สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันแม้ว่าการผลิตผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้เพื่อการส่งออกของสหรัฐฯ จะมีสัดส่วนไม่มากนักเมื่อเทียบกับการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ แต่การส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึงกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแต่ละปี (คิดเป็นร้อยละ 7 ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดของสหรัฐฯ) สำหรับผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ส่งออกของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดโลก ได้แก่ แอปเปิ้ล ส้ม และน้ำผลไม้ประเภทต่างๆ
ผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้เพื่อการส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ แบ่งได้เป็น
1. ผลไม้สด สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้สดเป็นสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และส่งออกประมาณร้อยละ 20 - 40 ของปริมาณผลไม้สดที่ผลิตได้ทั้งหมด โดยมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2543 คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ในบรรดาผลไม้สดเพื่อการส่งออกของสหรัฐฯ แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด (คิดเป็นร้อยละ 18 ของมูลค่าส่งออกผลไม้สดทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ องุ่น ส้ม เกรปฟรุต เชอรี่ สตรอเบอรี่ พีช แพร์ เป็นต้น มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ แคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก ไต้หวัน และฮ่องกง
2. น้ำผลไม้ ในปี 2543 สหรัฐฯ ส่งออกน้ำผลไม้เป็นมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ปริมาณน้ำผลไม้ที่สหรัฐฯ ส่งออกมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของน้ำผลไม้ที่สหรัฐฯ ผลิตได้ทั้งหมด โดยส่งออกน้ำส้มได้มากที่สุด (ประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าส่งออกน้ำผลไม้ทั้งหมด) รองลงมา คือ น้ำเกรปฟรุต (ร้อยละ 10) น้ำองุ่น (ร้อยละ 9) และน้ำแอปเปิ้ล (ร้อยละ 5) เป็นต้น ตลาดส่งออกน้ำผลไม้ที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
3. ผลไม้แห้ง สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้แห้งเป็นมูลค่าประมาณ 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2543 คิดเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และคิดเป็นร้อยละ 30 ของปริมาณผลไม้แห้งที่สหรัฐฯ ผลิตได้ทั้งหมด ผลไม้แห้งส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ลูกเกด พรุนแห้ง ซึ่งส่งออกรวมกันกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกผลไม้แห้งทั้งหมด ตลาดส่งออกผลไม้แห้งที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี และประเทศในแถบเอเชีย เป็นต้น
4. ผลไม้กระป๋อง สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้กระป๋องประมาณร้อยละ 5 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2 ของปริมาณผลไม้กระป๋องที่ผลิตได้ทั้งหมดในสหรัฐฯ เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ ผลไม้กระป๋องส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ พีชกระป๋อง เชอรี่กระป๋องชนิดหวาน เชอรี่กระป๋องชนิดเปรี้ยว และมะกอกกระป๋อง มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้กระป๋องของสหรัฐฯ ไปตลาดสหภาพยุโรปลดลงมากในปัจจุบัน เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปค่อนข้างสูงและต้องแข่งขันกับผู้ผลิตผลไม้กระป๋องภายในสหภาพยุโรปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้ขยายการผลิตผลไม้กระป๋องมากขึ้น
5. ผลไม้แช่แข็ง ในปี 2543 สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้แช่แข็งเป็นมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 2 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ผลไม้ที่สหรัฐฯ ส่งออกในลักษณะผลไม้แช่แข็งมากที่สุด คือ สตรอเบอรี่ (คิดเป็นร้อยละ 45 ของปริมาณส่งออกผลไม้แช่แข็งทั้งหมด) ทั้งนี้มีญี่ปุ่นและแคนาดาเป็นตลาดส่งออกสตรอเบอรี่แช่แข็งที่สำคัญของสหรัฐฯ (ส่งออกรวมกันสูงถึงกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณสตรอเบอรี่แช่แข็งที่สหรัฐฯส่งออกทั้งหมด) โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น สตรอเบอรี่แช่แข็งของสหรัฐฯครองส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง
เนื่องจากญี่ปุ่นนิยมนำเข้าสตรอเบอรี่จากสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร อาทิ แยม โยเกิร์ต ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม เป็นต้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีการส่งออกผลไม้แช่เเข็งประเภทอื่นๆ แม้ว่ามูลค่าส่งออกในขณะนี้ยังไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้แช่แข็งของสหรัฐฯ ในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งที่มีต้นทุนและราคาจำหน่ายต่ำกว่า เช่น จีน เกาหลีใต้ เม็กซิโก เป็นสำคัญ
ในปีการผลิต 2544/2545 กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงจากปีการผลิตก่อนหน้า เนื่องจากสภาวะอากาศของสหรัฐฯ ที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตผลไม้หลายชนิดลดลง ประกอบกับเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน 2544 ที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
สำหรับประเทศไทย ผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปนำเข้าจากสหรัฐฯ ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง มาโดยตลอด ในปี 2543 ไทยนำเข้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่าราว 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นผลไม้ที่ไทยยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง อีกทั้งสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของไทยไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก สำหรับผลไม้สำคัญประเภทอื่นๆ ที่ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้แก่ แพร์ พรุน ลูกเกด เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-
ผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้เพื่อการส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ แบ่งได้เป็น
1. ผลไม้สด สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้สดเป็นสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และส่งออกประมาณร้อยละ 20 - 40 ของปริมาณผลไม้สดที่ผลิตได้ทั้งหมด โดยมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2543 คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ในบรรดาผลไม้สดเพื่อการส่งออกของสหรัฐฯ แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด (คิดเป็นร้อยละ 18 ของมูลค่าส่งออกผลไม้สดทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ องุ่น ส้ม เกรปฟรุต เชอรี่ สตรอเบอรี่ พีช แพร์ เป็นต้น มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ แคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก ไต้หวัน และฮ่องกง
2. น้ำผลไม้ ในปี 2543 สหรัฐฯ ส่งออกน้ำผลไม้เป็นมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ปริมาณน้ำผลไม้ที่สหรัฐฯ ส่งออกมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของน้ำผลไม้ที่สหรัฐฯ ผลิตได้ทั้งหมด โดยส่งออกน้ำส้มได้มากที่สุด (ประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าส่งออกน้ำผลไม้ทั้งหมด) รองลงมา คือ น้ำเกรปฟรุต (ร้อยละ 10) น้ำองุ่น (ร้อยละ 9) และน้ำแอปเปิ้ล (ร้อยละ 5) เป็นต้น ตลาดส่งออกน้ำผลไม้ที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
3. ผลไม้แห้ง สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้แห้งเป็นมูลค่าประมาณ 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2543 คิดเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และคิดเป็นร้อยละ 30 ของปริมาณผลไม้แห้งที่สหรัฐฯ ผลิตได้ทั้งหมด ผลไม้แห้งส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ลูกเกด พรุนแห้ง ซึ่งส่งออกรวมกันกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกผลไม้แห้งทั้งหมด ตลาดส่งออกผลไม้แห้งที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี และประเทศในแถบเอเชีย เป็นต้น
4. ผลไม้กระป๋อง สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้กระป๋องประมาณร้อยละ 5 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ และมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2 ของปริมาณผลไม้กระป๋องที่ผลิตได้ทั้งหมดในสหรัฐฯ เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ ผลไม้กระป๋องส่งออกที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ พีชกระป๋อง เชอรี่กระป๋องชนิดหวาน เชอรี่กระป๋องชนิดเปรี้ยว และมะกอกกระป๋อง มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้กระป๋องของสหรัฐฯ ไปตลาดสหภาพยุโรปลดลงมากในปัจจุบัน เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปค่อนข้างสูงและต้องแข่งขันกับผู้ผลิตผลไม้กระป๋องภายในสหภาพยุโรปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้ขยายการผลิตผลไม้กระป๋องมากขึ้น
5. ผลไม้แช่แข็ง ในปี 2543 สหรัฐฯ ส่งออกผลไม้แช่แข็งเป็นมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 2 ของมูลค่าส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ทั้งหมดของสหรัฐฯ ผลไม้ที่สหรัฐฯ ส่งออกในลักษณะผลไม้แช่แข็งมากที่สุด คือ สตรอเบอรี่ (คิดเป็นร้อยละ 45 ของปริมาณส่งออกผลไม้แช่แข็งทั้งหมด) ทั้งนี้มีญี่ปุ่นและแคนาดาเป็นตลาดส่งออกสตรอเบอรี่แช่แข็งที่สำคัญของสหรัฐฯ (ส่งออกรวมกันสูงถึงกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณสตรอเบอรี่แช่แข็งที่สหรัฐฯส่งออกทั้งหมด) โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น สตรอเบอรี่แช่แข็งของสหรัฐฯครองส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง
เนื่องจากญี่ปุ่นนิยมนำเข้าสตรอเบอรี่จากสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร อาทิ แยม โยเกิร์ต ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม เป็นต้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีการส่งออกผลไม้แช่เเข็งประเภทอื่นๆ แม้ว่ามูลค่าส่งออกในขณะนี้ยังไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้แช่แข็งของสหรัฐฯ ในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งที่มีต้นทุนและราคาจำหน่ายต่ำกว่า เช่น จีน เกาหลีใต้ เม็กซิโก เป็นสำคัญ
ในปีการผลิต 2544/2545 กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงจากปีการผลิตก่อนหน้า เนื่องจากสภาวะอากาศของสหรัฐฯ ที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตผลไม้หลายชนิดลดลง ประกอบกับเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน 2544 ที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
สำหรับประเทศไทย ผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปนำเข้าจากสหรัฐฯ ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง มาโดยตลอด ในปี 2543 ไทยนำเข้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่าราว 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นผลไม้ที่ไทยยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง อีกทั้งสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของไทยไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก สำหรับผลไม้สำคัญประเภทอื่นๆ ที่ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้แก่ แพร์ พรุน ลูกเกด เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-