สรุปข่าวเศรษฐกิจประจำวัน วันที่ 6 กรกฎาคม 2548

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 6, 2005 13:41 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ 1. ก.คลังอนุมัติให้ ธปท.ออก พธบ.วงเงิน 250,000 ล.บาทเพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ก.คลังอนุมัติให้ ธปท.ออก พธบ.วงเงิน 250,000 ล.บาท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องในระบบ ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องในระบบทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพคล่องในระบบ ธพ.ที่แท้จริง ไม่นับรวมกับสภาพคล่องของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 250,000 ล.บาทเท่านั้น ซึ่งลดลงหลังจากที่ ธปท.ดำเนินการดูดซับสภาพคล่องมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินมีการปรับขึ้นบ้าง และยังสามารถปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ธปท.ได้วางแผนการออก พธบ. เป็นประเภทอายุ 1 เดือน อายุ 1 ปี และอายุ 2 ปี ซึ่งจะค่อยๆ ทยอยออกเป็นระยะๆ ให้เหมาะสมกับสภาพของระบบเศรษฐกิจ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้) 2. ธปท.เตรียมออกธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาทแบบใหม่เพื่อป้องกันการปลอมแปลง กรรมการผู้จัดการ โรงพิมพ์ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ประมาณเดือน พ.ย.นี้ ธปท.จะออกธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาทแบบใหม่ ซึ่งจะมีแถบฟอยล์สีเงินตามแนวตั้งอยู่ด้านหน้าของธนบัตร เพื่อป้องกันการปลอมแปลงธนบัตรชนิด 1,000 บาทที่มีมากขึ้น สำหรับสัดส่วนการปลอมแปลงธนบัตรของไทยนั้น ถือว่ามีจำนวนไม่มากนัก โดยข้อมูลล่าสุดมีการปลอมแปลงธนบัตรทุกประเภทประมาณ 10,000 ฉบับ จากจำนวนธนบัตรที่ออกใช้ทั้งปีประมาณ 2-3 พันล้านฉบับ หรือเท่ากับธนบัตรปลอมน้อยกว่า 5 ฉบับต่อล้านฉบับ ซึ่งปกติแล้วหากสัดส่วนธนบัตรที่ปลอมแปลงมีมากกว่า 5 ฉบับต่อล้านฉบับ ธปท.จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธนบัตรใหม่เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ทั้งนี้ ธนบัตรชนิดใหม่ที่มีแถบฟอยล์สีเงินนั้นมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีต้นทุนประมาณ 1 บาท เพิ่มเป็นต้นทุนฉบับละประมาณ 2 บาท ในส่วนของนโยบายการลดปริมาณการใช้เงินสดของไทยเพื่อใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นนั้น เนื่องจากคนไทยยังคงนิยมใช้ธนบัตรอยู่ และต้นทุนทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์สูงกว่า ดังนั้นการเปลี่ยนไปเป็นบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง (กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด) 3. ก.พลังงานมีแผนจะลดสัดส่วนการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงเหลือศูนย์ภายในสิ้นปี 48 แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 5 ก.ค.48 มีภาระหนี้สะสมจากการเข้าไปตรึงราคาน้ำมันรวม 91,469 ล.บาท โดยเป็นชดเชยราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 1.36 บาท หรือเฉลี่ยวันละ 73.8 ล.บาท คิดเป็นตัวเลขภาระหนี้ชดเชยน้ำมันดีเซล 84,493 ล.บาท ส่วนภาระในการชดเชยราคาน้ำมันเบนซิน 95 มีจำนวน 2,672 ล.บาท และเบนซิน 91 จำนวน 4,302 ล.บาท ทั้งนี้ ตามนโยบายของ ก.พลังงาน มีแผนจะลดสัดส่วนการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงให้เหลือศูนย์ภายในสิ้นปี 48 โดยที่ผ่านมาได้ทยอยลดการชดเชยแล้ว 40 สตางค์/ลิตร หลังจากที่มีการประกาศนโยบายปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลเมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และในเดือน ก.ค.นี้ ก็จะพิจารณาลดการชดเชยดีเซลอีกลิตรละ 30-40 สตางค์ เพื่อลดภาระหนี้ของกองทุนน้ำมันฯ นอกจากนี้ รมว.พลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า กระทรวงได้ติดตามดูอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันการใช้น้ำมันดีเซลมีอัตราการเติบโตลดลงจาก 11% เหลือเพียง 9% ส่วนเบนซินลดลงถึง 12% และเชื่อว่าใน 1-2 เดือนนี้ หากดีเซลปรับราคาขึ้นใกล้เคียงกับเบนซิน จะทำให้พฤติกรรมการใช้เปลี่ยนเข้าสู่ความเป็นจริงมากขึ้น (โพสต์ทูเดย์) ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ 1. ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลดีต่อเงินบางสกุล รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 5 ก.ค.48 นักวิเคราะห์กล่าวว่าการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นในขณะนี้และมีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงต่อไปส่งผลดีต่อค่าเงินของประเทศพัฒนาแล้วที่มีแหล่งน้ำมันในประเทศเช่น แคนาคาและออสเตรเลียเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.และเงินเยนของญี่ปุ่นซึ่งทั้ง สรอ.และญี่ปุ่นล้วนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกและได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จากการศึกษาข้อมูลค่าเงินดอลลาร์แคนาดาและดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ย้อนหลัง 5 ปี โดยอ้างอิงกับราคาน้ำมัน West Texas Intermediate grade พบว่าค่าเงินดอลลาร์แคนาดาและดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.มีสหสัมพันธ์กับราคาน้ำมันร้อยละ 86 และร้อยละ 79 ตามลำดับ ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบค่าเงินดอลลาร์ สรอ.กับเงินเยนของญี่ปุ่น ดอลลาร์ สรอ.จะมีภาษีดีกว่าเงินเยนของญี่ปุ่นซึ่งต้องนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากต่างประเทศ ในขณะที่ สรอ.ยังมีแหล่งน้ำมันในประเทศ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้นักลงทุนถือเงินดอลลาร์แคนาคาในลักษณะเกินดุลต่อเงินเยน นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นไปสูงสุด ที่ 60.95 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อปลายเดือน มิ.ย.48 ที่ผ่านมาเมื่อปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้วยังต่ำกว่าในอดีตที่ราคาน้ำมันเคยขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 39.50 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อปี 23 เมื่อครั้นที่มีการปฏิวัติในอิหร่านซึ่งเทียบเท่ากับราคา 100 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน (รอยเตอร์) 2. ยอดการค้าปลีกของเขตยูโรเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เทียบต่อเดือน รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 5 ก.ค.48 สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า ยอดการค้าปลีกของประเทศในเขตยูโรเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.47 ซึ่งถ้าเทียบรายปียอดการค้าปลีกของเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 โดยยอดขายอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ เพิ่มขึ้นระดับเดียวกันคือร้อยละ 2.0 ทั้งนี้ ยอดการค้าปลีกในเดือน เม.ย.48 ลดลงร้อยละ 1.1 เทียบต่อเดือน และลดลงร้อยละ 0.8 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวเลขจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าตัวเลขรายเดือนลดลงร้อยละ 1.2 และรายปีลดลงร้อยละ 0.9 0 อนึ่ง ยอดการค้าปลีกที่ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในครั้งนี้มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดการค้าปลีกใน 2 ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเขตยูโรคือ เยอรมนีและฝรั่งเศส ที่ยอดการค้าปลีกเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และ 0.6 ตามลำดับ (รอยเตอร์) 3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —9 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 5 ก.ค.48 The ABC News/Washington Post เปิดเผยว่า แม้ระดับราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องก็ตาม แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุด 3 ก.ค.48 กลับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ —9 จากระดับ —11 ในสัปดาห์ก่อนหน้า (ดัชนีดังกล่าวมีความแปรปรวนระหว่างระดับ —11 ถึง —9 เมื่อเดือนที่ผ่านมา) ทั้งนี้ ดัชนีที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 2 ใน 3 ตัว เพิ่มขึ้น คือ จำนวนผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 จากร้อยละ 38 ในสัปดาห์ก่อนหน้า และจำนวนที่มีมุมมองในด้านบวกสำหรับเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากร้อยละ 38 ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่มุมมองด้านบวกด้านการเงินส่วนบุคคลไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ในระดับเดิมที่ร้อยละ 57 อนึ่ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ.เป็นเครื่องชี้วัดถึงมุมมองทั่วไปด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจ สรอ. โดยได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 1,000 รายในรอบ 4 สัปดาห์ และมีความผิดพลาดระหว่างบวกลบร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า ผู้บริโภคใน สรอ.มีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับที่ทำการสำรวจไว้ (รอยเตอร์) 4. อังกฤษยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีน้ำมันในวันที่ 1 ก.ย. ตามที่ได้วางแผนไว้ รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 48 ทางการอังกฤษประกาศเมื่อวานนี้ว่า อังกฤษจะไม่ปรับเพิ่มภาษีน้ำมันในวันที่ 1 ก.ย. ตามที่ได้วางแผนไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงเริ่มลดลง นอกจากนั้นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) ได้ตกลงที่จะเพิ่มโควต้าการผลิตน้ำมันราววันละ 1 ล้านบาร์เรลในเดือนก.ย. จากแรงกดดันที่มีมาอย่างต่อเนื่องจากรมว.คลังของกลุ่มประเทศร่ำรวย (G8) อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังมีความไม่แน่นอนและยังคงมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วน้ำมันซื้อ-ขายกันล่วงหน้ามีราคาสูงกว่าบาร์เรลละ 59 ดอลลาร์ สรอ. และเมื่อวันอังคารราคาน้ำมันกลับมาอยู่ที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากฤดูกาลพายุเฮอร์ริเคนในสรอ.เพิ่มความวิตกว่าการสำรองน้ำมันจะไม่ทันตามอุปสงค์น้ำมันในไตรมาสที่ 4 รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่าจะทบทวนภาษีน้ำมันในเวลานั้นก่อนการรายงานงบประมาณซึ่งตามปกติจะเผยแพร่ในเดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. ทั้งนี้ราคาน้ำมันของอังกฤษอยู่ในระดับสูงกว่าราคาน้ำมันของประเทศต่างๆ เนื่องจากมีปริมาณออกเทนสูง ซึ่งมีราคาประมาณลิตรละ 1.56 ดอลลาร์ สรอ. ที่จุดบริการน้ำมัน ซึ่งสูงกว่าราคาน้ำมันของประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป รวมทั้งสรอ. ด้วย (รอยเตอร์)ข้อมูลเศรษฐกิจ 6 ก.ค. 48 5 ก.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.492 39.263 ธปท. อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.2657/41.5462 39.0915/39.3765 ธปท. อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.57-2.59375 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 663.52/14.16 698.90/29.26 ตลท. ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,300/8,400 8,350/8,450 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.06 52.32 28.18 ปตท./รอยเตอร์ ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่ม เมื่อ 4 ก.ค. 48 25.34*/21.79 24.94/21.29 16.99/14.59 ปตท.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ