รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ยันไม่มีโผตำแหน่งหลักในพรรค และพร้อมที่จะทำงานกับคนที่ที่ประชุมเห็นว่าเหมาะสม เชื่อจะสามารถทำงานคนกันได้ ระหว่าง คนมีประสบการณ์ กับ คนรุ่นใหม่ ไฟแรง
วันนี้ (2 ก.พ. 2548) เวลา 09.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางสถานีวิทยุ 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้พูดคุยชัดเจนกับเพื่อนร่วมพรรค ว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2548 ในวันเสาร์(5 มีนาคม 2548) จะไม่มีโผ คือไม่มีว่า รองหัวหน้าต้องเป็นคนนั้น ตำแหน่งหลักๆในพรรคต้องเป็นคนนี้ เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค เพราะฉะนั้นเป็นสิทธิของที่ประชุมที่จะเลือกตั้งกัน ‘ผมพร้อมที่จะทำงานกับคนที่ที่ประชุมเห็นว่ามีความเหมาะสม ผมเชื่อว่าขณะนี้ทุกคนคงจะเห็นตรงกันในเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่อง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้น ผมเชื่อว่าจะสามารถทำงานหรือดำเนินการผสมผสานกันได้ ระหว่าง ผู้ที่มีประสบการณ์ กับ คนรุ่นใหม่ ไฟแรง พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า คงไม่มีจะไปบอกว่าคนนั้นมาแทนคนนี้ คนนี้มาแทนคนนั้น แต่ที่ประชุมจะเป็นคนตัดสิน’ นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า การเคลื่อนไหวในพรรคก็คึกคักพอสมควร ในลักษณะที่เป็นประชาธิปไตย หลายท่านก็อาสาตัว โดยบางคนก็ประกาศต่อสาธารณะบ้าง บางคนก็ประกาศต่อเพื่อนร่วมพรรคบ้าง แต่ที่น่ายินดีคือ ในหลายกรณีมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันว่า จุดหลักคือจะทำอย่างไรให้งานของพรรคเดินต่อไปได้อย่างเป็นเอกภาพ
เมื่อถามว่า นักการเมืองรุ่นใหญ่ของพรรค จะยังดำรงตำแหน่ง เป็นผู้บริหารพรรค หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ตัดสิทธิ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งของที่ประชุม และความสมัครใจของแต่ละท่าน แต่กลไกองค์กรของพรรค มีลักษณะที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้ อย่างการมีสภาที่ปรึกษา ก็เป็นช่องทางสำคัญที่พรรคต้องใช้ประโยชน์มากขึ้น และสภาที่ปรึกษา ก็โยงโดยข้อบังคับกับสมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อไปจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ได้รับการขานรับจากคนในพรรค และนอกพรรคด้วย ส่วนอดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็คงจะมีบทบาทสำคัญในภาระหน้าที่ของที่ปรึกษา หรือ สภาที่ปรึกษา แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของท่านด้วย ซึ่งนายบัญญัติ มีประสบการณ์สูงทั้งงานในสภา งานทางด้านการปกครอง งานทางด้านการกระจายอำนาจ ดังนั้นจะเป็นประโยชน์กับการช่วยชี้แนะการทำงานของพรรคในด้านเหล่านี้
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคมหาชนสนใจจะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แต่ก็มีการประสานงานกันในบางเรื่อง อย่างเช่น กรณีที่เกิดขึ้นกับนายปราเมศ โพธารากุล ผู้สมัคร ส.ส. จ.กาญจนบุรี ของพรรค ที่ท่านได้กรุณาไปเป็นพยาน ก็ต้องขอบคุณท่านที่ได้แสดงน้ำใจ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องของการยุบรวมพรรค ส่วนการร่วมงานกันในฐานะฝ่ายค้าน กับพรรคมหาชน และพรรคชาติไทย ก็จะมีการดำเนินการปรึกษากันในกรอบการทำงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (2 ก.พ. 2548) เวลา 09.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางสถานีวิทยุ 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้พูดคุยชัดเจนกับเพื่อนร่วมพรรค ว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2548 ในวันเสาร์(5 มีนาคม 2548) จะไม่มีโผ คือไม่มีว่า รองหัวหน้าต้องเป็นคนนั้น ตำแหน่งหลักๆในพรรคต้องเป็นคนนี้ เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค เพราะฉะนั้นเป็นสิทธิของที่ประชุมที่จะเลือกตั้งกัน ‘ผมพร้อมที่จะทำงานกับคนที่ที่ประชุมเห็นว่ามีความเหมาะสม ผมเชื่อว่าขณะนี้ทุกคนคงจะเห็นตรงกันในเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่อง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้น ผมเชื่อว่าจะสามารถทำงานหรือดำเนินการผสมผสานกันได้ ระหว่าง ผู้ที่มีประสบการณ์ กับ คนรุ่นใหม่ ไฟแรง พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า คงไม่มีจะไปบอกว่าคนนั้นมาแทนคนนี้ คนนี้มาแทนคนนั้น แต่ที่ประชุมจะเป็นคนตัดสิน’ นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า การเคลื่อนไหวในพรรคก็คึกคักพอสมควร ในลักษณะที่เป็นประชาธิปไตย หลายท่านก็อาสาตัว โดยบางคนก็ประกาศต่อสาธารณะบ้าง บางคนก็ประกาศต่อเพื่อนร่วมพรรคบ้าง แต่ที่น่ายินดีคือ ในหลายกรณีมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันว่า จุดหลักคือจะทำอย่างไรให้งานของพรรคเดินต่อไปได้อย่างเป็นเอกภาพ
เมื่อถามว่า นักการเมืองรุ่นใหญ่ของพรรค จะยังดำรงตำแหน่ง เป็นผู้บริหารพรรค หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ตัดสิทธิ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งของที่ประชุม และความสมัครใจของแต่ละท่าน แต่กลไกองค์กรของพรรค มีลักษณะที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานได้ อย่างการมีสภาที่ปรึกษา ก็เป็นช่องทางสำคัญที่พรรคต้องใช้ประโยชน์มากขึ้น และสภาที่ปรึกษา ก็โยงโดยข้อบังคับกับสมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อไปจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ได้รับการขานรับจากคนในพรรค และนอกพรรคด้วย ส่วนอดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็คงจะมีบทบาทสำคัญในภาระหน้าที่ของที่ปรึกษา หรือ สภาที่ปรึกษา แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของท่านด้วย ซึ่งนายบัญญัติ มีประสบการณ์สูงทั้งงานในสภา งานทางด้านการปกครอง งานทางด้านการกระจายอำนาจ ดังนั้นจะเป็นประโยชน์กับการช่วยชี้แนะการทำงานของพรรคในด้านเหล่านี้
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคมหาชนสนใจจะร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แต่ก็มีการประสานงานกันในบางเรื่อง อย่างเช่น กรณีที่เกิดขึ้นกับนายปราเมศ โพธารากุล ผู้สมัคร ส.ส. จ.กาญจนบุรี ของพรรค ที่ท่านได้กรุณาไปเป็นพยาน ก็ต้องขอบคุณท่านที่ได้แสดงน้ำใจ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องของการยุบรวมพรรค ส่วนการร่วมงานกันในฐานะฝ่ายค้าน กับพรรคมหาชน และพรรคชาติไทย ก็จะมีการดำเนินการปรึกษากันในกรอบการทำงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-