วันที่ 26 ตุลาคม 2544 นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูการผลิตปี 2544 / 45 ว่า ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จากที่ได้ตั้งเป้าหมายการรับจำนำข้าวโพดเมล็ดไว้ 500,000 ตัน ซึ่งมีเกษตรกรนำข้าวโพดมาเข้าร่วมโครงการจนถึงวันนี้เพียง 3,920 ตัน
“โครงการรับจำนำนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้กลไกตลาดทำงาน ไม่ใช่เข้าไปแทรกแซงเพื่อแย่งการซื้อขายสินค้า แต่จะทำให้พ่อค้ามาแย่งการซื้อขายกับรัฐ ดังนั้นการที่มีข้าวโพดเข้าสู่โครงการน้อยจึงแปลว่ามีความต้องการในตลาดสูง และราคาข้าวโพดในตลาดก็สูงขึ้นด้วย โดยข้าวโพดเมล็ดความชื้น 14.5% นั้นเพิ่มขึ้น 0 .10 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาที่โรงงานอาหารสัตว์ใน ก.ท.ม.รับซื้อนั้นก็เพิ่มขึ้น 0.19 บาทต่อกิโลกรัม”
ในการรับจำนำครั้งนี้ได้มีการตั้งราคาไว้สูงกว่าราคาตลาดเพื่อดึงราคาในตลาดขึ้น แต่จะไม่ตั้งสูงมากเกินไปเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนตลาด ซึ่งหลังจากที่ใช้มาตรการดังกล่าวแล้วราคาข้าวโพดได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงจะใช้มาตรการขึ้นราคารับจำนำให้สูงขึ้นอีก เนื่องจากแนวทางที่ดำเนินการมาประสบความสำเร็จ สามารถทำให้ราคาตลาดสูงขึ้นตาม และเกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวโพดได้ในราคาที่สูงขึ้นด้วย
“โครงการรับจำนำข้าวโพดครั้งนี้เราใช้กลไกใหม่ในการรับจำนำนี้ คือ จะไม่กำหนดราคารับจำนำตายตัว แต่จะกำหนดเป็นช่วงๆ เพื่อให้สามารถปรับราคาขึ้นได้ตามราคาตลาด ซึ่งโครงการรับจำนำนี้จะสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำในวันที่ 15 พ.ย. นี้ ซึ่งอาจจะมีการต่อระยะเวลารับจำนำออกไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้ง”
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ตุลาคม 2544--
-ปส-
“โครงการรับจำนำนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้กลไกตลาดทำงาน ไม่ใช่เข้าไปแทรกแซงเพื่อแย่งการซื้อขายสินค้า แต่จะทำให้พ่อค้ามาแย่งการซื้อขายกับรัฐ ดังนั้นการที่มีข้าวโพดเข้าสู่โครงการน้อยจึงแปลว่ามีความต้องการในตลาดสูง และราคาข้าวโพดในตลาดก็สูงขึ้นด้วย โดยข้าวโพดเมล็ดความชื้น 14.5% นั้นเพิ่มขึ้น 0 .10 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาที่โรงงานอาหารสัตว์ใน ก.ท.ม.รับซื้อนั้นก็เพิ่มขึ้น 0.19 บาทต่อกิโลกรัม”
ในการรับจำนำครั้งนี้ได้มีการตั้งราคาไว้สูงกว่าราคาตลาดเพื่อดึงราคาในตลาดขึ้น แต่จะไม่ตั้งสูงมากเกินไปเพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนตลาด ซึ่งหลังจากที่ใช้มาตรการดังกล่าวแล้วราคาข้าวโพดได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงจะใช้มาตรการขึ้นราคารับจำนำให้สูงขึ้นอีก เนื่องจากแนวทางที่ดำเนินการมาประสบความสำเร็จ สามารถทำให้ราคาตลาดสูงขึ้นตาม และเกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวโพดได้ในราคาที่สูงขึ้นด้วย
“โครงการรับจำนำข้าวโพดครั้งนี้เราใช้กลไกใหม่ในการรับจำนำนี้ คือ จะไม่กำหนดราคารับจำนำตายตัว แต่จะกำหนดเป็นช่วงๆ เพื่อให้สามารถปรับราคาขึ้นได้ตามราคาตลาด ซึ่งโครงการรับจำนำนี้จะสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำในวันที่ 15 พ.ย. นี้ ซึ่งอาจจะมีการต่อระยะเวลารับจำนำออกไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้ง”
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ตุลาคม 2544--
-ปส-