ฐานะการคลังรัฐบาลเดือน พฤษภาคม 2543 รายได้ภาษีแสดงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในเดือนพฤษภาคม ของปีงบประมาณ2543 รายได้ขยายตัวถึงร้อยละ 72.5 เทียบกับระยะเดียวกัน ของปีก่อน เนื่องจากภาษีเงินได้นิติบุคคลมีการนำส่ง ส่วนใหญ่ภายในเดือนนี้ ขณะที่ปีที่แล้วส่วนใหญ่มีการนำส่งในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตามถ้าเทียบจำนวนที่ต้องนำส่งแล้ว ปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วประมาณร้อยละ 35 นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (โดยเดือนพฤษภาคม 2542 เป็นเดือนแรก ที่กรมศุลกากร กรมสรรพากรและกรมสรรพสามิตมีการ จัดเก็บในอัตราเดียวกันคือ ร้อยละ 7 หลังจากประกาศปรับอัตราภาษี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2542) และภาษีจากการนำเข้ามีการขยายตัวร้อยละ 25.1 และ 36.2 ตามลำดับ อีกทั้งรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นรายได้นำส่งของ รัฐวิสาหกิจที่สำคัญคือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและกฟผ. ส่งผลให้รายได้รวมสะสมใน 8 เดือนแรกของ ปีงบประมาณสูงขึ้นร้อยละ 10.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน
รายจ่ายรัฐบาลยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ในเดือนพฤษภาคม รายจ่ายรัฐบาลมีจำนวน 66.6 พันล้านบาท (รวมรายจ่ายเพื่อชำระดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่ออกเพื่อฟื้นฟูสถาบันการเงิน 1.3 พันล้านบาท) แม้จะชะลอลงจากเดือนก่อน แต่ยังคงสูงขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 6.1 โดยมีอัตราเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 7.1 ของวงเงินงบประมาณทั้งปี รายจ่ายที่สำคัญคือรายจ่าย สมทบเงินกองทุนประกันสังคม 1.3 พันล้านบาท รายจ่ายสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณรวม 562.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 55.9
ดุลเงินสดเกินดุลมากจากการนำส่งรายได้สูง จากการที่มีการนำส่งรายได้สูงในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ดุลเงินสดของรัฐบาลเกินดุล 25.1 พันล้านบาท ขณะที่ในเดือนเดียวกันปีงบประมาณก่อนขาดดุล 28.3 พันล้านบาท ส่วนการกู้ยืมในประเทศสุทธิมีจำนวน 4.6 พันล้านบาท จากการออกตั๋วเงินคลัง 31.0 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมีการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาล 29.0 และ 0.7 พันล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ยอดเงินฝาก ธปท. ที่คลังจังหวัดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.4 พันล้านบาท และมีการชำระคืนต้นเงินกู้ต่างประเทศ 0.5 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น 29.2 พันล้านบาท โดยมียอด คงค้างเงินคงคลังสูงถึง 62.0 พันล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
รายจ่ายรัฐบาลยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ในเดือนพฤษภาคม รายจ่ายรัฐบาลมีจำนวน 66.6 พันล้านบาท (รวมรายจ่ายเพื่อชำระดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่ออกเพื่อฟื้นฟูสถาบันการเงิน 1.3 พันล้านบาท) แม้จะชะลอลงจากเดือนก่อน แต่ยังคงสูงขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 6.1 โดยมีอัตราเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 7.1 ของวงเงินงบประมาณทั้งปี รายจ่ายที่สำคัญคือรายจ่าย สมทบเงินกองทุนประกันสังคม 1.3 พันล้านบาท รายจ่ายสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณรวม 562.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 คิดเป็นอัตราเบิกจ่ายร้อยละ 55.9
ดุลเงินสดเกินดุลมากจากการนำส่งรายได้สูง จากการที่มีการนำส่งรายได้สูงในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ดุลเงินสดของรัฐบาลเกินดุล 25.1 พันล้านบาท ขณะที่ในเดือนเดียวกันปีงบประมาณก่อนขาดดุล 28.3 พันล้านบาท ส่วนการกู้ยืมในประเทศสุทธิมีจำนวน 4.6 พันล้านบาท จากการออกตั๋วเงินคลัง 31.0 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมีการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาล 29.0 และ 0.7 พันล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ยอดเงินฝาก ธปท. ที่คลังจังหวัดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.4 พันล้านบาท และมีการชำระคืนต้นเงินกู้ต่างประเทศ 0.5 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น 29.2 พันล้านบาท โดยมียอด คงค้างเงินคงคลังสูงถึง 62.0 พันล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-