นายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรลุยแดนมังกรสานสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นปึก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 1, 2005 17:22 —สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

          นับจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้จับมือประกาศความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับ โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีของจีนปักกิ่งสมัยนั้น เมื่อ 1 กรกฎาคม 2518 จนถึงขณะนี้ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรล่วงเลยมาแล้วถึง 30 ปี
ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบในปีนี้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีโปรแกรมเยือนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม-5 มิถุนายน 2548 โดยแวะ 3 จุดสำคัญๆคือ กรุงปักกิ่ง เมืองซัวเถา และนครคุนหมิง สำหรับงานเฉลิมฉลองจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
ไปคราวนี้ นายกฯทักษิณ มีทีมรัฐมนตรีและแขกคนสำคัญๆ ที่ใกล้ชิด ร่วมเดินทางไปด้วยร่วมๆ ร้อยคน นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปร่วมงานนี้ในนามสภาธุรกิจไทย-จีน
ซึ่งมีประมาณ 30 คน อาทิ ธนากร เสรีบุรี แห่งเครือซีพี, วิกรม กรมดิษฐ์ แห่งอมตะกรุ๊ป, กลุ่มน้ำตาลมิตรผล, สยามสตีล เป็นต้น
แต่การเดินทางไปปักกิ่ง นายกฯไม่ได้ไปมือเปล่า ยังหนีบเอาสินค้าโอท็อป หรือสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของผู้ประกอบการไทยไปแสดงและขายให้กับคนจีน มีทั้งอาหาร สินค้าไทยและผลไม้ไทย เท่านั้นไม่พอยังมีงานแสดงแฟชั่นโชว์แบบเสื้อผ้าไทย ซึ่งเป็นผลงานในโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่นไปอวดพี่น้องชาวจีน
ก่อนหน้านี้ ฯพณฯทักษิณ ชินวัตร เคยเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการมาบ้างแล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27-29 สิงหาคม 2544 สมัยที่ขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก ตามคำเชิญของ
จู หรงจี นายกฯของจีนแผ่นดินจีนใหญ่ ในครั้งนั้นยังได้จับมือทักทายกับผู้นำคนสำคัญของจีน ไม่ว่า เจียง เจ๋อหมิน ประธานธิบดี และหลี่ เผิง ประธานสมัชชาประชาชนแห่งชาติจีน
ในครั้งนั้น ทักษิณ ได้มีการจับเข่าคุยกับ จู หรงจี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี และยังได้มีการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลไทยและจีน รวมทั้งทำบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งสภาธุรกิจระหว่างสภาส่งเสริมการค้าต่างประเทศของจีนและสภาหอการค้าไทย
ปัจจุบันความสัมพันธ์ไทย-จีน ส่วนใหญ่เน้นไปด้านการค้าและเศรษฐกิจ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ต่างตอบแทน ซึ่งล่าสุดไทย-จีน ได้ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกัน หรือเอฟทีเอไทย-จีน สำหรับมูลค่าการค้าของ 2 ประเทศนั้น ล่าสุดปี 2547 มูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันในปี 2546 ถึง 30.58% โดยไทยส่งออก 7,119.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.4% แต่นำเข้า 8,147 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.73%
โดยสินค้าไทยที่ออกไปยังจีน 5 อันดับแรก มี เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติและอุปกรณ์, ยางพารา,เม็ดพลาสติก,เคมีภัณฑ์,มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าสำคัญที่รัฐบาลไทยตั้งเป้าจะส่งเสริมการขายในจีนเพิ่มขึ้นก็มี ข้าว,มันสำปะหลัง,ผลไม้สด,เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์ และส่วนประกอบรถยนต์/ยานยนต์
ด้านการลงทุน ไทยเราเข้าไปลงทุนในจีน 148 โครงการ มูลค่า 134.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีนมาลงทุนในไทย 11 โครงการ มูลค่า 35.27 ดอลลาร์สหรัฐ
ถึงแม้ตอนนี้ไทยเราจะบริโภคสินค้าจากจีนมากกว่าที่จีนจะบริโภคสินค้าของไทย แต่คนอย่างนายกฯทักษิณ ซึ่งเคยบริหารธุรกิจมาก่อน คงพกไอเดียและทีมรัฐมนตรีที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการค้าไปช่วยกันโปรโมทสินค้าไทยกับพันธมิตรจีนอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นก็คือการดึงนักท่องเที่ยวจีนให้มาไทยมากขึ้น หากเป็นไปได้จะช่วยฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวไทย ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินรายได้ที่เข้าประเทศก็จะเพิ่มขึ้นด้วย นอกเหนือจากจะขอให้จีนช่วยเปิดตลาดผลไม้ไทยเช่นลำไยได้เข้าไปขายในตลาดของจีนบ้าง
ที่มา: หอการค้าไทย www.thaiechamber.com
-ดท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ