บทสรุปนักลงทุน
การลงทุนในอุตสาหกรรมพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีลู่ทางที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีความสนใจในด้านอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการแปลงกระแสไฟฟ้าสลับให้เป็นกระแสตรงสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ในสำนักงาน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ
ในปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตพาวเวอร์ซัพพลายที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยประมาณ 20 แห่ง โดยเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ของต่างประเทศที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม พาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตได้ในประเทศถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเกือบทั้งหมด และการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยในช่วงปี 2538-2541 มูลค่าการส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี จาก 4,033 ล้านบาทในปี 2538 เป็น 9,695 ล้านบาทในปี 2541
จากการที่พาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตได้ในประเทศส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ทำให้การผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายในประเทศต้องนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายจากต่างประเทศเป็นมูลค่าปีละไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท โดยพาวเวอร์ซัพพลายที่นำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าจากไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ดังนั้นการที่นักลงทุนมีความสนใจที่จะลงทุนในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายจึงควรเริ่มจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ และทดแทนการนำเข้า โดยเริ่มจากการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งมีกำลังระหว่าง 20-90 วัตต์ก่อน เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตง่ายกว่าการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายขนาดใหญ่สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์โทรคมนาคมอื่นๆ และเมื่อมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นแล้วจึงขยายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นสูง หรือขยายไปสู่ตลาดส่งออกต่อไป
การผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นถ้าต้องการลงทุนในการผลิตครบทุกขั้นตอนแล้ว จะต้องใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ดังนั้นนักลงทุนจึงควรมีคำสั่งซื้อที่แน่นอนก่อนการลงทุนซื้อเครื่องจักร และเนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายเป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิตสั้น ดังนั้นนักลงทุนต้องสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ให้ทันกับความต้องการของตลาดด้วยเครื่องจักรที่มีอยู่ แต่สำหรับนักลงทุนที่มีทุนไม่มากนักและยังมีคำสั่งซื้อของลูกค้าไม่มากก็สามารถเริ่มลงทุนในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายได้ด้วยการลงทุนเพียงซื้อเครื่องทดสอบทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนขั้นตอนในการผลิตอื่นๆนั้นสามารถจ้างบริษัทอื่นให้ทำได้ และนักลงทุนที่จะลงทุนในการทดสอบจะเป็นผู้ควบคุมคุณภาพของพาวเวอร์ซัพพลายด้วยการเป็นผู้ทดสอบในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งผู้ทดสอบจะต้องมีความสามารถในการที่จะควบคุมคุณภาพของสินค้าได้
การตลาด
ความต้องการในปัจจุบันและอนาคต
พาวเวอร์ซัพพลาย เป็นผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติหลักคือเป็นตัวแปลงและปรับแต่งแรงเคลื่อนไฟฟ้าสลับให้เป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าตรงเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ นับตั้งแต่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม คาราโอเกะ ตู้เอทีเอ็มฯลฯ พาวเวอร์ซัพพลายสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ลีเนียร์พาวเวอร์ซัพพลาย (Linear Power Supply) และ สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย (Switching Power Supply) ลีเนียร์พาวเวอร์ซัพพลายเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เนื่องจากใช้ตัว Integrated Circuit (IC) เป็นตัวควบคุมการทำงาน ส่วนพาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายซึ่งเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทคาปาซิเตอร์ ทรานซิสเตอร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ ฯลฯ เป็นตัวควบคุมการทำงาน
สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ
1.! สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลัง 20 -- 90 วัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในสำนักงาน อาทิ หลอดไฟ เครื่องปรับอากาศ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องโทรสาร โปรเจกเตอร์ โอเวอร์เฮดฯลฯ พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 40 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดในตลาดโลก
2.!สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลังตั้งแต่ 90 ขึ้นไป -- 300 วัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับสินค้าคอมพิวเตอร์ทั้ง Desktop และ Notebook พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 30 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดในตลาดโลก
3.!สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลังตั้งแต่ 300 วัตต์ขึ้นไป -- 1 กิโลวัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ประเภท Workstation, Mainframe, Server และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 30 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดใน
ตลาดโลก
พาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลายประเภท และในขณะนี้ยังไม่มีสินค้าที่จะมาทดแทนได้ ดังนั้นความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศไทยจึงขยายตัวตามความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ โดยในช่วงปี 2538-2541ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี เป็น 9,695 ล้านบาทในปี 2541 ความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงตามการขยายตัวของยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหา Y2K ทำให้การส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2542 มูลค่าส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายของไทยขยายตัวขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30.6 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจากผู้ประกอบการชาวต่างชาติรายใหญ่ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มมากขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2542 จะเพิ่มเป็น 12,500 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายในปี 2543 คาดว่ายังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นอีกตามความต้องการในตลาดโลกราวร้อยละ 20
เนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตในประเทศโดยนักลงทุนต่างชาตินั้นส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเกือบทั้งหมดทั้งในรูปการส่งออกโดยตรง หรือการส่งออกทางอ้อมซึ่งหมายถึงผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายจะส่งสินค้าให้แก่ผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือคอมพิวเตอร์ขั้นต่อเนื่องในการประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือคอมพิวเตอร์เพื่อส่งออก ดังนั้นประเทศไทยยังต้องนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในประเทศ โดยในปี 2541 มูลค่านำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายของไทยเท่ากับ 2,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.2 อย่างไรก็ตามมูลค่าการนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายในช่วงครึ่งแรกของปี 2542ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.0 คิดเป็นมูลค่า 975 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่านำเข้าปี2542 จะเป็น 1,850 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตามความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2543 ตามสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ
ผู้ผลิตในปัจจุบัน (คู่แข่ง)
สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเนื่องจาก ผู้ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มุ่งผลิตเพื่อส่งออก ขณะนี้มีผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศประมาณ 20 ราย ผู้ผลิตรายใหญ่ได้แก่ บริษัท เดลต้าอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทไฮโปร อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท NMB (Thailand) เป็นต้น ซึ่งสองบริษัทแรกเป็นการลงทุนของชาวไต้หวัน ส่วนบริษัทสุดท้ายเป็นการลงทุนของชาวญี่ปุ่น และทั้ง 3 บริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ 8.4 2.05 และ4.60 ตามลำดับ
ส่วนบริษัทผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายที่เป็นบริษัทของคนไทยนั้นยังไม่มีในประเทศไทย เนื่องจากการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูง ต้องมีฐานลูกค้ารองรับ และต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามการลงทุนในการผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีลู่ทางการลงทุนที่ดี สำหรับนักลงทุนรายใหม่ที่ต้องการลงทุนทางด้านนี้ควรจะเริ่มจากการผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งมีกำลัง 20 -- 90 วัตต์ก่อน เนื่องจากใช้เทคโนโลยีต่ำที่สุด โดยเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าโดยเน้นการจำหน่ายภายในประเทศ แล้วหลังจากนั้นจึงพัฒนาไปสู่การผลิตพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับคอมพิวเตอร์โดยเน้นการจำหน่ายภายในประเทศให้แก่ผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ตามพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น และที่สำคัญคือคุณภาพและราคาของสินค้าต้องสามารถแข่งขันกับสินค้าที่นำเข้าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาวเวอร์ซัพพลายจากไต้หวัน เมื่อการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศขยายตัวได้ดีแล้วก็อาจจะขยายตลาดส่งออกต่อไปในอนาคตก็ได้ โดยสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรจะต้องมีก่อนการลงทุนผลิตก็คือ การหาลูกค้าให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยลงทุนซื้อเครื่องจักรในการผลิต
รายชื่อผู้ประกอบการสำคัญ
ขนาดใหญ่ เงินทุนจดทะเบียน (บาท)
บริษัท มินิแบ ไทย จำกัด 3,100,000,000
บริษัท ไฮโปร อิเล็กทรอนิกส์ (มหาชน) 503,000,000
บริษัท ลำพูน ซิงเดนเก็น จำกัด 100,000,000
บริษัท เดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 270,000,000
บริษัท จีเอสเอส อาร์เรย์ เทคโนโลยี จำกัด 210,000,000
ขนาดกลางและย่อม
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชินเทค เวอร์มอนท์ 13,800,000
บริษัท ทีดับบลิวซี เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด 3,000,000
บริษัท แทคเทค จำกัด 4,000,000
บริษัท เดนเซ (ไทย ) จำกัด 40,000,000
บริษัท เค อี ไอ ซี ไทย จำกัด 15,000,000
ที่มา: รวบรวมโดยบริษัท ศูนย์วิจัย ไทยพาณิชย์ จำกัด
ช่องทางการจำหน่าย ลูกค้าของพาวเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่นำไปผลิตต่อในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประมาณร้อยละ 80 ขึ้นไปของผลผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายที่ได้ทั้งหมดจะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศทั้งทางตรง และทางอ้อม
ดังนั้นเมื่อผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายที่อยู่ในไทยส่วนใหญ่มีเป้าหมายในการส่งออกไปยังต่างประเทศ จึงเป็นช่องทางสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กในการเจาะตลาดในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยจำหน่ายโดยตรงให้แก่ผู้ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตามสินค้าที่ผลิตได้จะต้องมีคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ นอกจากนี้ผู้ผลิตรายเล็กยังมีข้อได้เปรียบผู้ผลิตรายใหญ่ในด้านที่สามารถแบ่งจำหน่ายเป็นจำนวนน้อยให้แก่ผู้ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศรายเล็กๆ ซึ่งผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายรายใหญ่มักจะมองข้ามไป
การผลิต
วัตถุดิบที่ใช้และแหล่งวัตถุดิบ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Connector, PCB, Capacitor, Resistor, Intergrated Circuit, Transformer, Leadframe, Coil, Steelsheet, Socket, Bobbin, และสายไฟ
วัตถุดิบใช้ทั้งจากในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยวัตถุดิบในประเทศคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 31 ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด ได้แก่ Connector, PCB , Capacitor, Resistor, Socket, Bobbin, Leadframe, สายไฟ และ Transformer (บางส่วน) เป็นต้น ทางด้านวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 69 ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด ได้แก่ PCBที่ทนความร้อนสูงกว่า 50- 80 องศาเซลเซียส Integrated Circuit, Capacitor, Resistor, Transformer, Leadframe, Coil, Steelsheet และสายไฟ
กรรมวิธีการผลิต
ขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนการประกอบCase
ตรวจสอบวัตถุดิบที่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบแผ่นเหล็ก
ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บนแผ่นพีซีบี ขึ้นรูป
บัดกรีตะกั่ว ตรวจสอบคุณภาพ
ตบแต่งแผ่นพีซีบีที่ประกอบแล้ว
ตรวจสอบคุณภาพ
ประกอบเคสกับแผ่นพีซีบีเข้าด้วยกัน
ตรวจสอบคุณภาพ
ทดสอบการใช้งาน
เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต การตัดสินใจลงทุนผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นสามารถ ลงทุนผลิตครบวงจรตามขั้นตอนที่แสดงข้างต้นก็ได้ แต่หากยังมีลูกค้าไม่มากนักก็อาจจะไม่คุ้มในการลงทุนซื้อเครื่องจักรมาผลิตแบบครบขั้นตอน แต่อาจทำได้โดยการจ้างบริษัทรับจ้างให้ประกอบในขั้นตอนอื่นๆแทนได้ เพียงแต่ผู้ลงทุนที่จะลงทุนเฉพาะการทดสอบจะเป็นผู้ทำในขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนการทดสอบว่าสินค้าที่จ้างเขาผลิตนั้นได้มาตรฐานทางไฟฟ้าตามที่ต้องการหรือไม่ ดังนั้นการลงทุนก็จะมีเพียงการลงทุนซื้อเครื่องทดสอบเป็นหลัก ต่อเมื่อมีลูกค้ามากพอและสามารถพัฒนาตลาดให้ใหญ่ขึ้นแล้วจึงขยายการผลิตแบบครบขั้นตอนได้
เครื่องจักรสำคัญที่ใช้ในการผลิตได้แก่
1.! Soldering Machine ใช้ ในการบัดกรีตะกั่ว ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท
2.! Jumper Wire ใช้ในการยิงเส้นลวดเข้าแผ่น PCB เช่นตัวต้านทาน ราคา 8 ล้านบาท
3.! Axial Machine ใช้ในการยิง capacitor resistor ตัวประจุไฟฟ้า และชิ้นส่วนเล็กๆ ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท เครื่องนี้สามารถใช้แทนเครื่อง Jumper Wire ได้ แต่จะเกิดการสูญเสียวัตถุดิบมากกว่า
4.! Radial Machine ใช้ในการยิงชิ้นส่วนซึ่งเป็นชิ้นใหญ่ๆ เช่น transformer, wire harnessที่ระบายความร้อน ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท
5.! สายพาน
6.! เครื่องทดสอบ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ทดสอบการปฎิบัติงานของพาวเวอร์ซัพพลายว่ามีการจ่ายกระแสไฟฟ้าตรงกับที่ต้องการหรือไม่ ราคาเครื่องละ 5 แสน ถึง 2 ล้านบาท
โครงสร้างต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับวัตถุดิบคิดเป็นร้อยละ 50-85 ค่าโสหุ้ยการผลิตร้อยละ 10 ค่าแรงงานร้อยละ 5 กำไรร้อยละ 0-35 ในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ผลิตได้กำไรมากหรือน้อย หากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบให้มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 50 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดก็จะมีกำไรประมาณร้อยละ 35 หากค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบสูงกว่าร้อยละ 85 ก็จะขาดทุน
โครงสร้างต้นทุนการผลิต
ประเภท สัดส่วน (%)
1. วัตถุดิบ 72
2. ค่าโสหุ้ยการผลิต 8
3. ค่าแรงงาน 10
4. ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร 10
รวม 100
ที่มา: สอบถามผู้ประกอบการ
การลงทุนและการเงิน
โรงงานผลิตพาวเวอร์ซัพพลายควรตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ
กรณีการลงทุนผลิตพาวเวอร์ซัพพลายด้วยกำลังการผลิต 15,000 ชิ้นต่อเดือน ประกอบด้วยเงินลงทุนและอุปกรณ์ ดังต่อไปนี้
เงินลงทุนในการผลิตแบบครบขั้นตอน
เงินทุนจดทะเบียนและเงินทุนเริ่มต้น 65 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1. ขนาดเงินทุนในสินทรัพย์ถาวร ได้แก่
ค่าที่ดิน 1 ล้านบาท
ค่าสิ่งปลูกสร้าง 1 ล้านบาท
ค่าเครื่องจักร 60 ล้านบาท
2. ค่ายานพาหนะขนส่งสินค้า (รถกระบะมือสอง 1 คัน รถ 6 ล้อ 2 คัน) ราคา 2 ล้านบาท
3. เงินทุนหมุนเวียน 5.2 ล้านบาทต่อเดือน
บุคลากร ธุรกิจการประกอบพาวเวอร์ซัพพลายขนาดเล็กใช้บุคลากรประมาณ 100 คน ซี่งแบ่งเป็น
1. พนักงานในโรงงาน
1.1 ช่างเครื่อง 10 คน
1.2 ช่างควบคุมเครื่อง 8 คน
1.3 วิศวกรในการทดสอบพาวเวอร์ซัพพลาย 2 คน
1.4 พนักงานขับรถส่งของ 3 คน
1.5 คนงานทั่วไป 69 คน
2. พนักงานในสำนักงานและพนักงานบริหาร
2.1 พนักงานขาย จำนวน 5 คน
2.2 พนักงานบัญชี จำนวน 3 คน
ค่าใช้จ่ายต่อปี
! ต้นทุนขาย
1. ต้นทุนวัตถุดิบ 58,500,000 บาทต่อปี
2. ต้นทุนแรงงาน 10,800,000 บาทต่อปี
3. ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ 9,000,000 บาทต่อปี! 3.1 สาธารณูปโภค
- ค่าน้ำ 900,000 บาทต่อปี
- ค่าไฟ 2,700,000 บาทต่อปี
- ค่าโทรศัพท์ 600,000 บาทต่อปี
3.2 ค่าขนส่ง
- ค่าน้ำมัน 1,440,000 บาทต่อปี
3.3 อื่นๆ 3,060,000 บาทต่อปี
4. ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร 4,000,000 บาทต่อปี
กำไรเฉลี่ย ประมาณร้อยละ 20 ของยอดขาย
หมายเหตุ: ยอดขายเฉลี่ย 180,000 เครื่องราคาเฉลี่ย 450 บาท คิดเป็นรายได้ 81.00 ล้านบาท
ภาคผนวก
ข้อมูลที่เกี่ยวกับกฎระเบียบและการขออนุญาตต่าง ๆ
มาตรการด้านภาษีนำเข้าวัตถุดิบ อัตราภาษีนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายของไทยอยู่ที่อัตราร้อยละ 1 ในขณะที่อัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่ไม่ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผลิตพาวเวอร์ซัพพลายยังมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5-20
แหล่งข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง การขอคำปรึกษาแนะนำสำหรับการจัดตั้งโรงงานที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ สามารถติดต่อได้ที่สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ การขอคำแนะนำเกี่ยวกับการขอใบรับรองสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ ฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดังที่อยู่ข้างล่างนี้
- สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ สำนักงาน 57 อาคารโรงงาน ชั้น 6 ถนนพระสุเมรุ บางลำพู พระนคร กรุงเทพ 10200 โทร (662) 280-7272 โทรสาร (662) 280-7277 หรือที่ศูนย์ทดสอบที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 8 สุขุมวิท กม.34 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทร (662) 324-0710-9 โทรสาร (662) 323-9598
- ฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ โทร (662) 644-8150-99 โทรสาร (662) 644-8137-8
แหล่งขายเครื่องจักร (ในประเทศหรือต่างประเทศ)
รายชื่อผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย
ประเภทเครื่องจักร บริษัท ที่อยู่1.! Jumper Wire , 1. ยามาเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด อาคารชัย-โห ว่องไววิทย์ 889
Radial Machine หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมือง
และ Axial Machine สมุทรปราการ 7487070-92. Soldering Machine 1. บริษัท คีชิโมโต้ ซังกิโย (ไทยแลนด์) 159 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้น 11
จำกัด ถนนสุขุมวิท 21 คลองเตย กรุงเทพ
โทร 260-8624-30
2. บริษัทไทยโซลเดอร์อินดัสตรี จำกัด 1297!ถนนทรงวาด 2375840-2
3. ไซมีส สเมลติ้ง แอนด์ รีไฟน์นิ่ง จำกัด 1 ซอย 12 รามคำแหง โทร 718-5285-73. สายพาน 1. บริษัท ไทยเซ็นทรัลแมคคานิคส์ จำกัด 1 ม.10 ซ. มหาวงษ์ ถ. ปู่เจ้าสมิงพราย
ต.สำโรง อ.พระประแดง สมุทรปราการ 3988698
2. บริษัท แซนด์วิค ประเทศไทย จำกัด 222 ถ.กรุงเทพ-กรีฑา บางกะปิ กทม 3794661-44. เครื่องทดสอบ 1.! บริษัท เทสติ้ง อินสตรูเม้นท์ จำกัด 2218/26-27 ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพ 2873777-80
2. บริษัท กุลธรเอนจิเนียริ่ง 237 อาคารกุลธร ถ.หลานหลวง
ป้อมปราบ กรุงเทพ 2822151-3ที่มา: รวบรวมโดยบริษัท ศูนย์วิจัย ไทยพาณิชย์ จำกัด--จบ--
-ชต-
การลงทุนในอุตสาหกรรมพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีลู่ทางที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีความสนใจในด้านอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการแปลงกระแสไฟฟ้าสลับให้เป็นกระแสตรงสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องใช้ในสำนักงาน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ
ในปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตพาวเวอร์ซัพพลายที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยประมาณ 20 แห่ง โดยเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ของต่างประเทศที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม พาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตได้ในประเทศถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเกือบทั้งหมด และการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยในช่วงปี 2538-2541 มูลค่าการส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี จาก 4,033 ล้านบาทในปี 2538 เป็น 9,695 ล้านบาทในปี 2541
จากการที่พาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตได้ในประเทศส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ทำให้การผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายในประเทศต้องนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายจากต่างประเทศเป็นมูลค่าปีละไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท โดยพาวเวอร์ซัพพลายที่นำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าจากไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ดังนั้นการที่นักลงทุนมีความสนใจที่จะลงทุนในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายจึงควรเริ่มจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ และทดแทนการนำเข้า โดยเริ่มจากการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งมีกำลังระหว่าง 20-90 วัตต์ก่อน เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตง่ายกว่าการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายขนาดใหญ่สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์โทรคมนาคมอื่นๆ และเมื่อมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นแล้วจึงขยายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นสูง หรือขยายไปสู่ตลาดส่งออกต่อไป
การผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นถ้าต้องการลงทุนในการผลิตครบทุกขั้นตอนแล้ว จะต้องใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ดังนั้นนักลงทุนจึงควรมีคำสั่งซื้อที่แน่นอนก่อนการลงทุนซื้อเครื่องจักร และเนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายเป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิตสั้น ดังนั้นนักลงทุนต้องสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ให้ทันกับความต้องการของตลาดด้วยเครื่องจักรที่มีอยู่ แต่สำหรับนักลงทุนที่มีทุนไม่มากนักและยังมีคำสั่งซื้อของลูกค้าไม่มากก็สามารถเริ่มลงทุนในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายได้ด้วยการลงทุนเพียงซื้อเครื่องทดสอบทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนขั้นตอนในการผลิตอื่นๆนั้นสามารถจ้างบริษัทอื่นให้ทำได้ และนักลงทุนที่จะลงทุนในการทดสอบจะเป็นผู้ควบคุมคุณภาพของพาวเวอร์ซัพพลายด้วยการเป็นผู้ทดสอบในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งผู้ทดสอบจะต้องมีความสามารถในการที่จะควบคุมคุณภาพของสินค้าได้
การตลาด
ความต้องการในปัจจุบันและอนาคต
พาวเวอร์ซัพพลาย เป็นผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติหลักคือเป็นตัวแปลงและปรับแต่งแรงเคลื่อนไฟฟ้าสลับให้เป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าตรงเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ นับตั้งแต่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม คาราโอเกะ ตู้เอทีเอ็มฯลฯ พาวเวอร์ซัพพลายสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ลีเนียร์พาวเวอร์ซัพพลาย (Linear Power Supply) และ สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย (Switching Power Supply) ลีเนียร์พาวเวอร์ซัพพลายเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เนื่องจากใช้ตัว Integrated Circuit (IC) เป็นตัวควบคุมการทำงาน ส่วนพาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายซึ่งเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทคาปาซิเตอร์ ทรานซิสเตอร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ ฯลฯ เป็นตัวควบคุมการทำงาน
สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ
1.! สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลัง 20 -- 90 วัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในสำนักงาน อาทิ หลอดไฟ เครื่องปรับอากาศ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องโทรสาร โปรเจกเตอร์ โอเวอร์เฮดฯลฯ พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 40 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดในตลาดโลก
2.!สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลังตั้งแต่ 90 ขึ้นไป -- 300 วัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับสินค้าคอมพิวเตอร์ทั้ง Desktop และ Notebook พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 30 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดในตลาดโลก
3.!สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่มีกำลังตั้งแต่ 300 วัตต์ขึ้นไป -- 1 กิโลวัตต์ เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ประเภท Workstation, Mainframe, Server และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม พาวเวอร์ซัพพลายประเภทนี้มีส่วนแบ่งร้อยละ 30 ของพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดใน
ตลาดโลก
พาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลายประเภท และในขณะนี้ยังไม่มีสินค้าที่จะมาทดแทนได้ ดังนั้นความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศไทยจึงขยายตัวตามความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ โดยในช่วงปี 2538-2541ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี เป็น 9,695 ล้านบาทในปี 2541 ความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงตามการขยายตัวของยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหา Y2K ทำให้การส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2542 มูลค่าส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายของไทยขยายตัวขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30.6 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เนื่องจากผู้ประกอบการชาวต่างชาติรายใหญ่ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยได้ขยายกำลังการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มมากขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2542 จะเพิ่มเป็น 12,500 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออกพาวเวอร์ซัพพลายในปี 2543 คาดว่ายังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นอีกตามความต้องการในตลาดโลกราวร้อยละ 20
เนื่องจากพาวเวอร์ซัพพลายที่ผลิตในประเทศโดยนักลงทุนต่างชาตินั้นส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศเกือบทั้งหมดทั้งในรูปการส่งออกโดยตรง หรือการส่งออกทางอ้อมซึ่งหมายถึงผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายจะส่งสินค้าให้แก่ผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือคอมพิวเตอร์ขั้นต่อเนื่องในการประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือคอมพิวเตอร์เพื่อส่งออก ดังนั้นประเทศไทยยังต้องนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในประเทศ โดยในปี 2541 มูลค่านำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายของไทยเท่ากับ 2,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.2 อย่างไรก็ตามมูลค่าการนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายในช่วงครึ่งแรกของปี 2542ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.0 คิดเป็นมูลค่า 975 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่านำเข้าปี2542 จะเป็น 1,850 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตามความต้องการพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2543 ตามสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ
ผู้ผลิตในปัจจุบัน (คู่แข่ง)
สวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลาย ที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่จะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเนื่องจาก ผู้ผลิตในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มุ่งผลิตเพื่อส่งออก ขณะนี้มีผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายในประเทศประมาณ 20 ราย ผู้ผลิตรายใหญ่ได้แก่ บริษัท เดลต้าอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทไฮโปร อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท NMB (Thailand) เป็นต้น ซึ่งสองบริษัทแรกเป็นการลงทุนของชาวไต้หวัน ส่วนบริษัทสุดท้ายเป็นการลงทุนของชาวญี่ปุ่น และทั้ง 3 บริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ 8.4 2.05 และ4.60 ตามลำดับ
ส่วนบริษัทผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายที่เป็นบริษัทของคนไทยนั้นยังไม่มีในประเทศไทย เนื่องจากการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูง ต้องมีฐานลูกค้ารองรับ และต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามการลงทุนในการผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีลู่ทางการลงทุนที่ดี สำหรับนักลงทุนรายใหม่ที่ต้องการลงทุนทางด้านนี้ควรจะเริ่มจากการผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งมีกำลัง 20 -- 90 วัตต์ก่อน เนื่องจากใช้เทคโนโลยีต่ำที่สุด โดยเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าโดยเน้นการจำหน่ายภายในประเทศ แล้วหลังจากนั้นจึงพัฒนาไปสู่การผลิตพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับคอมพิวเตอร์โดยเน้นการจำหน่ายภายในประเทศให้แก่ผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ตามพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น และที่สำคัญคือคุณภาพและราคาของสินค้าต้องสามารถแข่งขันกับสินค้าที่นำเข้าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาวเวอร์ซัพพลายจากไต้หวัน เมื่อการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศขยายตัวได้ดีแล้วก็อาจจะขยายตลาดส่งออกต่อไปในอนาคตก็ได้ โดยสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรจะต้องมีก่อนการลงทุนผลิตก็คือ การหาลูกค้าให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยลงทุนซื้อเครื่องจักรในการผลิต
รายชื่อผู้ประกอบการสำคัญ
ขนาดใหญ่ เงินทุนจดทะเบียน (บาท)
บริษัท มินิแบ ไทย จำกัด 3,100,000,000
บริษัท ไฮโปร อิเล็กทรอนิกส์ (มหาชน) 503,000,000
บริษัท ลำพูน ซิงเดนเก็น จำกัด 100,000,000
บริษัท เดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 270,000,000
บริษัท จีเอสเอส อาร์เรย์ เทคโนโลยี จำกัด 210,000,000
ขนาดกลางและย่อม
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชินเทค เวอร์มอนท์ 13,800,000
บริษัท ทีดับบลิวซี เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด 3,000,000
บริษัท แทคเทค จำกัด 4,000,000
บริษัท เดนเซ (ไทย ) จำกัด 40,000,000
บริษัท เค อี ไอ ซี ไทย จำกัด 15,000,000
ที่มา: รวบรวมโดยบริษัท ศูนย์วิจัย ไทยพาณิชย์ จำกัด
ช่องทางการจำหน่าย ลูกค้าของพาวเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่นำไปผลิตต่อในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประมาณร้อยละ 80 ขึ้นไปของผลผลิตสวิทชิ่งพาวเวอร์ซัพพลายที่ได้ทั้งหมดจะส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศทั้งทางตรง และทางอ้อม
ดังนั้นเมื่อผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายที่อยู่ในไทยส่วนใหญ่มีเป้าหมายในการส่งออกไปยังต่างประเทศ จึงเป็นช่องทางสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กในการเจาะตลาดในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยจำหน่ายโดยตรงให้แก่ผู้ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตามสินค้าที่ผลิตได้จะต้องมีคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ นอกจากนี้ผู้ผลิตรายเล็กยังมีข้อได้เปรียบผู้ผลิตรายใหญ่ในด้านที่สามารถแบ่งจำหน่ายเป็นจำนวนน้อยให้แก่ผู้ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศรายเล็กๆ ซึ่งผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลายรายใหญ่มักจะมองข้ามไป
การผลิต
วัตถุดิบที่ใช้และแหล่งวัตถุดิบ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Connector, PCB, Capacitor, Resistor, Intergrated Circuit, Transformer, Leadframe, Coil, Steelsheet, Socket, Bobbin, และสายไฟ
วัตถุดิบใช้ทั้งจากในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยวัตถุดิบในประเทศคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 31 ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด ได้แก่ Connector, PCB , Capacitor, Resistor, Socket, Bobbin, Leadframe, สายไฟ และ Transformer (บางส่วน) เป็นต้น ทางด้านวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 69 ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด ได้แก่ PCBที่ทนความร้อนสูงกว่า 50- 80 องศาเซลเซียส Integrated Circuit, Capacitor, Resistor, Transformer, Leadframe, Coil, Steelsheet และสายไฟ
กรรมวิธีการผลิต
ขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนการประกอบCase
ตรวจสอบวัตถุดิบที่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบแผ่นเหล็ก
ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บนแผ่นพีซีบี ขึ้นรูป
บัดกรีตะกั่ว ตรวจสอบคุณภาพ
ตบแต่งแผ่นพีซีบีที่ประกอบแล้ว
ตรวจสอบคุณภาพ
ประกอบเคสกับแผ่นพีซีบีเข้าด้วยกัน
ตรวจสอบคุณภาพ
ทดสอบการใช้งาน
เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต การตัดสินใจลงทุนผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นสามารถ ลงทุนผลิตครบวงจรตามขั้นตอนที่แสดงข้างต้นก็ได้ แต่หากยังมีลูกค้าไม่มากนักก็อาจจะไม่คุ้มในการลงทุนซื้อเครื่องจักรมาผลิตแบบครบขั้นตอน แต่อาจทำได้โดยการจ้างบริษัทรับจ้างให้ประกอบในขั้นตอนอื่นๆแทนได้ เพียงแต่ผู้ลงทุนที่จะลงทุนเฉพาะการทดสอบจะเป็นผู้ทำในขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนการทดสอบว่าสินค้าที่จ้างเขาผลิตนั้นได้มาตรฐานทางไฟฟ้าตามที่ต้องการหรือไม่ ดังนั้นการลงทุนก็จะมีเพียงการลงทุนซื้อเครื่องทดสอบเป็นหลัก ต่อเมื่อมีลูกค้ามากพอและสามารถพัฒนาตลาดให้ใหญ่ขึ้นแล้วจึงขยายการผลิตแบบครบขั้นตอนได้
เครื่องจักรสำคัญที่ใช้ในการผลิตได้แก่
1.! Soldering Machine ใช้ ในการบัดกรีตะกั่ว ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท
2.! Jumper Wire ใช้ในการยิงเส้นลวดเข้าแผ่น PCB เช่นตัวต้านทาน ราคา 8 ล้านบาท
3.! Axial Machine ใช้ในการยิง capacitor resistor ตัวประจุไฟฟ้า และชิ้นส่วนเล็กๆ ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท เครื่องนี้สามารถใช้แทนเครื่อง Jumper Wire ได้ แต่จะเกิดการสูญเสียวัตถุดิบมากกว่า
4.! Radial Machine ใช้ในการยิงชิ้นส่วนซึ่งเป็นชิ้นใหญ่ๆ เช่น transformer, wire harnessที่ระบายความร้อน ราคาเครื่องละ 13 ล้านบาท
5.! สายพาน
6.! เครื่องทดสอบ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ทดสอบการปฎิบัติงานของพาวเวอร์ซัพพลายว่ามีการจ่ายกระแสไฟฟ้าตรงกับที่ต้องการหรือไม่ ราคาเครื่องละ 5 แสน ถึง 2 ล้านบาท
โครงสร้างต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับวัตถุดิบคิดเป็นร้อยละ 50-85 ค่าโสหุ้ยการผลิตร้อยละ 10 ค่าแรงงานร้อยละ 5 กำไรร้อยละ 0-35 ในการผลิตพาวเวอร์ซัพพลายนั้นการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ผลิตได้กำไรมากหรือน้อย หากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบให้มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 50 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดก็จะมีกำไรประมาณร้อยละ 35 หากค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบสูงกว่าร้อยละ 85 ก็จะขาดทุน
โครงสร้างต้นทุนการผลิต
ประเภท สัดส่วน (%)
1. วัตถุดิบ 72
2. ค่าโสหุ้ยการผลิต 8
3. ค่าแรงงาน 10
4. ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร 10
รวม 100
ที่มา: สอบถามผู้ประกอบการ
การลงทุนและการเงิน
โรงงานผลิตพาวเวอร์ซัพพลายควรตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ
กรณีการลงทุนผลิตพาวเวอร์ซัพพลายด้วยกำลังการผลิต 15,000 ชิ้นต่อเดือน ประกอบด้วยเงินลงทุนและอุปกรณ์ ดังต่อไปนี้
เงินลงทุนในการผลิตแบบครบขั้นตอน
เงินทุนจดทะเบียนและเงินทุนเริ่มต้น 65 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1. ขนาดเงินทุนในสินทรัพย์ถาวร ได้แก่
ค่าที่ดิน 1 ล้านบาท
ค่าสิ่งปลูกสร้าง 1 ล้านบาท
ค่าเครื่องจักร 60 ล้านบาท
2. ค่ายานพาหนะขนส่งสินค้า (รถกระบะมือสอง 1 คัน รถ 6 ล้อ 2 คัน) ราคา 2 ล้านบาท
3. เงินทุนหมุนเวียน 5.2 ล้านบาทต่อเดือน
บุคลากร ธุรกิจการประกอบพาวเวอร์ซัพพลายขนาดเล็กใช้บุคลากรประมาณ 100 คน ซี่งแบ่งเป็น
1. พนักงานในโรงงาน
1.1 ช่างเครื่อง 10 คน
1.2 ช่างควบคุมเครื่อง 8 คน
1.3 วิศวกรในการทดสอบพาวเวอร์ซัพพลาย 2 คน
1.4 พนักงานขับรถส่งของ 3 คน
1.5 คนงานทั่วไป 69 คน
2. พนักงานในสำนักงานและพนักงานบริหาร
2.1 พนักงานขาย จำนวน 5 คน
2.2 พนักงานบัญชี จำนวน 3 คน
ค่าใช้จ่ายต่อปี
! ต้นทุนขาย
1. ต้นทุนวัตถุดิบ 58,500,000 บาทต่อปี
2. ต้นทุนแรงงาน 10,800,000 บาทต่อปี
3. ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ 9,000,000 บาทต่อปี! 3.1 สาธารณูปโภค
- ค่าน้ำ 900,000 บาทต่อปี
- ค่าไฟ 2,700,000 บาทต่อปี
- ค่าโทรศัพท์ 600,000 บาทต่อปี
3.2 ค่าขนส่ง
- ค่าน้ำมัน 1,440,000 บาทต่อปี
3.3 อื่นๆ 3,060,000 บาทต่อปี
4. ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร 4,000,000 บาทต่อปี
กำไรเฉลี่ย ประมาณร้อยละ 20 ของยอดขาย
หมายเหตุ: ยอดขายเฉลี่ย 180,000 เครื่องราคาเฉลี่ย 450 บาท คิดเป็นรายได้ 81.00 ล้านบาท
ภาคผนวก
ข้อมูลที่เกี่ยวกับกฎระเบียบและการขออนุญาตต่าง ๆ
มาตรการด้านภาษีนำเข้าวัตถุดิบ อัตราภาษีนำเข้าพาวเวอร์ซัพพลายของไทยอยู่ที่อัตราร้อยละ 1 ในขณะที่อัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่ไม่ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผลิตพาวเวอร์ซัพพลายยังมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 5-20
แหล่งข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง การขอคำปรึกษาแนะนำสำหรับการจัดตั้งโรงงานที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ สามารถติดต่อได้ที่สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ การขอคำแนะนำเกี่ยวกับการขอใบรับรองสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ ฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ดังที่อยู่ข้างล่างนี้
- สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ สำนักงาน 57 อาคารโรงงาน ชั้น 6 ถนนพระสุเมรุ บางลำพู พระนคร กรุงเทพ 10200 โทร (662) 280-7272 โทรสาร (662) 280-7277 หรือที่ศูนย์ทดสอบที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 8 สุขุมวิท กม.34 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทร (662) 324-0710-9 โทรสาร (662) 323-9598
- ฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ โทร (662) 644-8150-99 โทรสาร (662) 644-8137-8
แหล่งขายเครื่องจักร (ในประเทศหรือต่างประเทศ)
รายชื่อผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย
ประเภทเครื่องจักร บริษัท ที่อยู่1.! Jumper Wire , 1. ยามาเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด อาคารชัย-โห ว่องไววิทย์ 889
Radial Machine หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมือง
และ Axial Machine สมุทรปราการ 7487070-92. Soldering Machine 1. บริษัท คีชิโมโต้ ซังกิโย (ไทยแลนด์) 159 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้น 11
จำกัด ถนนสุขุมวิท 21 คลองเตย กรุงเทพ
โทร 260-8624-30
2. บริษัทไทยโซลเดอร์อินดัสตรี จำกัด 1297!ถนนทรงวาด 2375840-2
3. ไซมีส สเมลติ้ง แอนด์ รีไฟน์นิ่ง จำกัด 1 ซอย 12 รามคำแหง โทร 718-5285-73. สายพาน 1. บริษัท ไทยเซ็นทรัลแมคคานิคส์ จำกัด 1 ม.10 ซ. มหาวงษ์ ถ. ปู่เจ้าสมิงพราย
ต.สำโรง อ.พระประแดง สมุทรปราการ 3988698
2. บริษัท แซนด์วิค ประเทศไทย จำกัด 222 ถ.กรุงเทพ-กรีฑา บางกะปิ กทม 3794661-44. เครื่องทดสอบ 1.! บริษัท เทสติ้ง อินสตรูเม้นท์ จำกัด 2218/26-27 ถ.จันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพ 2873777-80
2. บริษัท กุลธรเอนจิเนียริ่ง 237 อาคารกุลธร ถ.หลานหลวง
ป้อมปราบ กรุงเทพ 2822151-3ที่มา: รวบรวมโดยบริษัท ศูนย์วิจัย ไทยพาณิชย์ จำกัด--จบ--
-ชต-