เป็นสินเชื่อสกุลเงินบาทสำหรับผู้ส่งออกสินค้าทุกชนิด ทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนก่อนและ/หรือหลังการส่งออก สินเชื่อประเภทนี้คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออกที่เป็นเงินบาท
โดยผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกต้องรายงานการนำเงินกู้ไปใช้เช่นเดียวกับแพ็คกิ้งเครดิตของธนาคารพาณิชย์
การใช้วงเงิน
ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก
ติดต่อขออนุมัติตามระเบียบที่ ธสน. กำหนด โดยขอใช้บริการได้โดยตรงที่ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจหรือสาขาของ ธสน.
หลังจากที่ ธสน. ได้กำหนดวงเงินและจัดทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ส่งออกหรือ ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกได้รับเอกสาร การสั่งซื้อสินค้า หรือมีสต็อกสินค้าเพื่อเตรียมการส่งออก หรือมีตั๋วแลกเงิน ที่เกิดจากการเรียกเก็บค่าสินค้า ส่งออกที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระเงิน ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกสามารถออกตั๋วสัญญา ใช้เงิน (P/N) ตามเอกสารดังกล่าวมาใช้ประกอบการเบิกเงินกู้ได้ไม่เกิน อัตราต่อไปนี้
กรณีผู้ส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตาม L/C
- 80% ของจำนวนเงินตามสัญญาซื้อขายหรือคำสั่งซื้อสินค้า
- 80% ของมูลค่าสินค้าที่สต็อกไว้เพื่อเตรียมการส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงิน (B/E)
กรณีผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตาม DL/C (Domestic L/C)
- 80% ของจำนวนเงินตามสัญญาซื้อขายหรือคำสั่งซื้อสินค้าภาย ในประเทศ
- 80% ของมูลค่าสินค้าที่สต็อกไว้เพื่อเตรียมขายให้แก่ผู้ส่งออก
ทั้งนี้ ระยะเวลาที่กำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงินไม่เกิน 180 วัน แต่ต้องไม่เกิน วันหมดอายุของเอกสารการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว
เมื่อส่งสินค้าแล้ว ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก สามารถนำ เอกสารส่งออกมาขายที่ ธสน. และนำเงินบาทที่ได้จากการ ขายเอกสารส่งออก มาชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เงินส่วนที่เหลือเป็นของผู้ส่งออกหรือผู้ผลิต สินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก
เป็นวงเงินหมุนเวียน (Revolving Line of Credit) ซึ่งหลังจากชำระเงินกู้ที่คงค้างอยู่แล้ว วงเงินนี้สามารถใช้รองรับการให้กู้ตามเอกสาร การสั่งซื้อรายต่อๆ ไปได้
ข้อแตกต่างระหว่างแพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก
แพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรง สินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก
1. ต้องมีการจัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงิน
2. มีการตรวจดูสินค้า ทะเบียนหรือบัญชีคุมยอดสินค้า
3. กรณีที่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกปฏิบัติผิดระเบียบ จะต้องเสียค่าเบี้ยปรับในอัตรา 5.5% ต่อปี
1. ไม่มีการกำหนดให้จัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงิน
2. ไม่มีการตรวจดูสินค้า ทะเบียนหรือบัญชีคุมยอดสินค้า
3. ไม่มีการคิดเบี้ยปรับ ยกเว้นในกรณีหนี้ค้างชำระ
ข้อมูลและหลักฐานประกอบการพิจารณา
ประวัติการดำเนินกิจการและผลการดำเนินงาน L/C หรือ DL/C สัญญาซื้อขาย (Contract) หรือคำสั่งซื้อ (P/O)
หลักฐานการจดทะเบียนบริษัท งบการเงิน และ Bank Statement หลักประกัน
สนใจติดต่อได้ที่
ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ สำนักงานใหญ่
สำนักงานและสาขาทุกแห่ง
โครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาด ใหม่*
โครงการนี้จะชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ส่งออกที่ใช้บริการแพ็คกิ้งเครดิตกับ ธนาคารพาณิชย์ หรือมีวงเงินแพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับ ธสน. ซึ่งได้แจ้ง ความจำนงจะเข้าร่วมโครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่ง ออกไปตลาดใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ผู้ส่งออก ที่ส่งสินค้าไปตลาดใหม่ในอัตราตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปีของมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา วิธีการขอชดเชยดอกเบี้ยแพ็คกิ้งเครดิต
ผู้ส่งออกที่มีวงเงินแพ็คกิ้งเครดิตกับธนาคารพาณิชย์ หรือมีวงเงิน แพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับ ธสน. กรอกและส่งแบบแสดง เจตจำนงขอรับ ชดเชยค่าดอกเบี้ยจากการส่งสินค้าออกไปตลาดใหม่ ผ่านธนาคารที่ใช้วงเงินอยู่
ผู้ส่งออกตั๋วสัญญาใช้เงินไปวางเป็นประกันการกู้ยืมกับธนาคาร พาณิชย์หรือ ขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับ ธสน. โดยในเอกสารประกอบ ตั๋วต้องระบุข้อความว่า "โครงการผลักดัน การส่งออกเพื่อเพิ่มสัด ส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่"
เมื่อผู้ส่งออกส่งสินค้าออกและได้รับชำระ ค่าสินค้าจากผู้ซื้อต่าง ประเทศแล้วให้ส่งสำเนา ใบตราส่งสินค้า ใบขนสินค้าขาออก Invoice ฉบับเรียกเก็บเงิน และหลักฐานแสดงการนำเข้าซึ่งเงิน ตราต่างประเทศ พร้อมหนังสือขอชดเชยค่าดอกเบี้ยจาก การส่งสินค้า ออกไปตลาดใหม่ให้แก่ธนาคารภายใน 60 วัน นับจากวันที่ตั๋ว สัญญาใช้เงินฉบับสุดท้าย ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้านั้นถึงกำหนดชำระเงิน
ธสน. จะชดเชยค่าดอกเบี้ยแก่ผู้ส่งออกต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการ ตรวจสอบข้อมูลการส่งออกถูกต้องแล้ว
ระยะเวลาการชดเชย
ตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2542 ถึงธันวาคม 2546
หมายเหตุ ตลาดใหม่ หมายถึง ประเทศในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา ทั้งในอเมริกากลางและใต้ ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้และจีน รวม 141 ประเทศ--จบ--
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-
โดยผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกต้องรายงานการนำเงินกู้ไปใช้เช่นเดียวกับแพ็คกิ้งเครดิตของธนาคารพาณิชย์
การใช้วงเงิน
ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก
ติดต่อขออนุมัติตามระเบียบที่ ธสน. กำหนด โดยขอใช้บริการได้โดยตรงที่ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจหรือสาขาของ ธสน.
หลังจากที่ ธสน. ได้กำหนดวงเงินและจัดทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ส่งออกหรือ ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกได้รับเอกสาร การสั่งซื้อสินค้า หรือมีสต็อกสินค้าเพื่อเตรียมการส่งออก หรือมีตั๋วแลกเงิน ที่เกิดจากการเรียกเก็บค่าสินค้า ส่งออกที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระเงิน ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกสามารถออกตั๋วสัญญา ใช้เงิน (P/N) ตามเอกสารดังกล่าวมาใช้ประกอบการเบิกเงินกู้ได้ไม่เกิน อัตราต่อไปนี้
กรณีผู้ส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตาม L/C
- 80% ของจำนวนเงินตามสัญญาซื้อขายหรือคำสั่งซื้อสินค้า
- 80% ของมูลค่าสินค้าที่สต็อกไว้เพื่อเตรียมการส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตามตั๋วแลกเงิน (B/E)
กรณีผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก
- 90% ของจำนวนเงินตาม DL/C (Domestic L/C)
- 80% ของจำนวนเงินตามสัญญาซื้อขายหรือคำสั่งซื้อสินค้าภาย ในประเทศ
- 80% ของมูลค่าสินค้าที่สต็อกไว้เพื่อเตรียมขายให้แก่ผู้ส่งออก
ทั้งนี้ ระยะเวลาที่กำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงินไม่เกิน 180 วัน แต่ต้องไม่เกิน วันหมดอายุของเอกสารการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว
เมื่อส่งสินค้าแล้ว ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก สามารถนำ เอกสารส่งออกมาขายที่ ธสน. และนำเงินบาทที่ได้จากการ ขายเอกสารส่งออก มาชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เงินส่วนที่เหลือเป็นของผู้ส่งออกหรือผู้ผลิต สินค้าอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก
เป็นวงเงินหมุนเวียน (Revolving Line of Credit) ซึ่งหลังจากชำระเงินกู้ที่คงค้างอยู่แล้ว วงเงินนี้สามารถใช้รองรับการให้กู้ตามเอกสาร การสั่งซื้อรายต่อๆ ไปได้
ข้อแตกต่างระหว่างแพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก
แพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรง สินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก
1. ต้องมีการจัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงิน
2. มีการตรวจดูสินค้า ทะเบียนหรือบัญชีคุมยอดสินค้า
3. กรณีที่ผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกปฏิบัติผิดระเบียบ จะต้องเสียค่าเบี้ยปรับในอัตรา 5.5% ต่อปี
1. ไม่มีการกำหนดให้จัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงิน
2. ไม่มีการตรวจดูสินค้า ทะเบียนหรือบัญชีคุมยอดสินค้า
3. ไม่มีการคิดเบี้ยปรับ ยกเว้นในกรณีหนี้ค้างชำระ
ข้อมูลและหลักฐานประกอบการพิจารณา
ประวัติการดำเนินกิจการและผลการดำเนินงาน L/C หรือ DL/C สัญญาซื้อขาย (Contract) หรือคำสั่งซื้อ (P/O)
หลักฐานการจดทะเบียนบริษัท งบการเงิน และ Bank Statement หลักประกัน
สนใจติดต่อได้ที่
ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ สำนักงานใหญ่
สำนักงานและสาขาทุกแห่ง
โครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปตลาด ใหม่*
โครงการนี้จะชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ส่งออกที่ใช้บริการแพ็คกิ้งเครดิตกับ ธนาคารพาณิชย์ หรือมีวงเงินแพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับ ธสน. ซึ่งได้แจ้ง ความจำนงจะเข้าร่วมโครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่ง ออกไปตลาดใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ผู้ส่งออก ที่ส่งสินค้าไปตลาดใหม่ในอัตราตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปีของมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา วิธีการขอชดเชยดอกเบี้ยแพ็คกิ้งเครดิต
ผู้ส่งออกที่มีวงเงินแพ็คกิ้งเครดิตกับธนาคารพาณิชย์ หรือมีวงเงิน แพ็คกิ้งเครดิตแบบกู้ตรงกับ ธสน. กรอกและส่งแบบแสดง เจตจำนงขอรับ ชดเชยค่าดอกเบี้ยจากการส่งสินค้าออกไปตลาดใหม่ ผ่านธนาคารที่ใช้วงเงินอยู่
ผู้ส่งออกตั๋วสัญญาใช้เงินไปวางเป็นประกันการกู้ยืมกับธนาคาร พาณิชย์หรือ ขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับ ธสน. โดยในเอกสารประกอบ ตั๋วต้องระบุข้อความว่า "โครงการผลักดัน การส่งออกเพื่อเพิ่มสัด ส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่"
เมื่อผู้ส่งออกส่งสินค้าออกและได้รับชำระ ค่าสินค้าจากผู้ซื้อต่าง ประเทศแล้วให้ส่งสำเนา ใบตราส่งสินค้า ใบขนสินค้าขาออก Invoice ฉบับเรียกเก็บเงิน และหลักฐานแสดงการนำเข้าซึ่งเงิน ตราต่างประเทศ พร้อมหนังสือขอชดเชยค่าดอกเบี้ยจาก การส่งสินค้า ออกไปตลาดใหม่ให้แก่ธนาคารภายใน 60 วัน นับจากวันที่ตั๋ว สัญญาใช้เงินฉบับสุดท้าย ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้านั้นถึงกำหนดชำระเงิน
ธสน. จะชดเชยค่าดอกเบี้ยแก่ผู้ส่งออกต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องเมื่อมีการ ตรวจสอบข้อมูลการส่งออกถูกต้องแล้ว
ระยะเวลาการชดเชย
ตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2542 ถึงธันวาคม 2546
หมายเหตุ ตลาดใหม่ หมายถึง ประเทศในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา ทั้งในอเมริกากลางและใต้ ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้และจีน รวม 141 ประเทศ--จบ--
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-