กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
25. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปสหประชาชาติและย้ำว่า การปฏิรูปสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะสอดคล้องกับ หลักการที่ว่า องค์กรดังกล่าวจะต้องเป็นตัวแทนของประเทศสมาชิกได้อย่างแท้จริง มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อส่งเสริมบทบาทของสหประชาชาติในการให้บริการแก่ทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา
26. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญที่จะให้ทั่วโลกยอมรับสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Comprehensive Nuclear Test Ban Treaty - CTBT) และสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty - NPT) และเรียกร้องให้ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มความพยายามในการกำจัดอาวุธดังกล่าวให้หมดสิ้น
27. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อจัดทำพิธีสารว่าด้วยการตรวจสอบของอนุสัญญาอาวุธชีวะ (Biological Weapon Convention - BWC) และรอคอยการทบทวนอนุสัญญา BWC ครั้งที่ 5 ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2544
28. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบผลของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบาในทุกรูปแบบ ซึ่งจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 9 - 20 กรกฎาคม 2544 และแสดงความหวังว่า จะมีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพตามแผนปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองในที่ประชุมฯ ดังกล่าว
29. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน รับทราบการเจรจาเมื่อไม่นานมานี้ระหว่างประเทศมหาอำนาจกับประเทศที่เกี่ยวข้องในโครงการต่อต้านขีปนาวุธพิสัยกลางและไกล (NMD) และหวังว่าการเจรจาดังกล่าวจะช่วยลดความแตกต่างของความคิดและสามารถหาแนวทางใหม่ๆ ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับ NMD โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ในการธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงและเสถียรภาพของโลก
30. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบมติของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียน ครั้งที่ 26 ณ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2536 ที่ได้พิจารณาการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนที่เหมาะสมในระดับภูมิภาคและรับทราบผลการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับคณะทำงานเพื่อการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยังได้รับทราบความพยายามของคณะทำงานฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งกลไกดังกล่าว รวมทั้งการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องกลไกสิทธิมนุษยชนในอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2544 ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่าควรจะนำสถาบันความมั่นคงและนานาชาติของอาเซียน (ASEAN-ISIS) เข้ามามีส่วนร่วมในการหารือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านประชาชนอาเซียนอันเป็นบริบทที่กว้างขึ้น
31. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นว่าอาเซียนควรมีความพยายามในการหาท่าทีร่วมกันทั้งเวทีการประชุมระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศในส่วนขององค์การการค้าโลก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระเบียบวาระสำหรับการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่มีความสมดุลและครอบคุลมประเด็นต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย ระเบียบวาระควรประกอบด้วยการเสริมสร้างประสิทธิภาพของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้สามารถรับมือกับสิ่งท้าทาของการเปิดเสรีและการดำเนินการตามพันธกรณีตามองค์การการค้าโลก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำถึงความร่วมมือในกรอบความร่วมมือการค้าพหุภาคีซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขจัดความยากจนของอาเซียน นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศยังได้ย้ำความปรารถนาของอาเซียนที่จะเห็นองค์การการค้าโลกเร่งรัดกระบวนการเพื่อให้กัมพูชา ลาว และเวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การฯ และเห็นว่าการที่จีนจะได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกโดยเร็วจะมีผลดีเกื้อกูลอย่างสำคัญยิ่งต่อระบบการค้าพหุภาคี 32. รัฐมนตรีต่างประเทศแสดงความกังวลต่อราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำลงในตลาดโลก ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจึงสนับสนุนความพยายามของอาเซียนที่จะคงการกำหนดท่าทีและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาการปฏิบัติที่บิดเบือนการค้าของประเทศพัฒนาแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การอุดหนุนการส่งออกและมาตรการสนับสนุนภายในประเทศที่มีผลกระทบต่อการค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศ
33. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำข้อเรียกร้องของอาเซียนที่สนับสนุนให้กัมพูชา ลาว และพม่าได้เข้าร่วมในคณะทำงานต่างๆ ของเอเปคจนกว่าประเทศทั้งสามจะได้เข้าเป็นสมาชิก เอเปค รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่จีนจะเป็นประธานเอเปคในปี 2544 และแสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ที่จะให้บรรลุจุดมุ่งหมายของเอเปคในเรื่อง "การรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในศตวรรษใหม่ : การบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันด้วยการมีส่วนร่วมและการร่วมมือกัน"
34. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบผลสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย — ยุโรป (Asia-Europe Foreign Ministers ’ Meeting — ASEM FMM) ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐ-ประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2544 และยืนยันพันธกรณี ของอาเซียนต่อกระบวนการของเอเชีย - ยุโรป รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำถึงการสนับสนุนกัมพูชา ลาว และพม่าเข้าเป็นสมาชิกของอาเซมโดยเร็ว อีกทั้งเห็นพ้องที่จะทำให้การประชุมอาเซม ในอนาคตมีปฏิสัมพันธ์และในลักษณะที่ไม่เป็นทางการมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีความเป็นหุ้นส่วน อย่างรอบด้านระหว่างเอเชีย — ยุโรปในยุคหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหวังจะเห็นการจัดประชุม ASEM FMM ครั้งที่ 4 ที่สเปนในเดือนมิถุนายน 2545 และการประชุมสุดยอดเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 4 ที่กรุงโคเปนเฮเกนในเดือนกันยายน 2545
35. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนให้ความสำคัญกับโครงการความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคในลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-regional Cooperation Program — GMS) ที่มุ่งเพิ่มพูนการค้าในภูมิภาคและการค้าชายแดนโดยอาศัยการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมโยง การมุ่งสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพแรงงานและตลาดโดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เห็นว่าวัตถุประสงค์ของโครงการ GMS กับผลประโยชน์และกิจกรรมของอาเซียนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งกรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอาเซียน — ลุ่มน้ำโขง (ASEAN-Mekong Basin Development Cooperation — AMBDC) มีส่วนช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ทั้งสององค์กรจะต้องร่วมมือและประสานงานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
36. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีต่อความสำเร็จของการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือ ลุ่มแม่น้ำโขง — คงคา ครั้งที่ 1 ที่เวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2543 และเห็นว่าความร่วมมือนี้มีส่วนช่วยเสริมความพยายามต่างๆ ในการนำศักยภาพของภูมิภาค มาใช้ รวมทั้งแสดงความหวังว่าความร่วมมือดังกล่าวซึ่งในขั้นแรกจะเน้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาจะส่งผลที่เป็นรูปธรรม อันจะช่วยส่งเสริมความพยายามที่จะนำอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเข้ามารวมตัวกับภูมิภาค นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหวังว่า การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง — คงคา ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงฮานอย ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2544 จะประสบผลสำเร็จด้วยดีความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
37. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่เศรษฐกิจในประเทศอาเซียนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ได้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจต่อไปในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เน้นถึงความสำคัญของการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นมาตรการที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและดึงดูดการลงทุน 38 รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่มีความพยายามให้เขตการค้าเสรีอาเซียนบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว และย้ำความสำคัญที่เขตการค้าเสรีอาเซียนจะเปรียบเสมือนหลักสำคัญในการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาครัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนชื่นชมที่ประเทศภาคีเดิมของเขตการค้าเสรีอาเซียนได้ตัดสินใจเร่งดำเนินการตามกลไกในการลดภาษีตามข้อตกลงว่าด้วยอัตราศุลกากรพิเศษที่เท่ากัน (CEPT) และ สนับสนุนความพยายามที่จะเผยแพร่เกี่ยวกับเขตการค้าเสรีอาเซียน รวมทั้งได้แสดงความยินดีต่อการดำเนินโครงการ CEPT Outreach Program ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม - วันที่ 6 เมษายน 2544 ในเมืองหลวงของอาเซียน 5 แห่งเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่พึงได้รับจากเขตการค้าเสรีอาเซียนให้วงการธุรกิจทราบ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7(ยังมีต่อ)
-อน-
25. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปสหประชาชาติและย้ำว่า การปฏิรูปสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะสอดคล้องกับ หลักการที่ว่า องค์กรดังกล่าวจะต้องเป็นตัวแทนของประเทศสมาชิกได้อย่างแท้จริง มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อส่งเสริมบทบาทของสหประชาชาติในการให้บริการแก่ทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา
26. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญที่จะให้ทั่วโลกยอมรับสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Comprehensive Nuclear Test Ban Treaty - CTBT) และสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty - NPT) และเรียกร้องให้ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มความพยายามในการกำจัดอาวุธดังกล่าวให้หมดสิ้น
27. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อจัดทำพิธีสารว่าด้วยการตรวจสอบของอนุสัญญาอาวุธชีวะ (Biological Weapon Convention - BWC) และรอคอยการทบทวนอนุสัญญา BWC ครั้งที่ 5 ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2544
28. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบผลของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบาในทุกรูปแบบ ซึ่งจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 9 - 20 กรกฎาคม 2544 และแสดงความหวังว่า จะมีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพตามแผนปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองในที่ประชุมฯ ดังกล่าว
29. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน รับทราบการเจรจาเมื่อไม่นานมานี้ระหว่างประเทศมหาอำนาจกับประเทศที่เกี่ยวข้องในโครงการต่อต้านขีปนาวุธพิสัยกลางและไกล (NMD) และหวังว่าการเจรจาดังกล่าวจะช่วยลดความแตกต่างของความคิดและสามารถหาแนวทางใหม่ๆ ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับ NMD โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ในการธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงและเสถียรภาพของโลก
30. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบมติของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียน ครั้งที่ 26 ณ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2536 ที่ได้พิจารณาการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนที่เหมาะสมในระดับภูมิภาคและรับทราบผลการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับคณะทำงานเพื่อการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยังได้รับทราบความพยายามของคณะทำงานฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งกลไกดังกล่าว รวมทั้งการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องกลไกสิทธิมนุษยชนในอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2544 ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่าควรจะนำสถาบันความมั่นคงและนานาชาติของอาเซียน (ASEAN-ISIS) เข้ามามีส่วนร่วมในการหารือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านประชาชนอาเซียนอันเป็นบริบทที่กว้างขึ้น
31. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นว่าอาเซียนควรมีความพยายามในการหาท่าทีร่วมกันทั้งเวทีการประชุมระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศในส่วนขององค์การการค้าโลก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระเบียบวาระสำหรับการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่มีความสมดุลและครอบคุลมประเด็นต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย ระเบียบวาระควรประกอบด้วยการเสริมสร้างประสิทธิภาพของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้สามารถรับมือกับสิ่งท้าทาของการเปิดเสรีและการดำเนินการตามพันธกรณีตามองค์การการค้าโลก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำถึงความร่วมมือในกรอบความร่วมมือการค้าพหุภาคีซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขจัดความยากจนของอาเซียน นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศยังได้ย้ำความปรารถนาของอาเซียนที่จะเห็นองค์การการค้าโลกเร่งรัดกระบวนการเพื่อให้กัมพูชา ลาว และเวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การฯ และเห็นว่าการที่จีนจะได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกโดยเร็วจะมีผลดีเกื้อกูลอย่างสำคัญยิ่งต่อระบบการค้าพหุภาคี 32. รัฐมนตรีต่างประเทศแสดงความกังวลต่อราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำลงในตลาดโลก ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจึงสนับสนุนความพยายามของอาเซียนที่จะคงการกำหนดท่าทีและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาการปฏิบัติที่บิดเบือนการค้าของประเทศพัฒนาแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การอุดหนุนการส่งออกและมาตรการสนับสนุนภายในประเทศที่มีผลกระทบต่อการค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศ
33. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำข้อเรียกร้องของอาเซียนที่สนับสนุนให้กัมพูชา ลาว และพม่าได้เข้าร่วมในคณะทำงานต่างๆ ของเอเปคจนกว่าประเทศทั้งสามจะได้เข้าเป็นสมาชิก เอเปค รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่จีนจะเป็นประธานเอเปคในปี 2544 และแสดงความสนับสนุนอย่างเต็มที่ที่จะให้บรรลุจุดมุ่งหมายของเอเปคในเรื่อง "การรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในศตวรรษใหม่ : การบรรลุถึงความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันด้วยการมีส่วนร่วมและการร่วมมือกัน"
34. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบผลสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย — ยุโรป (Asia-Europe Foreign Ministers ’ Meeting — ASEM FMM) ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐ-ประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2544 และยืนยันพันธกรณี ของอาเซียนต่อกระบวนการของเอเชีย - ยุโรป รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำถึงการสนับสนุนกัมพูชา ลาว และพม่าเข้าเป็นสมาชิกของอาเซมโดยเร็ว อีกทั้งเห็นพ้องที่จะทำให้การประชุมอาเซม ในอนาคตมีปฏิสัมพันธ์และในลักษณะที่ไม่เป็นทางการมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีความเป็นหุ้นส่วน อย่างรอบด้านระหว่างเอเชีย — ยุโรปในยุคหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหวังจะเห็นการจัดประชุม ASEM FMM ครั้งที่ 4 ที่สเปนในเดือนมิถุนายน 2545 และการประชุมสุดยอดเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 4 ที่กรุงโคเปนเฮเกนในเดือนกันยายน 2545
35. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนให้ความสำคัญกับโครงการความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคในลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-regional Cooperation Program — GMS) ที่มุ่งเพิ่มพูนการค้าในภูมิภาคและการค้าชายแดนโดยอาศัยการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งเชื่อมโยง การมุ่งสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพแรงงานและตลาดโดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เห็นว่าวัตถุประสงค์ของโครงการ GMS กับผลประโยชน์และกิจกรรมของอาเซียนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งกรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอาเซียน — ลุ่มน้ำโขง (ASEAN-Mekong Basin Development Cooperation — AMBDC) มีส่วนช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ทั้งสององค์กรจะต้องร่วมมือและประสานงานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
36. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีต่อความสำเร็จของการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือ ลุ่มแม่น้ำโขง — คงคา ครั้งที่ 1 ที่เวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2543 และเห็นว่าความร่วมมือนี้มีส่วนช่วยเสริมความพยายามต่างๆ ในการนำศักยภาพของภูมิภาค มาใช้ รวมทั้งแสดงความหวังว่าความร่วมมือดังกล่าวซึ่งในขั้นแรกจะเน้นที่การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาจะส่งผลที่เป็นรูปธรรม อันจะช่วยส่งเสริมความพยายามที่จะนำอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเข้ามารวมตัวกับภูมิภาค นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหวังว่า การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง — คงคา ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงฮานอย ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2544 จะประสบผลสำเร็จด้วยดีความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
37. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่เศรษฐกิจในประเทศอาเซียนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ได้เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจต่อไปในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เน้นถึงความสำคัญของการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นมาตรการที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและดึงดูดการลงทุน 38 รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีที่มีความพยายามให้เขตการค้าเสรีอาเซียนบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว และย้ำความสำคัญที่เขตการค้าเสรีอาเซียนจะเปรียบเสมือนหลักสำคัญในการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาครัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนชื่นชมที่ประเทศภาคีเดิมของเขตการค้าเสรีอาเซียนได้ตัดสินใจเร่งดำเนินการตามกลไกในการลดภาษีตามข้อตกลงว่าด้วยอัตราศุลกากรพิเศษที่เท่ากัน (CEPT) และ สนับสนุนความพยายามที่จะเผยแพร่เกี่ยวกับเขตการค้าเสรีอาเซียน รวมทั้งได้แสดงความยินดีต่อการดำเนินโครงการ CEPT Outreach Program ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม - วันที่ 6 เมษายน 2544 ในเมืองหลวงของอาเซียน 5 แห่งเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่พึงได้รับจากเขตการค้าเสรีอาเซียนให้วงการธุรกิจทราบ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7(ยังมีต่อ)
-อน-