทย เช่น maintenance and repair การจัดจำหน่ายสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทญี่ปุ่นทั้งที่ตั้งในไทยและโดยบริษัทแม่ในญี่ปุ่น เป็นต้น และขอให้มีการ ทบทวนข้อผูกพันสาขาการเงิน โทรคมนาคม และขนส่งภายใน 3 ปี - ขอให้ออกใบอนุญาตสำหรับบริษัทก่อสร้างที่ญี่ปุ่นทำ joint venture กับบริษัทไทยให้มีอายุเป็นจำนวนปีแทนที่จะเป็น project-by-project และให้ผ่อนคลายเงื่อนไขด้าน การเข้ามาทำงานของบุคลากรญี่ปุ่นในไทยการเจรจาในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุความตกลงในเรื่องการค้าบริการและการลงทุนได้ในหลักการ ซึ่งจะต้องร่วมหารือในรายละเอียดต่อไป ไทย การค้าบริการ - ยืนยันขอลดขั้นตอนการส่งบุคลากรไปทำงานในญี่ปุ่น อาทิ พ่อครัว บุคลากรในธุรกิจสปา และครูสอนรำไทย ซึ่งญี่ปุนยอมเสนอให้ความยืดหยุ่นด้านคุณสมบัติมากขึ้น และจะอำนวยความสะดวกในเรื่องการเข้าเมือง อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นยังไม่ยอมผูกพันระบบการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลของคนญี่ปุ่นที่เดินทางมารักษาในไทยให้เป็นไปตามระบบปัจจุบัน การเจรจาในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุความตกลงในเรื่องการค้าบริการและการลงทุน ได้ในหลักการ ซึ่งจะต้องร่วมหารือในรายละเอียดต่อไป ธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (JBIC) ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัทญี่ปุ่นในต่างประเทศ และพบว่า ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่านักลงทุนญี่ปุ่นยังคงต้องการขยายการลงทุนในจีน ไทย อเมริกาเหนือ ในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และประเทศไทยได้รับความสนใจเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องการลงทุนอุตสาหกรรมรถยนต์ กล่าวได้ว่านักลงทุนญี่ปุ่นสนใจที่จะขยายการลงทุนในเกือบทุกประเทศของภูมิภาคเอเซีย โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งขยายตัวร้อยละ 16 เมื่อเทียบจากผลสำรวจในปีก่อน ตามด้วยเวียดนามและไทยที่ขยายตัวร้อยละ 9 อย่างไรก็ตามนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงลังเลที่จะลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากตลาดในประเทศไทยมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ค่าจ้างมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น และปัญหาการขาดบุคลากรที่มีความสามารถตรงตามลักษณะที่ต้องการ สิ่งที่นักลงทุนญี่ปุ่นคาดหวังมากที่สุดว่าจะเกิดในประเทศไทยคือ โอกาสในการขยายตลาด ค่าจ้างแรงงานที่ถูกลง และความมั่นคงทางการเมืองและสังคม ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ