ในเดือนพฤษภาคม ดอลลาร์ สรอ. ปรับตัวแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์เสตอร์ลิง ยูโรดอลลาร์ และเยนญี่ปุ่น
ดอลลาร์ สรอ.
ดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลสำคัญของโลก โดยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds และ Discount Rate ร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 6.0 และ 5.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 6.5 และ 6.0 ต่อปี ตามลำดับ โดยคณะกรรมการ FOMC ให้ เหตุผลว่าเพื่อเป็นการลดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์ และอุปทานซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ยูโรดอลลาร์
ยูโรดอลลาร์ปรับตัวอ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 0.8893 ดอลลาร์ สรอ. ต่อยูโรดอลลาร์ โดยนาย Laurent Fabius รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝรั่งเศสกล่าวว่า ความ ไม่เป็นเอกภาพของประเทศสมาชิกเป็นสิ่งที่กดดันค่าเงิน ยูโร อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดเห็นว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ซื้อเงินยูโรผ่าน Electronic Broking System จำนวนเพียงเล็กน้อยส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งขึ้น อนึ่ง ตัวเลข CPI ของกลุ่มประเทศยุโรปประจำเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 (yoy) ลดลงจากร้อยละ 2.1 (yoy) ในเดือนมีนาคม และ core CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เยน
ค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนลง ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ Nikei ปรับตัวลดลงและเป็น สถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 16,000 จุด และจากการที่นาย Miyazawa กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 0.6 ในปีงบประมาณ 1999/2000 นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัว อาทิ ตัวเลขการขายปลีกในเดือนเมษายนปรับตัวลดลงร้อยละ 3.4 (yoy) ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นระยะเวลา 37 เดือน ติดต่อกัน ซึ่งภาวะดังกล่าวได้สะท้อนถึงการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ปอนด์สเตอร์ลิง
ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับตัวอ่อนลงตามค่าเงินยูโร เนื่องจากเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรและสหภาพ ยุโรปมีความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิด
ค่าเงินสกุลสำคัญในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวอ่อนลง
รูเปียอินโดนีเซีย
ค่าเงินรูเปียอินโดนีเซียปรับตัวอ่อนลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งของประชาชนที่ เป็นมุสลิมและคริสเตียนตลอดจนความไม่แน่นอน ทางการเมือง นอกจากนี้ กระแสข่าวการลาออก ของผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียจากข่าวความ ไม่โปร่งใสในกรณี Bank Bali ก็เป็นปัจจัยกระทบ ค่าเงินรูเปีย แม้ว่า ประธานาธิบดี Wahid ได้หารือกับ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางอินโดนีเซียเพื่อ หามาตรการที่เข้มงวดกว่าปัจจุบันเพื่อรักษาค่าเงิน รูเปีย แม้ว่าธนาคารกลางได้กล่าวว่าไม่สามารถ ที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับค่าเงินไปมากกว่านี้ได้ เกาหลีใต้
ค่าเงินวอนปรับตัวอ่อนลง เนื่องจากได้รับปัจจัยลบ จากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ KOSPI และ KOSDAQ นอกจากนี้ยังได้รับผล กระทบจากการที่บริษัท Hyundai Engineering and Construction ซึ่งอยู่ในเครือ Hyundai Group ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยต้องกู้ยืมเงินจำนวน 50 พันล้านวอน จาก Korean Exchange Bank เพื่อการดังกล่าว ฟิลิปปินส์
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย O/N เพื่อสนับสนุนค่าเงินเปโซ โดยอัตรา borrowing และ lending อยู่ที่ร้อยละ 10.0 และ 12.25 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ภายในเดือนพฤษภาคม ธนาคาร กลางฟิลิปปินส์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว เหมาะสมกับเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่ยังเปราะบางอยู่ และอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ได้ ฮ่องกง
ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 5.4 (qoq) หรือคิดเป็นร้อยละ 14.3 (yoy) สูงสุด ในรอบเกือบ 13 ปี และทางการฮ่องกงได้ทบทวน การขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาสที่ 4 ปีก่อน หน้าจากร้อยละ 8.7 เป็นร้อยละ 9.2 อนึ่ง Hong Kong Monetary Authority (HKMA) ได้ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย base rate สำหรับ O/N Discount Window ร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8.0 ต่อปี
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในตลาด onshore และราคาทองคำ
ในเดือนพฤษภาคม อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในตลาดระหว่างธนาคาร (interbank) มีค่าเฉลี่ย 38.95 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. และอัตราเฉลี่ยซื้อ-ขายระหว่างธนาคารพาณิชย์กับลูกค้า (retail rate) มีค่าเฉลี่ย 38.89 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.57 และ 2.54 ตามลำดับ
ค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลสำคัญและเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาค เดือนนี้มีค่าเฉลี่ยอ่อนลง ยกเว้นเมื่อเทียบกับ รูเปียอินโดนีเซีย ปอนด์สเตอร์ลิง ยูโรดอลลาร์และเยนญี่ปุ่น โดยเงินบาทมีค่าอ่อนลงเมื่อเทียบกับริงกิตมาเลเซีย (ร้อยละ 2.79) ดอลลาร์ สรอ. (2.54) ดอลลาร์ฮ่องกง (2.46) ดอลลาร์บรูไน (1.35) ดอลลาร์สิงคโปร์ (1.33) และเปโซฟิลิปปินส์ (0.49) เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น เมื่อเทียบกับ รูเปียอินโดนีเซีย (ร้อยละ 4.45) ปอนด์สเตอร์ลิง (2.28) ยูโรดอลลาร์ (1.58) และเยนญี่ปุ่น (0.01) ปัจจัยลบที่มีผลต่อค่าเงินบาท
มีการซื้อดอลลาร์ สรอ. ของสถาบันการเงินในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นการเร่งซื้อเพื่อเตรียมชำระหนี้ในช่วงกลางปี เนื่องจาก เอกชนมี sentiment เชิงลบต่อค่าเงินบาท นอกจากนี้ ตลาด เชื่อว่าธปท. จะไม่เข้าแทรกแซงค่าเงินบาท เว้นแต่ค่าเงินบาท มีความผันผวนมากเกินไป ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่าค่าเงินบาท มีแนวโน้มที่จะปรับตัวอ่อนลงได้อีก
มีการอ่อนตัวของค่าเงินในภูมิภาค อาทิ เยนญี่ปุ่น และรูเปีย อินโดนีเซีย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกดดันต่อ ค่าเงินบาทตลอดทั้งเดือน
มีการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย โดย ในช่วงต้นเดือน Quantum Fund ได้ขายหลักทรัพย์ต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อปรับ portfolio และลดสัดส่วนการลงทุน ของกองทุนดังกล่าวในภูมิภาคเอเซีย สรุปความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนในช่วง 5 เดือน
เงินบาทเคลื่อนโน้มตัวอ่อนลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 เดือนแรก โดยค่าเงินบาทเฉลี่ยในแต่ละเดือนเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 37.35 - 38.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เงินบาท ปรับตัวอ่อนลง สู ระดับ 39.0 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤษภาคม โดยมีสาเหตุจากการซื้อดอลลาร์ สรอ. ของเอกชนเพื่อเตรียม ชำระหนีช่วงกลางปีและการปรับตัวลดลงอย่างมากของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยตลอดจนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนตัวของ ค่าเงินในภูมิภาค อาทิ รูเปียอินโดนีเซีย และเปโซฟิลิปปินส์ ยังได้ส่งผลต่อค่าเงินบาทในระยะนี้
ความเคลื่อนไหวในตลาดเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
อัตรา swap premium ระยะ T/N ผันผวนตลอดทั้งเดือน ตามความ เคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนอัตรา swap premium ระยะ 1 เดือน และ 3 เดือน โน้มตัวต่ำลงในช่วง ครึ่งหลังและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันตลอดทั้งเดือน
ส่วนต่างดอกเบี้ยบาท (อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร) และอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์ สรอ. (Fed Funds Rate) มีค่าเฉลี่ยติดลบร้อยละ 4.53 ต่อปี (ดอกเบี้ย Fed Funds Rate สูงกว่าดอกเบี้ยบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณร้อยละ 0.56 ต่อปี เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 6.5 ต่อปี เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม อนึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการ FOMC ในปลายเดือนมิถุนายน ราคาทองคำ
ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศมีค่าเฉลี่ยลดลง 5.3 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ จากค่าเฉลี่ย 282.5 ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนเป็น 277.2 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ ในเดือนพฤษภาคม
ราคาทองคำในเดือนนี้โน้มตัวต่ำลงตลอดทั้งเดือน โดยมีสาเหตุจากการประมูลขายทองคำส่วนเกินของธนาคารกลางอังกฤษจำนวน 25 ตัน ซึ่งตลาดได้คาดการณ์ล่วงหน้า (price in) เกี่ยวกับปริมาณทองคำที่จะเพิ่มขึ้นในตลาด อย่างไรก็ตาม ผลการประมูลปรากฎว่าตลาดมิได้ให้ความสนใจมากนัก โดยสัดส่วนการประมูลคิดเป็นเพียง 2.7 เท่าของจำนวนทองคำที่ระดับราคา 275.15 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารชาติสวิสได้ทำการขายทองคำเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6.5 ตัน ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยคำนวณจากปริมาณทองคำที่ธนาคารชาติสวิสต้องการขายภายในเดือนกันยายนคิดเป็นจำนวน 120 ตัน อนึ่ง ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่แข็งขึ้นในเดือนนี้ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำ
สรุปความเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วง 5 เดือน
ราคาทองคำเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีมีความผันผวนและได้ โน้มตัวต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ในเรื่องของปริมาณทองคำที่จะเพิ่มขึ้นจากการขายทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ในยุโรป ในระหว่างปี อาทิ ธนาคารกลางอังกฤษ จึงเกิดการขายในตลาดล่วงหน้า ตลอดจนมีการปิดฐานะทองคำก่อนวันส่งมอบ ซึ่งทำให้ราคาทองคำผันผวน ในตลาดซื้อขายทองคำทันที ในขณะที่อุปสงค์ทองคำไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ดอลลาร์ สรอ.
ดอลลาร์ สรอ. เฉลี่ยแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลสำคัญของโลก โดยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds และ Discount Rate ร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 6.0 และ 5.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 6.5 และ 6.0 ต่อปี ตามลำดับ โดยคณะกรรมการ FOMC ให้ เหตุผลว่าเพื่อเป็นการลดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์ และอุปทานซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ยูโรดอลลาร์
ยูโรดอลลาร์ปรับตัวอ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 0.8893 ดอลลาร์ สรอ. ต่อยูโรดอลลาร์ โดยนาย Laurent Fabius รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝรั่งเศสกล่าวว่า ความ ไม่เป็นเอกภาพของประเทศสมาชิกเป็นสิ่งที่กดดันค่าเงิน ยูโร อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดเห็นว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ซื้อเงินยูโรผ่าน Electronic Broking System จำนวนเพียงเล็กน้อยส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งขึ้น อนึ่ง ตัวเลข CPI ของกลุ่มประเทศยุโรปประจำเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 (yoy) ลดลงจากร้อยละ 2.1 (yoy) ในเดือนมีนาคม และ core CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เยน
ค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนลง ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ Nikei ปรับตัวลดลงและเป็น สถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 16,000 จุด และจากการที่นาย Miyazawa กล่าวว่า ญี่ปุ่นอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 0.6 ในปีงบประมาณ 1999/2000 นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจบางตัว อาทิ ตัวเลขการขายปลีกในเดือนเมษายนปรับตัวลดลงร้อยละ 3.4 (yoy) ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นระยะเวลา 37 เดือน ติดต่อกัน ซึ่งภาวะดังกล่าวได้สะท้อนถึงการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ปอนด์สเตอร์ลิง
ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับตัวอ่อนลงตามค่าเงินยูโร เนื่องจากเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรและสหภาพ ยุโรปมีความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิด
ค่าเงินสกุลสำคัญในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวอ่อนลง
รูเปียอินโดนีเซีย
ค่าเงินรูเปียอินโดนีเซียปรับตัวอ่อนลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งของประชาชนที่ เป็นมุสลิมและคริสเตียนตลอดจนความไม่แน่นอน ทางการเมือง นอกจากนี้ กระแสข่าวการลาออก ของผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียจากข่าวความ ไม่โปร่งใสในกรณี Bank Bali ก็เป็นปัจจัยกระทบ ค่าเงินรูเปีย แม้ว่า ประธานาธิบดี Wahid ได้หารือกับ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางอินโดนีเซียเพื่อ หามาตรการที่เข้มงวดกว่าปัจจุบันเพื่อรักษาค่าเงิน รูเปีย แม้ว่าธนาคารกลางได้กล่าวว่าไม่สามารถ ที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับค่าเงินไปมากกว่านี้ได้ เกาหลีใต้
ค่าเงินวอนปรับตัวอ่อนลง เนื่องจากได้รับปัจจัยลบ จากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ KOSPI และ KOSDAQ นอกจากนี้ยังได้รับผล กระทบจากการที่บริษัท Hyundai Engineering and Construction ซึ่งอยู่ในเครือ Hyundai Group ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยต้องกู้ยืมเงินจำนวน 50 พันล้านวอน จาก Korean Exchange Bank เพื่อการดังกล่าว ฟิลิปปินส์
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย O/N เพื่อสนับสนุนค่าเงินเปโซ โดยอัตรา borrowing และ lending อยู่ที่ร้อยละ 10.0 และ 12.25 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ภายในเดือนพฤษภาคม ธนาคาร กลางฟิลิปปินส์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว เหมาะสมกับเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่ยังเปราะบางอยู่ และอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ได้ ฮ่องกง
ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 5.4 (qoq) หรือคิดเป็นร้อยละ 14.3 (yoy) สูงสุด ในรอบเกือบ 13 ปี และทางการฮ่องกงได้ทบทวน การขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาสที่ 4 ปีก่อน หน้าจากร้อยละ 8.7 เป็นร้อยละ 9.2 อนึ่ง Hong Kong Monetary Authority (HKMA) ได้ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย base rate สำหรับ O/N Discount Window ร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8.0 ต่อปี
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในตลาด onshore และราคาทองคำ
ในเดือนพฤษภาคม อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในตลาดระหว่างธนาคาร (interbank) มีค่าเฉลี่ย 38.95 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. และอัตราเฉลี่ยซื้อ-ขายระหว่างธนาคารพาณิชย์กับลูกค้า (retail rate) มีค่าเฉลี่ย 38.89 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.57 และ 2.54 ตามลำดับ
ค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลสำคัญและเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาค เดือนนี้มีค่าเฉลี่ยอ่อนลง ยกเว้นเมื่อเทียบกับ รูเปียอินโดนีเซีย ปอนด์สเตอร์ลิง ยูโรดอลลาร์และเยนญี่ปุ่น โดยเงินบาทมีค่าอ่อนลงเมื่อเทียบกับริงกิตมาเลเซีย (ร้อยละ 2.79) ดอลลาร์ สรอ. (2.54) ดอลลาร์ฮ่องกง (2.46) ดอลลาร์บรูไน (1.35) ดอลลาร์สิงคโปร์ (1.33) และเปโซฟิลิปปินส์ (0.49) เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น เมื่อเทียบกับ รูเปียอินโดนีเซีย (ร้อยละ 4.45) ปอนด์สเตอร์ลิง (2.28) ยูโรดอลลาร์ (1.58) และเยนญี่ปุ่น (0.01) ปัจจัยลบที่มีผลต่อค่าเงินบาท
มีการซื้อดอลลาร์ สรอ. ของสถาบันการเงินในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นการเร่งซื้อเพื่อเตรียมชำระหนี้ในช่วงกลางปี เนื่องจาก เอกชนมี sentiment เชิงลบต่อค่าเงินบาท นอกจากนี้ ตลาด เชื่อว่าธปท. จะไม่เข้าแทรกแซงค่าเงินบาท เว้นแต่ค่าเงินบาท มีความผันผวนมากเกินไป ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่าค่าเงินบาท มีแนวโน้มที่จะปรับตัวอ่อนลงได้อีก
มีการอ่อนตัวของค่าเงินในภูมิภาค อาทิ เยนญี่ปุ่น และรูเปีย อินโดนีเซีย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกดดันต่อ ค่าเงินบาทตลอดทั้งเดือน
มีการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย โดย ในช่วงต้นเดือน Quantum Fund ได้ขายหลักทรัพย์ต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อปรับ portfolio และลดสัดส่วนการลงทุน ของกองทุนดังกล่าวในภูมิภาคเอเซีย สรุปความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนในช่วง 5 เดือน
เงินบาทเคลื่อนโน้มตัวอ่อนลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 เดือนแรก โดยค่าเงินบาทเฉลี่ยในแต่ละเดือนเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 37.35 - 38.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เงินบาท ปรับตัวอ่อนลง สู ระดับ 39.0 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนพฤษภาคม โดยมีสาเหตุจากการซื้อดอลลาร์ สรอ. ของเอกชนเพื่อเตรียม ชำระหนีช่วงกลางปีและการปรับตัวลดลงอย่างมากของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยตลอดจนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนตัวของ ค่าเงินในภูมิภาค อาทิ รูเปียอินโดนีเซีย และเปโซฟิลิปปินส์ ยังได้ส่งผลต่อค่าเงินบาทในระยะนี้
ความเคลื่อนไหวในตลาดเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
อัตรา swap premium ระยะ T/N ผันผวนตลอดทั้งเดือน ตามความ เคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนอัตรา swap premium ระยะ 1 เดือน และ 3 เดือน โน้มตัวต่ำลงในช่วง ครึ่งหลังและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันตลอดทั้งเดือน
ส่วนต่างดอกเบี้ยบาท (อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร) และอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์ สรอ. (Fed Funds Rate) มีค่าเฉลี่ยติดลบร้อยละ 4.53 ต่อปี (ดอกเบี้ย Fed Funds Rate สูงกว่าดอกเบี้ยบาท) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณร้อยละ 0.56 ต่อปี เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 6.5 ต่อปี เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม อนึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการ FOMC ในปลายเดือนมิถุนายน ราคาทองคำ
ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศมีค่าเฉลี่ยลดลง 5.3 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ จากค่าเฉลี่ย 282.5 ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนเป็น 277.2 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ ในเดือนพฤษภาคม
ราคาทองคำในเดือนนี้โน้มตัวต่ำลงตลอดทั้งเดือน โดยมีสาเหตุจากการประมูลขายทองคำส่วนเกินของธนาคารกลางอังกฤษจำนวน 25 ตัน ซึ่งตลาดได้คาดการณ์ล่วงหน้า (price in) เกี่ยวกับปริมาณทองคำที่จะเพิ่มขึ้นในตลาด อย่างไรก็ตาม ผลการประมูลปรากฎว่าตลาดมิได้ให้ความสนใจมากนัก โดยสัดส่วนการประมูลคิดเป็นเพียง 2.7 เท่าของจำนวนทองคำที่ระดับราคา 275.15 ดอลลาร์ สรอ. ต่อทรอยเอานซ์ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารชาติสวิสได้ทำการขายทองคำเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6.5 ตัน ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยคำนวณจากปริมาณทองคำที่ธนาคารชาติสวิสต้องการขายภายในเดือนกันยายนคิดเป็นจำนวน 120 ตัน อนึ่ง ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่แข็งขึ้นในเดือนนี้ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำ
สรุปความเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วง 5 เดือน
ราคาทองคำเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีมีความผันผวนและได้ โน้มตัวต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ในเรื่องของปริมาณทองคำที่จะเพิ่มขึ้นจากการขายทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ในยุโรป ในระหว่างปี อาทิ ธนาคารกลางอังกฤษ จึงเกิดการขายในตลาดล่วงหน้า ตลอดจนมีการปิดฐานะทองคำก่อนวันส่งมอบ ซึ่งทำให้ราคาทองคำผันผวน ในตลาดซื้อขายทองคำทันที ในขณะที่อุปสงค์ทองคำไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-