1. อินเดียเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันดับ 22 ของโลก โดยมีมูลค่าการนำเข้า 97,312,729,185 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.71 ในขณะที่เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 28 มูลค่า 75,630,585,967 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.63 (ม.ค.-ธ.ค. 2547) 2. แหล่งผลิตสำคัญที่อินเดียนำเข้าในปี 2548 (ม.ค.-ก.พ.) ได้แก่ - จีน ร้อยละ 6.21 มูลค่า 1,205.629 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.05 - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร้อยละ 5.29 มูลค่า 1,027.389 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ89.74 - สหรัฐฯ ร้อยละ 5.24 มูลค่า 1,018.277 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.89 - เบลเยี่ยม ร้อยละ 4.76 มูลค่า 924.824 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.34 ไทยอยู่อันดับที่ 25 ร้อยละ 0.76 มูลค่า 147.618 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.70 3. สมาพันธ์อุตสาหกรรมอินเดียรายงานว่า เศรษฐกิจอินเดียในปีงบประมาณ 48-49 น่าจะขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 7.2 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมและบริการเติบโตเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาคการเกษตรและการส่งออกยังขยายตัวได้ดี 4. อินเดียเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 16 ของไทย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 1.44 ของมูลค่าการส่งออก747.07 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.37 (ม.ค-มิ.ย 2548) หรือคิดเป็นร้อยละ 45.44 ของเป้าหมายการส่งออก 5. สินค้าไทยส่งออกไปอินเดีย (ม.ค.-มิ.ย 2548) 25 อันดับแรกมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 86.18ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมไปตลาดนี้ สินค้าสำคัญที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 1,000 มี 1 รายการสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 100 มี 6 รายการ และสินค้าที่มีมูลค่าลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการสถิติการส่งออกสินค้าไทยไปอินเดียที่มีมูลค่าการเปลี่ยนแปลงสูง ม.ค.-มิ.ย. 2548 ตลาด อันดับที่ มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการ %เปลี่ยนแปลง สัดส่วน ร้อยละ2548 ม.ค.-มิ.ย.47 ม.ค.-มิ.ย.48 เปลี่ยนแปลง ม.ค.-มิ.ย. 2547 ม.ค.-มิ.ย.1. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดีย เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าร้อยละ 1,000 มี 1 รายการ (1) หลอดภาพโทรทัศน์สี 21 0.30 8.59 8.29 2,751.47 0.52 1.15 2. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดีย เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าร้อยละ 100 มี 6 รายการ (1) เม็ดพลาสติก 1 30.68 95.52 64.84 211.34 7.66 12.79 (2) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ 4 15.83 53.36 37.53 237.11 2.98 7.14 (3) เครื่องรับวิทยุและส่วนประกอบ 6 13.17 37.31 24.14 183.22 6.39 4.99 (4) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 7 13.71 33.53 19.82 144.50 3.62 4.49 (5) สายไฟฟ้า สายเคเบิล 13 4.09 12.85 8.76 214.52 1.99 1.72 (6) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม 14 4.23 11.64 7.41 175.31 1.10 1.56 3. สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกไปอินเดีย ลดลงมากกว่าร้อยละ 20 มี 2 รายการ (1) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 8 39.70 27.33 -12.37 -31.16 8.24 3.66 (2) เคมีภัณฑ์ 12 22.85 17.26 -5.59 -24.50 4.84 2.31รวบรวมโดย : ศูนย์สารสนเทศการค้าระหว่างประเทศจากสถิติการส่งออกดังกล่าวมีข้อสังเกต ดังนี้หลอดภาพโทรทัศน์สี (HS. 854011) COL CAT-RAY TV TUBE - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 11 ของโลกผู้ส่งออกหลักคือ จีน สหรัฐฯ เกาหลีใต้ - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 5 มูลค่า 1.153 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 9.05เพิ่มขึ้นร้อยละ 45,703.51 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 12.737 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงร้อยละ 39.06 นำเข้าจาก มาเลเซีย จีนเกาหลีใต้ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548)เม็ดพลาสติก (HS. 3901) ETHYLENE, PRIMARY FORM - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 12 ของโลกผู้ส่งออกหลักคือ เบลเยี่ยม สหรัฐฯ แคนาดา - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 10 มูลค่า 1.415 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 4.67เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.90 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 1.415 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.90 นำเข้าจาก ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐฯ สิงคโปร์ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548)เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ (HS. 8408) COMPRESSION-IGNITION - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 18 ของโลกผู้ส่งออกหลักคือ เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐฯ - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 2 มูลค่า 5.488 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 24.53เพิ่มขึ้นร้อยละ 315.54 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 22.373 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 169.73 นำเข้าจาก เกาหลีใต้ ไทย ฟินแลนด์ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548)เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ (HS. 8527) Radiobroadcst Recvers - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 10 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ จีน ฮ่องกง เม็กซิโก - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 5 มูลค่า 0.401 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 3.79 เพิ่มขึ้นร้อยละ 174.58 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 10.598 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ58.71 นำเข้าจาก จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (HS. 84) MACHINERY - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 21 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ เยอรมนี สหรัฐฯ จีน - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 13 มูลค่า 25.948 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 1.63ลดลงร้อยละ 32.61 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 1,591.510 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.70 นำเข้าจาก เยอรมนี สหรัฐฯ จีน เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548) สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล (HS. 8544) INSUL CABL, WIRE, ETC - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 23 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ เม็กซิโก สหรัฐฯ เยอรมนี - อินเดีย นำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 2 มูลค่า 6.039 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 12.30 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,136.91 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 49.111 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.80 นำเข้าจาก จีน ไทย สหรัฐฯ เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม (HS. 76) Aluminum - ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 33 ของโลก ผู้ส่งออกหลักคือ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐฯ - อินเดีย นำเข้าจากไทยอันดับที่ 12 มูลค่า 2.371 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 203.73 ด้านการนำเข้าจากตลาดโลกของอินเดีย มูลค่า 74.882 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.78 นำเข้าจาก อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน เป็นหลัก (ม.ค.-ก.พ. 2548) 7. ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นเรื่องการค้าระหว่างไทย-อินเดีย อินเดียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่อันดับ 7 ของโลก มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงถึงประมาณ 300 ล้านคน และเป็น Gateway เปิดสู่ประเทศภูมิภาคเอเซียใต้อีกด้วยในปัจจุบันอินเดียมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยหันมาจับตามองความเปลี่ยนแปลงของช่องทางการค้าเพื่อขยายตลาดไปอินเดียให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ไทย-อินเดียจะมีการเจรจา FTA ระหว่างกันและการเจรจาดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถขยายตลาดสู่อินเดียได้เพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่อินเดียก็เป็นประเทศที่มีการแข่งขันด้านการตลาดสูงมาก ประกอบกับระบบขนส่งและระบบสาธารณูปโภคยังไม่คล่องตัว ส่งผลให้การกระจายสินค้ามีความยากลำบาก ดังนั้นผู้ที่ประสงค์จะส่งออกไปประเทศอินเดียจะต้องศึกษาและให้ความสำคัญกับรูปแบบการกระจายสินค้าและข้อมูลประกอบการทำตลาดในอินเดียอย่างละเอียด ทั้งนี้ตัวอย่างของช่องทางการกระจายสินค้า ได้แก่ - การกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย : ผู้ส่งออกจะต้องเลือกตัวแทนจำหน่ายให้เหมาะกับสินค้าของตน ทั้งนี้อาจพิจารณาจากชื่อเสียง ประสบการณ์ และความชำนาญด้านการตลาดเป็นสำคัญ - การกระจายสินค้าผ่านระบบ E-Business : เป็นช่องทางที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ - การกระจายสินค้าผ่านการโฆษณาในแผ่นพับหรือแคตตาล็อกสินค้า : เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหาด้านการติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภค ทั้งนี้ในแผ่นพับควรจะมีรายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน เช่น ภาพสินค้า ราคา คุณสมบัติ และรหัสสินค้า เป็นต้น ปัจจุบันในประเทศอินเดียมีห้างสรรพสินค้าเพียง 20 แห่ง แต่เนื่องจากอินเดียมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่าภายในปี 2009 อินเดียจะมีห้างสรรพสินค้าประมาณ 600 แห่งทั่วอินเดีย โดยเฉพาะที่กรุงนิวเดลีซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างไรก็ตามแม้จำนวนห้างสรรพสินค้าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่จากการวิจัยกลับพบว่า ชาวอินเดียเพียง 10-15% เท่านั้นที่มีความต้องการไปห้างสรรพสินค้าเพื่อหาซื้อสินค้าอย่างแท้จริง ซึ่งคนอินเดียยังคงมีความเชื่อว่าสินค้าในห้างฯ มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าจากร้านค้าปลีก ด้วยความเชื่อข้างต้น ส่งผลให้คนชั้นกลางส่วนใหญ่ไม่นิยมจับจ่ายสินค้าจากห้างฯ จะเห็นได้ว่าราคาเป็นปัจจัยสำคัญมากในการเข้าถึงลูกค้า เนื่องจากรายได้ของคนอินเดียต่อหัวไม่สูงมากนัก ดังนั้นหากต้องการเข้าถึงตลาดอินเดียและสามารถแข่งขันกับผู้ค้าภายในประเทศอินเดียเองได้ กลยุทธ์ที่สำคัญคือจะต้องมีการติดต่อกับนักธุรกิจ คู่ค้าอย่างสม่ำเสมอและจะต้องยอมรับที่จะมีการต่อรองราคาสินค้าเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำธุรกิจร่วมกัน จากการคาดหมายของนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า อินเดียจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน เนื่องจากมีศักยภาพด้านแหล่งวัตถุดิบ ทรัพยากรมนุษย์ และความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บริษัทวิจัยอุตสาหกกรมไอทีกาธร์เนอร์ ระบุว่าอินเดียและจีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าในปี 2009 ตลาดธุรกิจบริการด้านไอทีในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคจะเติบโตในสัดส่วนร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับปี 2004 สูงกว่ามาตรฐานสัดส่วนการเติบโตของตลาดทั่วโลกโดยเฉลี่ยร้อยละ 6.1 ในขณะที่ตลาดที่มีการเติบโต มานานก่อนหน้านี้ เช่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ เริ่มชะลอตัวลงเรื่อยๆ สำหรับตลาดธุรกิจบริการ ด้านไอทีของอินเดียคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 22.7 ในปี 2548 ขณะที่การเติบโตของจีนอยู่ที่ร้อยละ 11.8 ผลจากการเติบโตของอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียที่รวดเร็วและต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเหนืออุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องประดับ โดยอินเดียจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้อย่างมาก ซึ่งธุรกิจ Outsourcing จะเป็นกลไกหลักที่จะทำให้อุตสาหกรรมไอทีของอินเดียขยายตัว โดยคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนถึง 56% ของเศรษฐกิจในปี 2550 ที่มา: http://www.depthai.go.th