กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ทุ่มงบจัด 2 งานใหญ่ระดับชาติ จับมือพันธมิตรผนึกกำลังสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิไทย มุ่งยกระดับให้เป็นสินค้าคุณภาพเทียบหลุยส์ วิคตองส์ ดึงผู้นำเข้าและ สื่อมวลชนจากทุกภูมิภาคทั่วโลกร่วมงานหวังให้ชื่อเสียงข้าวหอมมะลิไทยขจรไกลสู่ตลาดโลก
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ดำเนินนโยบาย เชิงรุกเพื่อยกระดับข้าวหอมมะลิไทย โดยจัดทำแผนงานต่าง ๆ ที่จะผลักดันและยกระดับให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้าคุณภาพดีเลิศ (Premium) มีความเป็นเอกลักษณ์ ( Unique) และมีความแตกต่าง (Differentiation) โดยได้ดำเนินงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิกำหนดแนวทางในการรักษาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยจากต้นทางการผลิตจนถึงขั้นตอนการส่งออกโดยส่งเสริมให้จังหวัดมีการรับรองโรงสีที่ผลิตและจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยที่ได้มาตรฐานสูงสุด และจัดสัมมนายุทธศาสตร์การสร้างตราข้าวหอมมะลิไทย เพื่อสนับสนุนให้ ผู้ผลิตข้าวสามารถสร้างตราข้าวหอมมะลิไทยของตนเอง (Private Brand ) นำไปสู่การสร้างกลุ่ม ผู้ส่งออกเข้าสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินยุทธศาสตร์การสร้างพันธมิตรเพื่อสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิไทย ( Private Branding) ซึ่งเป็นการร่วมมือร่วมใจกันขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ ประกอบด้วย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริม การส่งออก สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมโรงแรมไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมการค้าภายใน ซึ่งมีเครือข่ายหรือสื่อประชาสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ความแตกต่างของข้าวหอมมะลิไทยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีระบบ ครบวงจรในเวลาเดียวกัน ด้วยยุทธวิธีเชิงรุกเริ่มตั้งแต่เมื่อนักท่องเที่ยว 13 ล้านคน เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย พำนักอยู่ในประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำและกระตุ้นเตือนให้นักท่องเที่ยวเกิดความรับรู้ ยอมรับ และจดจำ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในคุณค่าของข้าวหอมมะลิไทย ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศมีกำหนดจัดงานเปิดตัวโครงการสร้างตราข้าวหอมมะลิไทย ในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2548 เวลา 14.00 - 16.30 น. ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรม Intercontinental กรุงเทพฯ โดยได้เชิญ ผู้นำเข้าข้าวจากต่างประเทศทั่วโลก บริษัทนำเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติ ฑูตานุฑูตรวมทั้งสื่อมวลชนทุกสาขาทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงาน ซึ่งในงานจะจำลองแผนงานการประชาสัมพันธ์แบรนด์ข้าวหอมมะลิไทยตั้งแต่ การสร้างความสนใจ การเหนี่ยวรั้งให้เอาใจใส่ กระตุ้นให้เกิดความอยากลอง อยากซื้อและเก็บไปบอกต่อ
หลังจากงานเปิดตัวโครงการดังกล่าวแล้ว กรมฯ จะนำคณะฯ ผู้นำเข้าข้าวและสื่อมวลชนจากทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะที่เป็นลูกค้าสำคัญของไทย อาทิ ประเทศในแถบเอเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน อเมริกา เช่น สหรัฐและแคนาดา ตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ ยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย นอกจากนี้ยังได้เชิญกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอุปโภค บริโภค เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ และสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ เช่น CCTV เข้าร่วมประชุม นานาชาติ Thai Hom Mali Rice Convention 2005 ระหว่างวันที่ 28 — 29 พฤศจิกายน 2548 ณ โรงแรมลายทอง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับทราบถึงขบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพข้าวหอมมะลิของไทยที่ได้รับมาตรฐานในแหล่งผลิตซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ซื้อข้าวทั่วโลกได้รู้จักกับผู้ค้าข้าวในท้องถิ่น
ในงาน นอกจากการจัดประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจาก องค์กรข้าวทั้งภาครัฐและเอกชนมาบรรยายพิเศษเรื่องข้าวหอมมะลิไทยแล้ว ยังได้จัดให้คณะฯ เยี่ยมชม กิจกรรมการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิไทยตามอย่างวัฒนธรรม วิถี และภูมิปัญญาไทยที่มีต่อข้าวมาช้านาน ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ถึงคุณลักษณะพิเศษเฉพาะของข้าวหอมมะลิไทยที่แตกต่างจากข้าวใดในโลก คือ มีกลิ่นหอม นุ่มนวล ผลผลิตจำกัด ปลูกได้เพียงปีละครั้งและประเทศไทยเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวของโลก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวในท้ายที่สุดว่า กรมฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะสามารถเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสามารถสะท้อนให้ทั่วโลกเห็นภาพลักษณ์และเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับข้าวหอมมะลิไทยและพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้บริโภคข้าวที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ที่สำคัญ แบรนด์ข้าวหอมมะลิไทยจะขึ้นเทียบชั้นสินค้าคุณภาพดีเลิศ (Premium) เป็นที่รู้จักในตลาดโลก
อนึ่งในช่วง มกราคม — 18 พฤศจิกายน 2548 ประเทศไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไป ต่างประเทศ จำนวน 1.915 ล้านตัน มูลค่า 725 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณการส่งออกคิดเป็น สัดส่วน 29.8 % มูลค่า 36.3 % ของการส่งออกข้าวโดยรวม สำหรับประเทศที่ไทยส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เซเนกัล สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จีน และ ไอเวอรี่โคสต์ เป็นต้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ดำเนินนโยบาย เชิงรุกเพื่อยกระดับข้าวหอมมะลิไทย โดยจัดทำแผนงานต่าง ๆ ที่จะผลักดันและยกระดับให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้าคุณภาพดีเลิศ (Premium) มีความเป็นเอกลักษณ์ ( Unique) และมีความแตกต่าง (Differentiation) โดยได้ดำเนินงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิกำหนดแนวทางในการรักษาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยจากต้นทางการผลิตจนถึงขั้นตอนการส่งออกโดยส่งเสริมให้จังหวัดมีการรับรองโรงสีที่ผลิตและจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยที่ได้มาตรฐานสูงสุด และจัดสัมมนายุทธศาสตร์การสร้างตราข้าวหอมมะลิไทย เพื่อสนับสนุนให้ ผู้ผลิตข้าวสามารถสร้างตราข้าวหอมมะลิไทยของตนเอง (Private Brand ) นำไปสู่การสร้างกลุ่ม ผู้ส่งออกเข้าสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินยุทธศาสตร์การสร้างพันธมิตรเพื่อสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิไทย ( Private Branding) ซึ่งเป็นการร่วมมือร่วมใจกันขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ ประกอบด้วย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริม การส่งออก สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมโรงแรมไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมการค้าภายใน ซึ่งมีเครือข่ายหรือสื่อประชาสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ความแตกต่างของข้าวหอมมะลิไทยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างมีระบบ ครบวงจรในเวลาเดียวกัน ด้วยยุทธวิธีเชิงรุกเริ่มตั้งแต่เมื่อนักท่องเที่ยว 13 ล้านคน เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย พำนักอยู่ในประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำและกระตุ้นเตือนให้นักท่องเที่ยวเกิดความรับรู้ ยอมรับ และจดจำ ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในคุณค่าของข้าวหอมมะลิไทย ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศมีกำหนดจัดงานเปิดตัวโครงการสร้างตราข้าวหอมมะลิไทย ในวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2548 เวลา 14.00 - 16.30 น. ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรม Intercontinental กรุงเทพฯ โดยได้เชิญ ผู้นำเข้าข้าวจากต่างประเทศทั่วโลก บริษัทนำเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติ ฑูตานุฑูตรวมทั้งสื่อมวลชนทุกสาขาทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงาน ซึ่งในงานจะจำลองแผนงานการประชาสัมพันธ์แบรนด์ข้าวหอมมะลิไทยตั้งแต่ การสร้างความสนใจ การเหนี่ยวรั้งให้เอาใจใส่ กระตุ้นให้เกิดความอยากลอง อยากซื้อและเก็บไปบอกต่อ
หลังจากงานเปิดตัวโครงการดังกล่าวแล้ว กรมฯ จะนำคณะฯ ผู้นำเข้าข้าวและสื่อมวลชนจากทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะที่เป็นลูกค้าสำคัญของไทย อาทิ ประเทศในแถบเอเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน อเมริกา เช่น สหรัฐและแคนาดา ตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ ยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย นอกจากนี้ยังได้เชิญกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอุปโภค บริโภค เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ และสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ เช่น CCTV เข้าร่วมประชุม นานาชาติ Thai Hom Mali Rice Convention 2005 ระหว่างวันที่ 28 — 29 พฤศจิกายน 2548 ณ โรงแรมลายทอง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับทราบถึงขบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพข้าวหอมมะลิของไทยที่ได้รับมาตรฐานในแหล่งผลิตซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ซื้อข้าวทั่วโลกได้รู้จักกับผู้ค้าข้าวในท้องถิ่น
ในงาน นอกจากการจัดประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจาก องค์กรข้าวทั้งภาครัฐและเอกชนมาบรรยายพิเศษเรื่องข้าวหอมมะลิไทยแล้ว ยังได้จัดให้คณะฯ เยี่ยมชม กิจกรรมการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิไทยตามอย่างวัฒนธรรม วิถี และภูมิปัญญาไทยที่มีต่อข้าวมาช้านาน ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ถึงคุณลักษณะพิเศษเฉพาะของข้าวหอมมะลิไทยที่แตกต่างจากข้าวใดในโลก คือ มีกลิ่นหอม นุ่มนวล ผลผลิตจำกัด ปลูกได้เพียงปีละครั้งและประเทศไทยเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวของโลก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวในท้ายที่สุดว่า กรมฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะสามารถเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสามารถสะท้อนให้ทั่วโลกเห็นภาพลักษณ์และเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับข้าวหอมมะลิไทยและพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้บริโภคข้าวที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ที่สำคัญ แบรนด์ข้าวหอมมะลิไทยจะขึ้นเทียบชั้นสินค้าคุณภาพดีเลิศ (Premium) เป็นที่รู้จักในตลาดโลก
อนึ่งในช่วง มกราคม — 18 พฤศจิกายน 2548 ประเทศไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไป ต่างประเทศ จำนวน 1.915 ล้านตัน มูลค่า 725 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณการส่งออกคิดเป็น สัดส่วน 29.8 % มูลค่า 36.3 % ของการส่งออกข้าวโดยรวม สำหรับประเทศที่ไทยส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เซเนกัล สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จีน และ ไอเวอรี่โคสต์ เป็นต้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-